เปิดตัวอย่างเป็นทางการในไทยแล้วสำหรับ Redmi Note 12 Series ในรอบนี้เรียกได้ว่ายกกันมาเป็นกองทัพเลยก็ว่าได้ เพราะมาพร้อมกันถึง 4 รุ่นกันเลยทีเดียว ได้แก่ Redmi Note 12 ,Redmi Note 12 5G , Redmi Note 12 Pro 5G และ Redmi Note 12 Pro+ 5G รอบนี้ยังอัดสเปกแบบจัดหนักจัดเต็มมาให้เหมือนเดิม

ต้องบอกว่า Redmi Note Series เป็นซีรีส์สมาร์ตโฟนที่อยู่ในระดับราคาที่ประหยัด แต่ในขณะเดียวกันก็ได้ให้สเปกที่มากพอจะนำไปใช้งานได้ในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะในรอบนี้ ที่ 3 ใน 4 รุ่นมาพร้อมกับการเชื่อมต่อ 5G ! ในราคาที่ประหยัดมาก ๆ เริ่มต้นแค่ 6,699 บาทเท่านั้นเอง ! แล้วทั้ง 4 รุ่นนี้มีอะไรเด็ดบ้าง เรามาแบไต๋กันเลยครับ

ก่อนที่เราจะมาเจาะลึกถึงแต่ละรุ่นกัน เรามาเริ่มแกะกล่องกันก่อนเลย

อุปกรณ์ที่ให้มาในกล่อง Redmi Note 12 Series 

  • ตัวเครื่อง
  • เคสซิลิโคนแบบใส
  • คู่มือการใช้งานและใบรับประกัน
  • เข็มจิ้มซิม
  • สายชาร์จ USB-C
  • อะแดปเตอร์
    • Redmi Note 12 ให้อะแดปเตอร์ชาร์จเร็วมาที่ 33W
    • Redmi Note 12 5G ให้อะแดปเตอร์ชาร์จเร็วมาที่ 33W
    • Redmi Note 12 Pro 5G ให้อะแดปเตอร์ชาร์จเร็วมาที่ 67W
    • Redmi Note 12 Pro + 5G ให้อะแดปเตอร์ชาร์จเร็วมาที่ 120W

ต้องบอกว่าแต่ละระดับขั้นของซีรีส์ Redmi Note 12 นี้ ก็จัดตัวเครื่องมาได้อย่างน่าสนใจเหมือนกัน เพราะงั้นเรามาลองแกะกล่องรีวิวกันทีละเครื่องเลยดีกว่า

Redmi Note 12 

เรามาเริ่มกันที่รุ่นเล็กสุด ราคาจับต้องได้ง่ายที่สุดกันก่อนเลย ในรุ่นนี้ให้ชิปเซต 4G ระดับกลางอย่าง Qualcomm Snapdragon 685 กับหน้าจอ AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (1080 x 2400 pixels) รองรับรีเฟรชเรต 120Hz ความสว่างหน้าจอสูงสุดถึง 1200 nits แถมยังรองรับขอบเขตสีกว้าง DCI-P3 อีกด้วย (ในราคา 6,699 บาทเนี่ยนะ !?)  ในส่วนของกล้องถ่ายภาพนั้นก็ให้ความละเอียดกล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมกล้องมุมกว้างพิเศษความละเอียด 8 ล้านพิกเซล และกล้องมาโครความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ส่วนของกล้องหน้าให้ความละเอียดมาที่ 13 ล้านพิกเซล ความพิเศษของในรุ่นนี้คือรองรับการกันน้ำกันฝุ่นที่ IP53 อีกด้วยนะ

