เรียกได้ว่าศึกการประมูลคลื่น 900MHz นั้นส่อเค้าว่าจะยังไม่จบลงง่าย ๆ แม้ว่าจะดุเดือดเลือดพล่านไปแล้วกว่า 4 วัน ร่วม 87 ชั่วโมง และจำนวนเงินที่ประมูลสูงถึง 75,624 ล้านบาทสำหรับ JAS และ 76,298 ล้านบาทสำหรับ TRUE ซึ่งแน่นอนว่าหลังจากประมูลเสร็จสิ้น ทั้ง 2 ค่ายต่างก็ได้ออกมาแถลงว่า สามารถจ่ายได้อย่างแน่นอน แต่ ณ วันนี้อาจจะไม่เป็นอย่างที่คิดแล้วก็เป็นได้..

1532140

คุณนพปฎล เดชอุดม หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน กลุ่มบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)

ที่มาของภาพ: Bangkokpost

TRUE ได้มีการประกาศขอความชัดเจนกับทาง กสทช. ในกรณีที่จะต้องมีการจัดการประมูลคลื่น 900MHz อีกครั้ง โดยคุณนพปฎล เดชอุดม หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน กลุ่มบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้ระบุว่าทางทรูจะยื่นหนังสือไปทาง กสทช. ภายในสัปดาห์นี้ในเรื่องของหากต้องมีการประมูลอีกครั้ง

และหากเป็นเช่นนั้น ทาง AIS และ DTAC ที่ไม่ได้รับใบอนุญาตในครั้งนี้ก็จะมีสิทธิ์ในการประมูลอีกครั้ง ซึ่งแน่นอนว่าถ้ามีผู้เข้าร่วมประมูลเพียง 2 ราย การแข่งขันก็อาจจะไม่สูงเท่าตอนที่มีผู้เข้าร่วม 4 รายอย่างแน่นอนและจะทำให้ทรูกลายเป็นผู้ชำระเงินที่แพงเกินราคาจริงไปโดย ปริยาย

ดังนั้น TRUE จึงได้ระบุว่า หากการประมูลรอบใหม่เกิดขึ้นมาแล้วค่าใบอนุญาตถูกลงกว่าเดิมเท่าไหร่ ทางทรูก็จะต้องจ่ายค่าใบอนุญาติเท่ากับราคานั้น + ไปอีก 600 ล้านบาทเช่น หากปิดที่ 50,000 ล้านบาท ทรูก็จะขอจ่ายค่าใบอนุญาตเท่ากับ 50,600 ล้านบาท เป็นต้น เพื่อความยุติธรรมในการประมูล

ซึ่งทางทรูนั้นได้เตรียมพร้อมที่จะจ่ายค่าใบอนุญาตนี้แล้วอย่างแน่นอนโดยระบุว่าได้รับอนุมัติหนังสือค้ำประกันจากธนาคารทุกแห่งที่ได้ตกลงกันมาแล้วเรียบร้อย และพร้อมจะจ่ายค่าใบอนุญาตหากมีความชัดเจนถ้าผู้ชนะการประมูลคลื่น 900MHz ร่วมกันอย่าง JAS สามารถหาผู้ร่วมทุนหรือได้รับอนุมัติหนังสือค้ำประกันจากธนาคารที่ทำให้ JAS สามารถยืนยันได้ว่าจะมีเงินจ่ายค่าใบอนุญาตทั้งหมด

และเนื่องจากมีข่าวลือว่าทาง JAS ได้เริ่มมีการถอนบิลบอร์ดที่โฆษณาเรื่อง 4G ออก แถมยังไม่สามารถติดต่อคุณพิชญ์ โพธารามิก กรรมการ บริษัท แจส โมบาย บรอดแบนด์ จำกัด ได้อีกด้วย ซึ่งนี่อาจเป็นสาเหตที่ทำให้ TRUE รู้สึกไม่สบายใจจนต้องมีการออกหนังสือขอยืนยันกับ กสทช ในครั้งนี้

ที่มา: bangkokpost

ซึ่งก่อนวันที่ 21 มีนาคมนี้ หาก JAS ไม่สามารถหาเงินมาจ่ายค่าใบอนุญาตงวดแรกได้เท่ากับว่า JAS จะถูกตัดออกจากวงการโทรคมนาคมทันทีและใบอนุญาตก็จะถูกนำมาจัดประมูลใหม่อีก ครั้งในเวลาที่ กสทช. กำหนด

แต่งานนี้มีข่าววงในว่าทาง JAS ได้เริ่มหาเงินจากแหล่งอื่นทั้งจากฝั่งเกาหลี ตามที่เป็นข่าวมาก่อนหน้า, จีน และทางสิงคโปร์ก็เป็นอีกแหล่งที่ให้ความสนใจร่วมลงทุนด้วย หลังจากแบงค์กรุงเทพหรือ BBL ปฎิเสธการปล่อยกู้เต็มจำนวน และยังมีกลุ่ม Singtel เจ้าของเทมาเซค หุ้นส่วนใหญ่ของ AIS เข้ามาร่วมลงทุนอีกด้วย

ซึ่งถ้าข่าวนี้เป็นเช่นนั้นจริงบอกได้เลยว่า JAS จะเป็นยิ่งกว่าเสือติดปีกและจะกลายเป็น 1 ในคู่แข่งที่น่ากลัวมากสำหรับ TRUE, AIS และ DTAC อย่างแน่นอน