เป็นข่าวครึกโครมไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเมื่อบริการเรียกมอเตอร์ไซค์รับจ้างยอดฮิตในกรุงเทพอย่าง Uber Moto และ Grab Bike ถูกกรมการขนส่งทางบกแบนไป แต่คล้อยหลังไปไม่นานบริการน้องใหม่อย่าง GoBike ก็เริ่มปรากฎตัวขึ้น!
GoBike แอปเรียกมอเตอร์ไซค์รับจ้างอย่างเป็นทางการจากสมาคมผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง ที่ได้รับอนุญาตอย่างกรมการขนส่งทางบกให้เปิดบริการ เพราะใช้จักรยานยนต์รับจ้างที่ถูกต้องการกฎหมาย จดทะเบียนเป็นรถรับจ้างและมีเสื้อวิน ได้เปิดให้ดาวน์โหลดทั้ง iOS และ Android แล้ว
โดยลักษณะของแอปนั้นคล้ายคลึงกับ Grab และ Uber ที่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้ได้เลือกจุดรับและจุดที่ต้องการให้จักรยานยนต์รับจ้างไปส่ง โดยระบบจะประเมินค่าโดยสารมาให้เป็นไปตามที่คณะรัฐมนตรีกำหนด คือ
- ระยะทาง 2 กม. แรก อัตราค่าโดยสาร ไม่เกิน 25 บาท
- ระยะทาง กม.ต่อไป แต่ไม่เกิน 5 กม. อัตราค่าโดยสาร ไม่เกิน กม.ละ 5 บาท
- ระยะทาง เกิน 5 กม. แต่ไม่เกิน 15 กม. อัตราค่าโดยสาร ตั้งแต่ กม.แรก จนสิ้นสุดการรับจ้าง ต้องไม่เกิน กม.ละ 10 บาท
- ระยะทาง เกินกว่า 15 กม.ขึ้นไป อัตราค่าโดยสาร ตามที่ผู้ขับรถและผู้โดยสารตกลงกัน
- กรณีที่ไม่มีการตกลงกัน ตั้งแต่ กม.แรก จนสิ้นสุดการรับจ้าง ต้องไม่เกิน กม.ละ 10 บาท
ซึ่งแอป GoBike จะมีค่าบริการเริ่มต้นที่ 20 บาท และผู้ใช้สามารถป้อนทิปกับผู้ขับขี่เพื่อจูงใจในการให้บริการได้ด้วย โดยค่าโดยสารทั้งหมดจะชำระเป็นเงินสดกับผู้ให้บริการจักรยานยนต์รับจ้างเอง
ตอนนี้ GoBike มีผู้ขับขี่ลงทะเบียนแล้วในระบบกว่า 100,000 คน ซึ่งก็เริ่มเปิดให้บริการเรียบร้อยแล้ว และจะให้บริการแบบเต็มรูปแบบภายในเดือนมิถุนายนนี้ ซึ่งใครที่สนใจสามารถดาวน์โหลดมาใช้ได้แล้วจาก Apple App Store และ Google Play Store
ทีมงานเว็บแบไต๋ได้ทดลองแอปคร่าวๆ สำหรับระบบปฏิบัติการ iOS ก็พบว่าตัวแอปทำงานได้ดี รูปแบบการทำงานได้มาตรฐานแอปในลักษณะนี้ ผู้ใช้ที่เคยใช้แอปประเภทนี้มาก่อนก็สามารถใช้งานได้ทันที และเมื่อค้นหามอเตอร์ไซค์รับจ้างที่อยู่รอบตัวก็พบว่ามีให้บริการจริงๆ แม้จะเป็นช่วงกลางดึกแล้ว ก็ถือว่าเริ่มต้นได้น่าสนใจ (ไว้ถ้าทีมงานมีโอกาสได้เรียกใช้บริการจริงๆ จะมารีวิวให้ดู)
ก็น่าจับตาว่าทั้ง Uber และ Grab จะจัดการกับปัญหาด้านกฎหมายที่เกิดขึ้นอย่างไร เพราะถึงเราจะเชียร์ทั้ง 2 ค่ายให้กลับมาให้บริการเพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ใช้ และเป็นการแข่งขันในด้านราคาและคุณภาพของบริการ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ากรอบกฎหมายที่มีอยู่ยังไม่ได้เอื้ออำนวยกับธุรกิจในลักษณะนี้ ซึ่งถ้าทั้ง 2 บริการไม่ปรับตัวให้ลงมาเล่นตามกฎหมาย ก็ต้องหาอำนาจให้ได้มากพอที่จะแก้ไขกฎหมายให้เปิดกว้างมากขึ้น