สเปก Redmi Note 12 

  • หน้าจอ : หน้าจอ AMOLED 120Hz ขนาด 6.67 นิ้ว 1080 x 2400 pixels (FHD)
    • รองรับ DCI-P3 และความสว่างสูงสุด 1200 nits
    • ครอบทับด้วย Corning Gorilla Glass 3
  • ชิปเซต : Snapdragon 685 (6nm)
  • หน่วยความจำขนาด 128GB (UFS 2.2)
    • สามารถเพิ่มความจุ Micro-SD 1TB
  • RAM :  6GB (LPDDR4X)
  • กล้องหลัง 3 ตัว
    • กล้องเลนส์หลัก ความละเอียด 50MP (f/1.8)
    • กล้องเลนส์ Ultra-Wide ความละเอียด 8MP (f/2.2)
    • กล้องเลนส์ Macro ความละเอียด 2MP (f/2.4)
  • กล้องหน้าความละเอียด 13MP (f/2.45)
  • แบตเตอรี่ 5,000 mAh
    • รองรับชาร์จไว 33W 
  • ความปลอดภัย
    • สแกนลายนิ้วมือข้างตัวเครื่อง
    • สแกนใบหน้า
  • มีรูหูฟัง 3.5 มม.
  • ลำโพงแบบเดี่ยว ด้านล่างตัวเครื่อง
  • ซอฟต์แวร์ MIUI14 (Based on Android 13)
  • การเชื่อมต่อ : รองรับ 4G Dual SIM ,WIFI 2.4/5GHz , USB Type-C 2.0 , NFC , Bluetooth 5.0 และ IR Blaster
  • น้ำหนัก 183.5 กรัม
  • วัสดุตัวเครื่อง : กรอบตัวเครื่องและด้านหลังเป็นพลาสติก
  • รองรับการกันน้ำระดับ IP53 
  • มีสีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีดำ (Onyx Gray) สีเขียว (Mint Green) และสีฟ้า (Ice Blue) 
  • ราคา ความจุ 6/128GB วางจำหน่ายราคา 6,699 บาท

จากการได้ลองจับเครื่องจริงมาแบบเร็ว ๆ ถือว่าทำได้ค่อนข้างดีในระดับราคา 6,000 – 7,000 บาทนี้เลย คาดว่า Redmi Note 12 รุ่น 4G นี้อาจจะเหมาะกับหลาย ๆ คนที่อาจจะไม่ได้ใช้ความเร็วของอินเทอร์เน็ตระดับ 5G แต่อยากได้สมาร์ตโฟนที่ดีในราคาประหยัด Redmi Note 12 อาจจะเป็นตัวเลือกที่ดีของคุณเลยก็ว่าได้ ! แถมชิปเซตยังเล่นเกมเบา ๆ แบบ RoV ได้อย่างสบายหายห่วงด้วย

Redmi Note 12 5G

เรามาต่อกันที่รุ่นน้องคนรองอย่าง Redmi Note 12 5G กันบ้าง รุ่นนี้เป็นรุ่นเริ่มต้นที่รองรับ 5G แล้ว แถมยังเป็น 5G แบบ Dual Standby อีกด้วย ในส่วนของการประมวลผล รุ่นนี้จะใช้ชิป Snapdragon 4 Gen 1 ซึ่งชิปตัวนี้เป็นชิปรุ่นใหม่ที่เข้ามาแทนซีรีส์ Snapdragon 400 เดิม ทำให้ประสิทธิภาพโดยรวมแล้วทำได้ดีมากกว่าเดิม ในด้านของการถ่ายภาพนั้นในกล้องหลักให้ความละเอียดมาที่ 48 ล้านพิกเซล ที่ดูแล้วอาจจะเหมือนลดความละเอียดของภาพจากใน Redmi Note 12 4G ไปบ้าง แต่ต้องลองดูตัวอย่างภาพนะ ! พร้อมกล้องมุมกว้างพิเศษความละเอียด 8 ล้านพิกเซล และกล้องมาโครความละเอียด 2 ล้านพิกเซล ส่วนกล้องหน้าก็ให้มาที่ 13 ล้านพิกเซล ในด้านของหน้าจอจะใช้เป็นจอแบบเดียวกันกับรุ่น Redmi Note 12 รุ่นเล็กสุด และจะยังรองรับการกันน้ำกันฝุ่นที่ IP53 เหมือนเดิม

