เคยสงสัยกันไหม ว่าทำไมคนในประเทศจีนถึงใช้ Google, Facebook หรือ YouTube ไม่ได้ ? คำตอบก็คือ เกิดจากสิ่งที่เรียกว่า Great Firewall of China พูดง่าย ๆ คือ รัฐบาลจีนได้สร้างกำแพงดิจิทัลขนาดใหญ่ขึ้นมา เพื่อกั้นโลกอินเทอร์เน็ตของประเทศตัวเองออกจากโลกภายนอก ทำให้อินเทอร์เน็ตในจีนมีลักษณะเหมือน “เครือข่ายส่วนตัวของประเทศ” มากกว่าจะเป็นอินเทอร์เน็ตสากลที่เราคุ้นเคยกัน ตั้งแต่ปี 2006

แล้ว Great Firewall ทำงานอย่างไร ?

Great Firewall ทำงานโดยการกรองข้อมูลที่ไหลผ่านเชิร์ฟเวอร์ของประเทศจีน ไม่ใช่แค่การบล็อกเว็บไซต์ธรรมดา แต่เป็นระบบควบคุมอินเทอร์เน็ตที่ซับซ้อน ซึ่งถูกออกแบบมาให้ผู้ใช้งานไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกบล็อกอยู่ โดยใช้ร่วมกับเทคโนโลยี AI และ Machine Learning ในการวิเคราะห์และสอดส่องข้อมูลแบบเรียลไทม์ 

  • บล็อกที่อยู่ (IP Blocking) การสั่งบล็อกที่อยู่ของเว็บไซต์หรือบริการที่ไม่ต้องการ ไม่ให้สามารถเข้าถึงข้อมูลได้โดยตรง
  • สแกนหาคำต้องห้าม (Keyword Filtering) ระบบจะคอยสแกนหาคำต้องห้ามที่อยู่ใน ‘บัญชีดำ’ ทั้งใน URL ที่ผู้ใช้พิมพ์ และในเนื้อหาข้อมูลที่ส่งผ่านเครือข่าย หากตรวจพบก็จะทำการบล็อกหรือตัดการเชื่อมต่อทันที
  • ให้ข้อมูลที่อยู่ปลอม (DNS Poisoning) เมื่อเราพยายามเข้าเว็บไซต์ที่ถูกแบน ระบบจะส่งคำขอไปยังเซิร์ฟเวอร์ของ Great Firewall หากเป็นที่อยู่ที่ไม่ถูกต้อง หรืออยู่ในลิสต์เว็บไซต์ต้องห้าม Great Firewall จะหลอกด้วยการส่งที่อยู่ IP เว็บไซต์ที่ผิดหรือไม่มีอยู่จริงกลับมาแทน ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงเว็บไซต์ที่ต้องการได้
  • ตัดการเชื่อมต่อ (TCP Reset Attack) หากระบบตรวจพบว่าเรากำลังเชื่อมต่อไปยังเว็บต้องห้าม Great Firewall จะไม่ใช่แค่การบล็อก แต่อาจตัดการเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์และเซิร์ฟเวอร์ทันที
  • ตรวจสอบข้อมูลเชิงลึก (Deep Packet Inspection – DPI) ข้อมูลทั้งหมดที่ส่งผ่านอินเทอร์เน็ตอย่างละเอียด แม้ว่าจะเป็นข้อมูลที่ไม่เข้ารหัส หากพบเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมก็จะบล็อกทันที
  • การบล็อก VPN (Virtual Private Network) แม้ว่าจะมีวิธีการมุดกำแพง ด้วยการใช้ VPN แต่รัฐบาลจีนก็พยายามอย่างต่อเนื่องที่จะตรวจสอบและบล็อกการใช้งาน VPN เหล่านี้ด้วยเช่นกัน ทำให้การเข้าถึงข้อมูลภายนอกเป็นเรื่องที่ยากและมีความเสี่ยงมากขึ้น

เว็บไซต์และบริการอะไรบ้างที่ถูกบล็อก

Great Firewall ของจีนบล็อกเว็บไซต์และบริการหลายรายการ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากฝั่งสหรัฐฯ เช่น

  • โซเชียลมีเดีย Facebook, X (Twitter), Instagram และ Reddit
  • Google และบริการทั้งหมด (Gmail, Google Drive)
  • วิดีโอ/บันเทิง อย่าง YouTube และ Netflix
  • แอปฯ สื่อสาร WhatsApp, Telegram, Discord
  • สำนักข่าวต่างประเทศ BBC, New York Times, Reuters และอื่น ๆ
  • เว็บไซต์อื่น ๆ Wikipedia, Dropbox, LinkedIn และ Zoom

ซึ่งการบล็อกเว็บไซต์และบริการเหล่านี้ ทำให้เกิดช่องว่างให้บริษัทเทคโนโลยีของจีนสร้างบริการของตัวเองขึ้นมาแทนที่ จนกลายเป็นแพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่ในประเทศ เช่น

  • Bilibili, Tencent Video แทนสตรีมมิง อย่าง YouTube
  • Weibo แทน X
  • WeChat แทน WhatsApp
  • Qzone แทน Facebook

การสร้างเว็บไซต์และแอปพลิเคชันเป็นของตัวเองนั้น ไม่เพียงแต่เป็นเหมือนการปกป้องธุรกิจในประเทศจากการพึ่งพาเทคโนโลยีจากประเทศอื่น ๆ แต่ยังทำให้รัฐบาลสามารถตรวจสอบและควบคุมเนื้อหาที่คนในชาติพูดคุยกันได้ง่ายขึ้นอีกด้วย

Great Firewall กำแพงที่สร้างปลอดภัยจริงหรือปิดกั้น ? 

เหตุผลหลักที่ประเทศจีนได้สร้าง Great Firewall ขึ้น เกิดจากที่รัฐบาลจีนต้องการที่จะควบคุมเนื้อหาจำกัดการไหลของข้อมูล เพราะมองว่าอินเทอร์เน็ตเปรียบเสมือนดาบสองคม Great Firewall จึงเปรียบเหมือนกำแพงที่ทำหน้าที่เหมือนยามเฝ้าประตูอินเทอร์เน็ตของประเทศ ควบคุมพื้นที่ดิจิทัลของตนเองเพื่อรักษาความมั่นคงของชาติ และป้องกันข้อมูลที่อาจก่อให้เกิดความไม่สงบด้วยการจำกัดการเข้าใช้บริการ 

แม้ความปลอดภัยจะต้องแลกมาด้วยการจำกัดการเข้าถึงข้อมูลจากต่างประเทศ และการควบคุมเสรีภาพในการเข้าถึงข้อมูลของประชาชน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าการที่จีนสร้างแพลตฟอร์มของตัวเองขึ้นมานั้น ได้ช่วยส่งเสริมให้ธุรกิจและอุตสาหกรรมดิจิทัลในประเทศจีนเติบโตได้อย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายมองว่านี่คือการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของประชาชนอย่างชัดเจน ทำให้ขาดโอกาสในการรับรู้ข้อมูลที่หลากหลาย ผู้ที่ละเมิดกฎหมายไซเบอร์ เช่น การเผยแพร่ข้อมูลที่รัฐบาลมองว่าเป็นภัย อาจต้องเผชิญบทลงโทษ การถูกปรับเงิน ไปจนถึงการจำคุก 

รวมถึงการสร้างมาตการควบคุมการใช้ AI ที่ถูกจำกัดไม่ให้ประชาชนใช้โมเดล AI จากต่างประเทศ เช่น ChatGPT หรือ Gemini แต่หันไปใช้โมเดล AI ที่สร้างขึ้นเอง อย่าง Deepseek โดยต้องลงทะเบียนและผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยจากรัฐบาลก่อน จึงจะสามารถเปิดให้คนทั่วไปใช้งานได้

การที่ประเทศจีนสร้าง Great Firewall แม้จะมีระบบที่ให้ความสำคัญในการปกป้องข้อมูลและความมั่นคงของประเทศจีน หรือส่งเสริมแพลตฟอร์มในประเทศ ลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างชาติก็จริง แต่ก็มีข้อเสียที่สร้างอุปสรรคในการเข้าถึงข้อมูลที่สำคัญ ปิดกั้นโอกาสที่ประชาชนจะได้เรียนรู้อย่างรอบด้าน