ในปีที่อุตสาหกรรมชิปทั่วโลกกำลังเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ อินเทล (Intel) กลับเลือกใช้วิธีลดขนาดองค์กร ลดต้นทุน โดยประกาศปลดพนักงานรวมกว่า 24,000 คนในปี 2025 ซึ่งเป็นการลดจำนวนพนักงานหลักเกือบ 1 ใน 4 ของทั้งบริษัท และถอนตัวจากโครงการขนาดใหญ่ในเยอรมนี โปแลนด์ และศูนย์ปฏิบัติการในคอสตาริกา

อินเทล ระบุในรายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2025 ว่า บริษัทจะจบสิ้นปีด้วยจำนวนพนักงานหลักเหลือเพียง 75,000 คน จากเดิม 99,500 คน ณ สิ้นปี 2024 เท่ากับว่ามีการปลดคนออกถึง 24,000 คนภายในปีเดียว ทำให้บริษัทต้องตั้งสำรองค่าใช้จ่ายกว่า 1,900 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่งผลให้ไตรมาสล่าสุด อินเทลยังคงขาดทุนสุทธิ 2,900 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากรายได้ 12.9 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งแทบไม่โตจากปีก่อน

ภายใต้การนำของประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่ ลิป-บู ตัน (Lip-Bu Tan) อินเทลเผยว่า บริษัทเคยลงทุนสร้างโรงงานมากเกินไปและไม่มีความต้องการที่ชัดเจนรองรับ ส่งผลให้ต้องทบทวนกลยุทธ์ใหม่หันมาสร้างในสิ่งที่ลูกค้าต้องการเมื่อถึงเวลาแทนการทุ่มเงินล่วงหน้าแบบเดิม

นอกจากนี้ อินเทลยังประกาศยุติโครงการมูลค่าหลายหมื่นล้านเหรียญในเยอรมนีและโปแลนด์ ซึ่งแต่เดิมตั้งใจจะสร้างโรงงานผลิตชิปที่จ้างงานรวมกว่า 5,000 คน พร้อมทั้งปิดการดำเนินงานด้านการประกอบและทดสอบชิปในคอสตาริกา และย้ายการผลิตไปยังเวียดนามแทน

ส่วนในสหรัฐฯ อินเทลยังชะลอการก่อสร้างโรงงานในรัฐโอไฮโอ เพื่อรอความต้องการในตลาดกลับมา โดยระบุว่าจะลงทุนอย่างระมัดระวังมากขึ้น และจับคู่กับเป้าหมายที่วัดผลได้

แม้จะเป็นปีแห่งความเจ็บปวดสำหรับอินเทล แต่หากการรีเซตองค์กรในครั้งนี้ประสบความสำเร็จ ก็อาจเป็นจุดเปลี่ยนที่พาอินเทลกลับมาแข่งในสนามเทคโนโลยีระดับโลกอีกครั้งได้อย่างสง่างาม