สเปก Redmi Note 12 5G

  • หน้าจอ : หน้าจอ AMOLED 120Hz ขนาด 6.67 นิ้ว 1080 x 2400 pixels (FHD)
    • รองรับ DCI-P3 และความสว่างสูงสุด 1200 nits
    • ครอบทับด้วย Corning Gorilla Glass 3
  • ชิปเซต : Snapdragon 4 Gen 1 (6nm)
  • หน่วยความจำขนาด 128/256GB (UFS 2.2)
    • สามารถเพิ่มความจุ Micro-SD 1TB
  • RAM :  6/8GB (LPDDR4X)
  • กล้องหลัง 3 ตัว
    • กล้องเลนส์หลัก ความละเอียด 48MP (f/1.8)
    • กล้องเลนส์ Ultra-Wide ความละเอียด 8MP (f/2.2)
    • กล้องเลนส์ Macro ความละเอียด 2MP (f/2.4)
  • กล้องหน้าความละเอียด 13MP (f/2.45)
  • แบตเตอรี่ 5,000 mAh
    • รองรับชาร์จไว 33W 
  • ความปลอดภัย
    • สแกนลายนิ้วมือข้างตัวเครื่อง
    • สแกนใบหน้า
  • มีรูหูฟัง 3.5 มม.
  • ลำโพงแบบเดี่ยว ด้านล่างตัวเครื่อง
  • ซอฟต์แวร์ MIUI14 (Based on Android 12)
  • การเชื่อมต่อ : รองรับ 5G Dual SIM ,WIFI 2.4/5GHz , USB Type-C 2.0 , NFC , Bluetooth 5.1 และ IR Blaster
  • น้ำหนัก 189 กรัม
  • วัสดุตัวเครื่อง : กรอบตัวเครื่องและด้านหลังเป็นพลาสติก
  • รองรับการกันน้ำระดับ IP53 
  • มีสีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีดำ (Onyx Gray) สีเขียว (Forest Green) และสีฟ้า (Ice Blue) 
  • ราคา 
    • 6/128GB ราคา 8,499 บาท
    • 8/256GB ราคา 9,999 บาท

เรามาเจาะลึกรุ่นนี้กันอีกซักเล็กน้อยดีกว่า บอกเลยว่ารุ่นนี้น่าสนใจมากกว่าที่คิดนะ ! หลาย ๆ คนอาจจะเห็นว่าเอ๊ะ เปลี่ยนมาใช้ชิปเซตจากระดับ Snapdragon 600 Series มาเป็น Snapdragon 4 Gen 1 เหมือนจะลดระดับลงแล้วจะใช้งานได้ดีหรือเปล่า เอาจริง ๆ จากที่เราได้ลองใช้มาซักพักนึงก็ถือว่าทำได้ค่อนข้างดีอยู่นะ ! ถ้าเกิดว่าเราเอามาใช้งานทั่ว ๆ ไป เอาไปเล่นโซเชียล เล่นเกมเบา ๆ กับเพื่อนอะไรทำนองนี้ก็ถือว่าไม่ได้แย่เลย อย่างตอนเอาไปเล่น RoV มา ถ้าตั้งค่ากราฟิกไว้ที่สูง และภาพ HD สูงมาก กับ FPS สูง ก็เล่น 60 FPS ได้นิ่ง ๆ เลยนะ !

จากการเอาไปทดสอบประสิทธิภาพมาด้วย Geekbench 6 ก็เห็นคะแนน Multi-Core อยู่ที่ 1,970 คะแนนถือว่าได้คะแนนที่ค่อนข้างดีเลยทีเดียว สำหรับราคานี้ และถ้าทดสอบ GPU ด้วย 3D Mark ชุด Wild Life Stress Test ก็ได้คะแนนสูงสุดไปที่ 1,039 คะแนนแบบนิ่ง ๆ บวกลบนิดหน่อยจนจบการทดสอบ เหมือนจะดูน้อย แต่เอาจริง ๆ คะแนนนี้สูงกว่าบน Snapdragon 680 กว่า 600 คะแนนได้เลยนะ คะแนนระดับนี้ เอาไปใช้งานทั่วไป หรือเล่นเกมเบา ๆ มั่นใจได้ว่าหายห่วงแน่นอน

มาลองดูเรื่องกล้องกันบ้าง กล้องถ่ายภาพจากเซนเซอร์หลักขนาด 48 ล้านพิกเซล จะถูกรวมพิกเซลเป็น 4 ยวบเป็น 1 ออกมาเป็นภาพขนาด 12 ล้านพิกเซลนะ โดยถ้าเอามาเพื่อถ่ายภาพทั่ว ๆ ไป ภาพที่ออกมาอยู่ในระดับที่น่าสนใจเลยนะ คือในบางสถานการณ์ที่มีแสงสว่างเพียงพอ ภาพที่ถ่ายออกมาได้จะได้ความชัดของภาพที่ชัดเจน และสีที่ออกมาน่าพอใจ เช่นภาพดอกไม้นี้ แต่บางภาพที่อาจจะไม่ได้มีสีที่เด่นชัดมาก ก็อาจจะดูดรอปลงไปบ้าง แต่แต่งต่อไปใช้งานได้นะ !

ในขณะที่โหมดถ่ายภาพบุคคลนั้นจะสร้างระยะชัดลึกที่เป็นธรรมชาติผ่านซอฟต์แวร์ที่อยู่ในกล้อง ชอบหรือไม่ชอบยังไงลองดูภาพกันได้เลยครับ

ตัวอย่างภาพถ่าย

พอดูด้านหน้าแล้ว หน้าจอของรุ่นนี้ถือว่าทำออกมาได้สวยงามเกินราคาอยู่เหมือนกันนะ ด้วยหน้าจอแบบ AMOLED Display ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด FHD+ ที่ทำมาได้สวยงามดี มุมมองการมองกว้างกว่าจอแบบ LCD ทั่วไป แถมยังไม่รู้สึกหนาด้วย และยังครอบทับด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 3 อีกต่างหาก นอกจากนั้นเรื่องแบตเตอรี่ก็ให้มามากถึง 5,000 mAh แถมยังชาร์จเร็ว 33W ด้วย ซึ่งค่อนข้างมั่นใจว่าสามารถใช้งานได้แบบสบาย ๆ แน่นอน ด้วยตัวชิปที่ไม่ได้กินแบตเตอรี่มากนัก 

พอได้ลองใช้งานเครื่องดูแล้ว ก็ไม่ได้รู้สึกถึงความลำบากของการจับถือใด ๆ ด้วยน้ำหนักที่เบา 189 กรัมนี้ แถมดีไซน์ก็ดูทันสมัย ไม่ดูโบราณด้วยกล้องหน้าแบบเจาะรูตรงกลางบนของจอ แถมยังให้พอร์ตต่าง ๆ มาครบ ทั้งช่องซิม 2 ซิม ที่ใส่ Micro SD Card ได้, ดีไซน์มีขอบตัดเล็กน้อยด้านข้าง, เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือบนปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง และบอดี้พลาสติกที่ดีไซน์ดูสวยงาม เพราะงั้น โดยรวม ๆ แล้ว Redmi Note 12 5G เป็นสมาร์ตโฟน 5G รุ่นเริ่มต้นอีกตัวที่น่าสนใจเลยนะ นอกจากนี้ยังมีรูหูฟัง 3.5 มม. มาให้ทั้ง 4 รุ่นด้วยนะ แถมราคาเริ่มต้นแค่ 8,499 บาทเองด้วย

Redmi Note 12 Pro 5G 

เรามาต่อกันที่รุ่นพี่คนเล็กกัน ในรุ่นนี้จะขยับขึ้นมาเป็นรุ่น Pro แล้ว เริ่มมีประสิทธิภาพที่ดีขึ้นในหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการประมวลผลที่เปลี่ยนมาใช้ชิปเซ็ตเป็น MediaTek Dimensity 1080 ซึ่งถือว่ามีประสิทธิภาพอยู่ในระดับที่ดีเลย สามารถนำไปเล่นเกมที่กินสเปกสูง ๆ ได้ขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง ในส่วนของหน้าจอจะให้หน้าจอมาที่ 6.67 นิ้วเหมือนรุ่นน้อง แต่จะเปลี่ยนมาใช้เป็นจอ Flow AMOLED ที่รองรับขอบเขตสีกว้าง DCI-P3 และ Dolby Vision รวมถึง HDR10+ และจะเปลี่ยนมาใช้กระจกด้านนอกเป็น Corning Gorilla Glass 5 ทำให้มีความแข็งแรงเพิ่มขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง

ในด้านของกล้องถ่ายภาพ จะให้ความละเอียดกล้องหลักมาที่ 50 ล้านพิกเซล แต่เปลี่ยนมาใช้เซนเซอร์ Sony IMX766 และยังมี OIS กันสั่นมาให้แล้วด้วย ส่วนกล้องมุมกว้างพิเศษจะให้ความละเอียดมาที่ 8 ล้านพิกเซล และกล้องมาโครจะให้ความละเอียดมาที่ 2 ล้านพิกเซล เพิ่มเติมคือในรุ่นนี้จะให้ชาร์จเร็วเพิ่มขึ้นมาเป็น 67W และกันน้ำกันฝุ่นที่ IP53 อีกเหมือนเดิม

รุ่นนี้จัดเป็นอีกรุ่นที่ถือเป็นตัวชนกับรุ่นระดับราคาหมื่นต้น ๆ ของแบรนด์คู่แข่งได้ดีอยู่เหมือนกันนะ แต่ Redmi Note 12 Pro 5G จะเด่นตรงที่ระบบการชาร์จไวที่ให้มามากถึง 67W เลยทีเดียว แปลว่าพอแบตหมด เราก็ชาร์จเติมไปได้อย่างรวดเร็วได้เลย ! นอกจากนั้น ด้วยเซนเซอร์กล้องถ่ายภาพที่ขยับมาใช้เป็น Sony IMX766 และชิปเซตที่ช่วยประมวลผลภาพถ่ายมากขึ้น ทำให้ภาพถ่ายที่ถ่ายได้ ก็ออกมาได้น่าสนใจมากขึ้นไปด้วย

สเปก Redmi Note 12 Pro 5G 

  • หน้าจอ : หน้าจอ Flow AMOLED 120Hz ขนาด 6.67 นิ้ว 2400 x 1080 pixels (FHD)
    • รองรับ DCI-P3 , Dolby Vision , HDR10+ และความสว่างสูงสุด 900 nits
    • ครอบทับด้วย Corning Gorilla Glass 5
  • ชิปเซต : Mediatek Dimensity 1080 (6nm)
  • หน่วยความจำขนาด 128/256GB (UFS 2.2)
  • RAM :  6/8GB (LPDDR4X)
  • กล้องหลัง 3 ตัว
    • กล้องเลนส์หลัก ความละเอียด 50MP เซ็นเซอร์ Sony IMX766 (f/1.88)
      • รองรับ OIS กันสั่น
    • กล้องเลนส์ Ultra-Wide ความละเอียด 8MP (f/2.2)
    • กล้องเลนส์ Macro ความละเอียด 2MP (f/2.4)
  • กล้องหน้าความละเอียด 16MP (f/2.45)
  • แบตเตอรี่ 5,000 mAh
    • รองรับชาร์จไว 67W 
  • ความปลอดภัย
    • สแกนลายนิ้วมือข้างตัวเครื่อง
    • สแกนใบหน้า
  • มีรูหูฟัง 3.5 มม.
  • ลำโพงแบบสเตอริโอ ด้านบนและด้านล่างตัวเครื่อง
    • รองรับ Dolby Atmos
  • ซอฟต์แวร์ MIUI14 (Based on Android 12)
  • การเชื่อมต่อ : รองรับ 5G Dual SIM ,WIFI 6 , USB Type-C 2.0 , NFC , Bluetooth 5.2 และ IR Blaster
  • น้ำหนัก 187 กรัม
  • วัสดุตัวเครื่อง : วัสดุด้านหลังเป็นกระจก
  • รองรับการกันน้ำระดับ IP53 
  • มีสีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีดำ (Midnight Black) สีขาว (Polar White) และสีฟ้า (Sky Blue) 
  • ราคา
    • 6/128GB ราคา 9,999 บาท (วางจำหน่ายแค่ผู้ให้บริการเครือข่าย AIS)
    • 8/256GB ราคา 12,990 บาท

Redmi Note 12 Pro+ 5G 

เรามาถึงกันที่รุ่นพี่คนโตสุดบ้าง บอกเลยว่าโหดสุด ๆ เพราะยัดกล้องหลักความละเอียด 200 ล้านพิกเซล ที่มาพร้อมกับ OIS กันสั่นอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีซอฟต์แวร์ Xiaomi AI Image Solution และ Xiaomi ProCut ที่จะช่วยให้การถ่ายรูปนั้นดีมากขึ้น และรุ่นนี้ยังให้ชาร์จเร็ว 120W พร้อมเทคโนโลยีชาร์จเร็วที่มีชิป Xiaomi Surge P1 ที่ช่วยให้แบตเตอรี่มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น และสามารถชาร์จเต็ม 100% โดยใช้เวลาเพียงแค่ 19 นาทีเท่านั้น และในส่วนของชิปนั้นจะใช้ชิปเซต Dimensity 1080 ตัวเดียวกันกับในรุ่น Pro แต่จะพิเศษกว่าตรงที่มีระบบระบายความร้อนที่ดีกว่า ทำให้สามารถจัดการกับความร้อนบนตัวเครื่องได้ดีกว่าในตอนที่ตัวเครื่องทำงานหนัก ๆ  รวมไปถึงการเล่นเกม ในด้านของสเปกอื่น ๆ จะมีความเหมือนกับ Redmi Note 12 Pro เช่นใช้จอสเปกเดียวกัน รองรับ 5G Dual เหมือนกัน และจะรองรับการกันน้ำกันฝุ่นที่ IP53 เหมือนกัน

สเปก Redmi Note 12 Pro+ 5G 

  • หน้าจอ : หน้าจอ Flow AMOLED 120Hz ขนาด 6.67 นิ้ว 2400 x 1080 pixels (FHD)
    • รองรับ DCI-P3 , Dolby Vision , HDR10+ และความสว่างสูงสุด 900 nits
    • ครอบทับด้วย Corning Gorilla Glass 5
  • ชิปเซต : Mediatek Dimensity 1080 (6nm)
  • หน่วยความจำขนาด 256GB (UFS 2.2)
  • RAM :  8GB (LPDDR4X)
  • กล้องหลัง 3 ตัว
    • กล้องเลนส์หลัก ความละเอียด 200MP (f/1.65)
      • รองรับ OIS กันสั่น
    • กล้องเลนส์ Ultra-Wide ความละเอียด 8MP (f/2.2)
    • กล้องเลนส์ Macro ความละเอียด 2MP (f/2.4)
  • กล้องหน้าความละเอียด 16MP (f/2.45)
  • แบตเตอรี่ 5,000 mAh
    • รองรับชาร์จไว 120W HyperCharge
  • ความปลอดภัย
    • สแกนลายนิ้วมือข้างตัวเครื่อง
    • สแกนใบหน้า
  • มีรูหูฟัง 3.5 มม.
  • ลำโพงแบบสเตอริโอ ด้านบนและด้านล่างตัวเครื่อง
    • รองรับ Dolby Atmos
  • ซอฟต์แวร์ MIUI14 (Based on Android 12)
  • การเชื่อมต่อ : รองรับ 5G Dual SIM ,WIFI 6 , USB Type-C 2.0 , NFC , Bluetooth 5.2 และ IR Blaster
  • น้ำหนัก 210.5 กรัม
  • วัสดุตัวเครื่อง : วัสดุด้านหลังเป็นกระจกโค้ง
  • รองรับการกันน้ำระดับ IP53 
  • มีสีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีดำ (Midnight Black) ,สีขาว (Polar White) และสีฟ้า (Sky Blue) 
  • ราคา
    • 8/256GB ราคา 14,990 บาท

ในด้านของประสิทธิภาพ Redmi Note 12 Pro+ 5G ทำคะแนน Geekbench 6 แบบ Single Core ได้ที่ 954 คะแนน แบบ Multi-Core ได้ที 2,358 คะแนน และการทดสอบ GPU ด้วย 3D Mark ชุด Wild Life ทำคะแนนออกมาได้สูงสุดที่ 2,263 คะแนน คะแนนต่ำสุดที่ 2,248 ซึ่งคะแนนระดับนี้ทำให้เราสามารถนำไปเล่นเกมความละเอียดสูง ๆ ได้ดีในระดับหนึ่งเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีระบบระบายความร้อนทำให้สามารถเล่นเกมแบบเฟรมเรตนิ่ง ๆ ไปแบบนาน ๆ เลยแหละ เราได้เอาไปทดสอบเกม Rov มา ปรับสุดทั้งหมด ก็สามารถเล่นได้แบบสบาย เกาะ 60 Fps นิ่ง ๆ เลยแหละ

ความโหดของรุ่นนี้คือให้รนะบบการชาร์จเร็วมาถึง 120W กันเลยทีเดียว ทางค่ายเคลมว่าสามารถชาร์จแบตได้ถึง 100% ภายใน 19 นาทีเท่านั้น ชาร์จเร็ว 120W ในราคา 14,990 บาทนี่ถือว่าโหดเอาเรื่องเลยนะ เป็นอีกหนึ่งอย่างที่แบรนด์อื่นไม่ได้ให้มา นอกจากนี้มอเตอร์สั่นของรุ่นนี้ยังดีมาก ๆ อีกด้วย

ในด้านของดีไซน์นั้น มองเผิน ๆ อาจจะดูไม่ออก เพราะทั้ง 4 รุ่นมีดีไซน์ที่คล้ายกันมาก แต่ในรุ่น Pro + 5G ฝาด้านหลังจะเป็นแบบเงาและโค้งมนเข้ามือมากกว่า ทำให้จับถือได้ง่ายมากขึ้น แต่ความที่เป็นแบบเงาก็อาจจะเกิดรอยนิ้วมือง่ายนิดหนึ่ง แต่ถ้าพูดเรื่องความสวยงามละก็สวยสมกับรุ่น Pro+ 5G จริง ๆ นั่นแหละ และอย่างที่เราบอกไปในสเปกคือในรุ่นนี้ยังมีรูหูฟัง 3.5 มม. อยู่ด้านบนตัวเครื่อง สิ่งนี้ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่หลายแบรนด์เลือกที่จะตัดออก แต่ในทั้ง 4 รุ่นนี้ยังมีมาให้

และอย่างที่เราบอกตอนต้นว่ากล้อง ในรุ่นนี้ถือว่าน่าสนใจมาก ๆ เพราะให้ความละเอียดกล้องหลักมาถึง 200 ล้านพิกเซล ทำให้ภาพนั้นมีความคมชัดพอสมควร ในด้านของสีสันของภาพถ่ายนั้น โดยรวมถือว่าทำออกมาได้ค่อนข้างตรงและมีความสวยงาม  ด้วยความที่เซนเซอร์ใหญ่มาก ทำให้เวลานำไปถ่ายวัตถุหรือคน ฉากหลังจะเบลอได้สวยมาก แต่ในสถานที่ที่มีแสงน้อย ถ่ายออกมาแล้วยังมี Noise อยู่บ้างและอาจจะเก็บรายละเอียดออกมาได้ไม่ดีเท่าที่ควร แต่ยังก็สามารถปรับแต่งได้ เรามาลองดูภาพถ่ายกันได้เลยครับ

ตัวอย่างภาพถ่าย

และมีตัวอย่างภาพถ่าย Portrait มาฝากทุกคนด้วย

โดยรวมในรุ่นนี้ถือเป็นรุ่นที่น่าสนใจมาก ๆ อีกหนึ่งรุ่น เพราะเป็นรุ่นท็อปสุดในซีรีส์นี้แล้ว แต่มาในราคาเพียงแค่ 14,990 บาทแต่ให้กล้องหลักมาถึง 200 ล้านพิกเซลเลยนะ ชาร์จเร็ว 120W ก็ให้มา แค่นี้ก็ถือว่าคุ้มมาก ๆ แล้ว นี่ยังไม่นับรูหูฟังที่ยังให้มาอีกนะ แล้วดีไซน์ก็ยังสวยสมกับเป็นรุ่น Pro อีก บอกเลยว่าน่าซื้อไม่เบาเลยสำหรับ Redmi Note 12 Pro + 5G ตัวนี้

โปรโมชันและการวางจำหน่าย

Redmi Note 12 และ Redmi Note 12 5G

  • พร้อมวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน 2566 เป็นต้นไป ที่ Xiaomi Store และร้านตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางการจัดจำหน่ายทางออนไลน์แพลตฟอร์ม
  • สำหรับลูกค้าที่ซื้อ Redmi Note 12 5G หรือ Redmi Note 12 ในระหว่างวันที่ 22 เมษายน 2566 – 31 พฤษภาคม 2566 รับฟรีของสมนาคุณพิเศษ ! เมื่อซื้อ Redmi Note 12 5G รับฟรี กระเป๋า Duffle Bag มูลค่า 1,490 บาท และเมื่อซื้อ Redmi Note 12 รับฟรี ลำโพง Soundbar Speaker มูลค่า 990 บาท

Redmi Note 12 Pro 5G และ Redmi Note 12 Pro + 5G

  • สมาร์ตโฟนทั้ง 2 รุ่นนี้จะวางจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการในวันที่ 7 พฤษภาคม 2566 เป็นต้นไป ที่ Xiaomi Store และร้านตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางการจัดจำหน่ายทางร้านค้าออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม
  • สามารถสั่งจองล่วงหน้าในระหว่างวันที่ 29 เมษายน 2566 – 6 พฤษภาคม 2566 ซึ่งลูกค้าที่สั่งจองในช่วงเวลาดังกล่าวจะได้รับกระเป๋าเดินทาง Luggage และ VIP Service Card มูลค่ารวม 6,780 บาท เป็นของสมนาคุณพิเศษ

สรุป

Redmi Note 12 Series ทั้ง 4 รุ่นนี้ มีความน่าสนใจอยู่ไม่เบาเลย ไม่ว่าจะเป็นด้านสเปกที่คุ้มค่ามาก ๆ เรียกได้ว่าสู้ได้ในทุก ๆ ตัวในระดับราคาเดียวกัน หรือด้านของดีไซน์ก็ทำออกมาได้ดีทั้ง 4 รุ่นเลยทีเดียว หรือจะเป็นชาร์จเร็วที่ทุกรุ่นนั้นให้มา รวมไปถึง IR Sensor และรูหูฟัง 3.5 มม. ที่ทั้ง 4 รุ่นนั้นให้มา ไม่มีกั๊ก ความคุ้มค่าคุ้มราคากับแบรนด์นี้เขาไม่ทำให้เราผิดหวังเลยจริง ๆ สำหรับคนที่สนใจยังไงก็ตามไปลองเล่นกันดูนะครับ หรือถ้าใครอยากซื้อก็รอกดจองกันได้เลย !

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส