เรียกว่าเป็นไปตามความคาดหมายเมื่อตัวเลขผลประกอบการไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ (นับถึงกันยายน) ออกมาแล้ว พบว่ารายได้รวมของ Apple ตกลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2001 โดยปัจจัยหลักนั้นก็หนีไม่พ้นยอดขายที่ลดลงของไอโฟนนั่นเอง

ทั้งนี้ Apple ได้เปิดเผยผลประกอบการรวมทุกผลิตภัณฑ์ของบริษัทในปีนี้อยู่ที่ตัวเลข 217 พันล้านเหรียญฯ ลดลง 9 % จากรายได้ที่เคยทำได้อยู่ที่ 233.7 พันล้านเหรียญฯ ในปี 2015 ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของบริษัทที่มีรายได้ต่อปีลดลงในรอบ 15 ปี ขณะที่ยอดขายไอโฟนต่อปีนั้นก็ลดลง 5% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันกับปีที่แล้ว นอกจากนี้ยอดขายในไตรมาสล่าสุดก็ลดลงเหลือ 46.85 พันล้านเหรียญฯ ถือเป็นไตรมาสที่ 3 ติดต่อกันของปีที่ Apple เผชิญกับภาวะกำไรที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง

โดยส่วนหนึ่งมีการวิเคราะห์ว่า การปรับเปลี่ยนนโยบายเปลี่ยนดีไซน์ไอโฟนใหม่ทุกๆ 3 ปี นั้นเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ยอดขายไอโฟนถึงจุดอิ่มตัว เนื่องจากลูกค้าที่ซื้อไอโฟนรุ่นก่อนหน้านี้ก็ไม่รู้สึกว่ามีความจำเป็นต้องเปลี่ยนนั่นเอง อย่างไรก็ตามในปีหน้าซึ่งจะเป็นการครบรอบ 10 ปีของไอโฟนนั้น น่าสนใจเหลือเกินว่าเราจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงมากมายที่จะพลิกสถานการณ์ความอิ่มตัวนี้ได้หรือไม่

อ้างอิง