SMIC อาจผลิตชิป Kirin 9000s ให้ Huawei ได้เอง แต่ใช้เทคโนโลยีเก่า
กลายเป็นประเด็นทันทีหลังจาก Huawei เปิดตัว Huawei Mate 60 Pro ที่ใช้ชิป Kirin 9000s ผลิตขึ้นด้วยเทคโนโลยี 7nm ซึ่งทางสหรัฐฯ ได้ตั้งข้อสงสัยว่า Huawei และ SMIC ...อ่านต่อ
บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำด้านโรงแรม ร้านอาหาร และไลฟ์สไตล์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และ POP MART ผู้นำด้านป๊อปคัลเจอร์และความบันเทิงชั้นนำจากประเทศจีน ได้ร่วมมือกันจัดตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อส่งเสริมและพัฒนาอาร์ตทอยคัลเจอร์ในประเทศไทย
การร่วมทุนครั้งนี้เกิดขึ้นโดยแผนกธุรกิจค้าปลีกของ Minor International และ POP MART ถือเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ระหว่างผู้นำอุตสาหกรรมทั้ง 2 ฝ่าย การร่วมมือกันครั้งนี้จะใช้ประโยชน์จากทรัพยากรและความเชี่ยวชาญที่มีร่วมกันเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของตลาดอาร์ตทอยในประเทศไทย
นอกจากนี้ยังเป็นการวางรากฐานสำหรับการขยายความร่วมมือกันในระดับโลกต่อไป ด้วยการผสมผสานความเชี่ยวชาญในการค้าปลีก และการตลาดที่กว้างขวางของ Minor International ใน 63 ประเทศและลิขสิทธิ์ใน IP (Intellectual Property) ที่มีชื่อเสียงของ POP MART
ไมคา ตามไท (Micah Tamthai) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไมเนอร์ ไลฟ์สไตล์ กล่าวว่า “ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล มุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์สุดพิเศษที่โดนใจลูกค้าและส่งผลกระทบเชิงบวกให้กับทุก ๆ ฝ่ายที่มีส่วนในความสำเร็จของเรา ซึ่งการร่วมทุนกับ POP MART นี้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของเราในการขยายพอร์ตโฟลิโอและแบรนด์ไลฟ์สไตล์ใหม่ ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการและความชื่นชอบของกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์ที่ไม่หยุดนิ่ง”
ประเทศไทยซึ่งมีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีตลาดผู้บริโภคที่เติบโตและสดใส และยังคงเผชิญกับการเติบโตของกลุ่มประชากรชนชั้นกลางที่ร่ำรวย ขนาดตลาดอุตสาหกรรมของเล่นและเกมของประเทศไทยจัดอยู่ในอันดับที่แปดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก แซงหน้าขนาดตลาดของ ฮ่องกง และสิงคโปร์ นอกจากนี้ด้วยตัวเลขจีดีพีซึ่งเป็นตัวบ่งชี้หลักที่สูงกว่า 10,000 เหรียญสหรัฐฯ ต่อหัว ความต้องการของผู้บริโภคได้เปลี่ยนไปตามอารมณ์ และวัฒนธรรมที่เปลี่ยนแปลง สร้างให้เกิดช่วงเวลาของโอกาสสำหรับการขยายตลาดอาร์ตทอย
มูน ดุก อิล (Moon Duk il) ประธานผู้บริหารฝ่ายธุรกิจต่างประเทศของ POP MART เปิดเผยถึงเป้าหมายระยะยาวที่เต็มไปด้วยความหวังของการร่วมทุนในประเทศไทยว่า “เราคาดการณ์ว่าจะเปิดร้านค้าปลีกและร้านป๊อปอัพมากถึง 20 แห่ง พร้อมด้วยตู้ขายสินค้าอัตโนมัติ (POP MART ROBOSHOP) ประมาณ 50 ตู้ทั่วประเทศไทย แฟล็กชิปสโตร์แห่งแรกมีกำหนดเปิดในเดือนกันยายนนี้ ตามด้วยสาขาที่ 2 ในเดือนธันวาคม เรามั่นใจว่าแผนงานเชิงกลยุทธ์นี้จะช่วยให้เราสามารถตอบสนองต่อความต้องการของตลาดในประเทศไทยได้เป็นอย่างดี”
นอกเหนือจากการสนับสนุนการสร้างช่องทางการขายแล้ว POP MART ยังคงอุทิศตนเพื่อส่งเสริมอาร์ตทอยคัลเจอร์ โดยการจัดงานนิทรรศการเกี่ยวกับอาร์ตทอยที่กำลังจะเกิดขึ้นในประเทศสิงคโปร์ PTS International Art Toy Show เพื่อให้สอดคล้องกับเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของผู้บริโภคในท้องถิ่น ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นในเดือนกันยายนนี้ ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของ POP MART โดยนับเป็นงานแสดงอาร์ตทอยขนาดใหญ่ครั้งแรกในตลาดต่างประเทศ
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส