ใช่ว่า Apple ทำอะไรแล้วจะแจ้งเกิดได้เสมอไป อย่างสองคุณสมบัติอันรวมถึงฮาร์ดแวร์สำคัญที่ Apple ออกแบบและพยายามผลักดันขึ้นมาอย่าง 3D Touch และคีย์บอร์ดแบบกลไกปีกผีเสื้อหรือ Butterfly mechamism ก็ไม่สามารถแจ้งเกิดได้จน Apple ต้องเลิกลากันไป

3D Touch เจ๋งนะ แต่ไม่ใช่ทุกคนจะใช้

3D Touch เป็นฟีเจอร์ที่มีประโยชน์ค่อนข้างมาก ถูกใช้งานครั้งแรกใน iPhone 6s โดย 3D Touch นั้นอาศัยเซนเซอร์ที่ช่วยวัดระดับน้ำหนักที่กดลงบนหน้าจอได้ อย่างเช่น การกดน้ำหนักลงบนแอปก็จะเป็นการเรียกคีย์ลัด หรือหากกดลงบนช่องแชตก็จะทำให้เราสามารถอ่านข้อความโดยที่ไม่ขึ้น read ในเครื่องอีกฝ่ายได้ เป็นต้น

3d touch

แต่สำหรับเสียงส่วนใหญ่แล้วพบว่า “3D Touch นั้นใช้ยาก กะน้ำหนักกดไม่ถูก” “บางคนไม่รู้ว่าเครื่องมีด้วย” หรือแม้แต่ “หลายคนก็ไม่คิดจะสนใจใช้มัน” 

สุดท้ายก็กลายเป็นฟีเจอร์ที่ไม่ได้รับความนิยม แถมกินพื้นที่ภายในเครื่องค่อนข้างเยอะ จนมาถึง iPhone XR และ iPhone 11 (Pro) ที่ Apple เปลี่ยนไปใช้ Haptic Touch ที่บอกได้ว่า ไม่คล้าย 3D Touch เพราะอาศัยการกดค้างเพื่อเรียกเมนูลัดขึ้นมาแทน (แรก ๆ ก็ค่อนข้างงงกับการกดค้างเพื่อลบแอปพอสมควร)

และจากการเปิดตัว iPhone SE รุ่นล่าสุดก็ไม่มี 3D Touch ออกมาให้ได้เห็นกันแล้วครับ

Butterfly Keyboard อันนี้เจ๊ง

วันนี้ Apple เปิดตัว MacBook Pro 13 รุ่นใหม่มาพร้อมกับ Magic Keyboard หรือคีย์บอร์ดกลไกแบบกรรไกรซึ่งจริง ๆ ไม่ใช่ครั้งแรก แต่คีย์บอร์ดชนิดนี้ถูกนำมาใช้ตั้งแต่ MacBook Pro 16 นิ้วแล้ว แต่ทำไม Apple ต้องเปลี่ยนล่ะ?

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2015, Apple เปิดตัวคีย์บอร์ดแบบ Butterfly mechanism พร้อมกับ MacBook 12 (ปัจจุบันเลิกขายไปแล้ว) แต่ปัญหาที่พบเรื่อยมาหลังเปลี่ยนมาใช้กลไกแบบปีกผีเสื้อคือ ไม่แม่นยำ ฝุ่นเข้าได้ง่าย พิมพ์แล้วพิมพ์เบิลให้ เป็นต้น ถึงแม้ว่า Apple จะพยายามพัฒนาต่อมาเรื่อย ๆ แต่ก็ดูเหมือนจะยังไม่ได้ผลดีนัก

keyboard

จนมาปีนี้ สินค้า MacBook ของ Apple ทุกไลน์ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ MacBook Pro 16, MacBook Air 2020 และล่าสุดกับ MacBook Pro 13 นิ้วก็ได้หันมาใช้ Magic Keyboard หรือคีย์บอร์ดแบบกลไกกรรไกรดั้งเดิมหมดเป็นที่เรียบร้อย

ก็บอกลาคีย์บอร์ดปีกผีเสื้อไปอีกหนึ่งอย่างครับ

อ้างอิง MacRumors, BusinessInsider

 

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส