บทความนี้เราจะพาทุกคนมาดูกันว่าในปี 2025 มี VPN ตัวไหนน่าใช้ แต่ละตัวมีจุดเด่น – ข้อจำกัดอะไรบ้าง 

VPN คืออะไร ? 

หลายคนรู้อยู่แล้วว่า VPN คืออะไร แต่หลายคนยังไม่รู้จัก เราขอปูพื้นฐานแบบเร็ว ๆ ให้เข้าใจเท่ากันก่อน VPN หรือ Virtual Private Network เปรียบเสมือนอุโมงค์ส่วนตัวที่จำลองให้เราไปอยู่ในที่ต่าง ๆ ทั่วโลกได้ ซึ่งทำให้เราสามารถ “มุด” ผ่านพรมแดนหรือกำแพงบนโลกออนไลน์ และยังช่วย “ซ่อน”​ ร่องรอยการเข้าชมเว็บไซต์ต่าง ๆ ซึ่งช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัว และป้องกันการขโมยข้อมูลส่วนตัวได้ในระดับหนึ่ง

กลุ่มคนที่ใช้ก็จะมีเกมเมอร์ที่อยากจะมุดไปต่างประเทศเพื่อเล่นเกม, คนบินไปอยู่จีนแล้วยังต้องใช้โซเชียลมีเดีย (เพราะจีนบล็อกโซเชียลมีเดียต่างประเทศ), สายดูซีรีส์ที่ต้องการมุดไปดูในต่างประเทศ หรือแม้แต่กลุ่มคนทำงานที่ต้องการความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยก็จำเป็นต้องใช้ เรารู้แล้วว่า VPN คืออะไร แล้วในปี 2025 มีตัวไหนที่น่าใช้บ้างล่ะ ?

1. Proton VPN 

ของฟรีและดีมีจริง Proton VPN ตัวนี้ไม่จำกัดปริมาณข้อมูล (Data) สามารถใช้งานได้นานเท่าที่ต้องการ ไม่ว่าจะท่องเว็บ, ส่งอีเมล หรือใช้งานทั่วไป ถือเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยและใช้งานง่ายที่สุด 

  • จุดเด่น : ไม่จำกัดข้อมูล, ปลอดภัย, ใช้งานง่าย
  • ข้อจำกัด : ความเร็วอาจไม่สูงเท่า VPN แบบเสียเงิน, มีปลายทางเซิร์ฟเวอร์ให้เลือกน้อย

2. Windscribe 

Windscribe VPN เพื่อเข้าถึงเนื้อหาที่ถูกบล็อกในต่างประเทศเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจที่สุด โดยเฉพาะในเรื่องของความเร็ว ถึงแม้จะจำกัดปริมาณข้อมูลการใช้งาน แต่ความเร็วที่ได้ก็ถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ทำให้การดูวิดีโอแบบสตรีมมิงเป็นไปอย่างราบรื่นไม่สะดุด ใครที่ชื่นชอบการดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ และอยากได้ความปลอดภัยต้องตัวนี้เลย ใช้งานฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายครับ

  • จุดเด่น : รวดเร็ว เหมาะสำหรับการสตรีมมิง
  • ข้อจำกัด : มีการจำกัดปริมาณข้อมูล

3. Hide.me 

Hide.me ถ้าความลับของข้อมูลออนไลน์คือสิ่งที่เราให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก Hide.me VPN คือตัวเลือกที่ตอบโจทย์ที่สุดครับ เพราะมีนโยบายชัดเจนว่าจะไม่เก็บข้อมูลการใช้งานของเราเลย ทำให้มั่นใจได้เลยว่าทุกการท่องเว็บจะเป็นเรื่องส่วนตัว ที่สำคัญใช้งานฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย

  • จุดเด่น : นโยบายความเป็นส่วนตัวที่แข็งแกร่ง, ปลอดภัยสูง
  • ข้อจำกัด : มีการจำกัดปริมาณข้อมูล และมีเซิร์ฟเวอร์ฟรีให้เลือกน้อย

4. NordVPN

NordVPN มีเซิร์ฟเวอร์ในไทยและประเทศใกล้เคียงอย่างมาเลเซียและสิงคโปร์ให้ใช้งานมากมาย หากเซิร์ฟเวอร์ในไทยมีคนใช้งานหนาแน่น ก็สามารถเปลี่ยนไปใช้เซิร์ฟเวอร์ในประเทศใกล้เคียงแทนได้เลย NordVPN เคยมีราคาถูกมาก แต่หลังจากที่ลงทุนเพิ่มประสิทธิภาพของเซิร์ฟเวอร์แล้ว ราคาก็ปรับขึ้นตามไปด้วย แต่ข่าวดีก็คือ NordVPN ยังคงเป็นหนึ่งในบริการ VPN ที่คุ้มค่าที่สุดในตลาด ราคา 4.99 เหรียญสหรัฐฯ/เดือน หรือประมาณ 162 บาท/เดือน เท่านั้นครับ

  • จุดเด่น : DNS ส่วนตัวที่กำหนดเองและการป้องกันข้อมูลรั่วไหล
  • ข้อจำกัด : เพิ่มขีดความสามารถของเซิร์ฟเวอร์ ราคาก็จะขึ้นตาม

5. Surfshark

ถึงแม้จะมีคู่แข่งหน้าใหม่เข้ามาในตลาดอยู่เสมอ แต่ Surfshark ก็ยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ ด้วยราคาที่เข้าถึงง่ายและคุ้มค่า แต่ประสิทธิภาพและฟีเจอร์ที่ได้รับกลับไม่ได้ลดลงตามราคา โดยราคาจะอยู่ที่ 6.58 เหรียญสหรัฐฯ/เดือน หรือประมาณ 213 บาท/เดือน 

  • จุดเด่น : มีส่วนขยายสำหรับ Chrome, Firefox ไม่มีการบันทึกข้อมูลการใช้งาน
  • ข้อจำกัด : ความหน่วงสูง, เว็บไซต์อาจรวบรวมข้อมูลที่ละเอียดอ่อน, การต่ออายุสมาชิกที่มีราคาแพง

6. ExpressVPN

ExpressVPN มีเซิร์ฟเวอร์กว่า 3,000 แห่งทั่วโลก ซึ่งแม้ตัวเลขจะไม่เพิ่มขึ้น แต่ทางบริษัทได้หันไปเน้นเรื่องคุณภาพแทนปริมาณ ทำให้เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการ VPN ที่มีเสถียรภาพและฟีเจอร์ระดับสูง ด้วยความเร็วที่ยอดเยี่ยม ทำให้ ExpressVPN เหมาะกับการสตรีมมิง, ดาวน์โหลด และใช้งานแบบ P2P ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ราคาก็ถือว่าน่าตกใจมาก โดยจะอยู่ที่ 12.99 เหรียญสหรัฐฯ/เดือน หรือประมาณ 420บาท/เดือน แต่ถ้าแลกกับความปลอดภัยก็อาจจะตอบโจทย์สำหรับผู้คนบางกลุ่ม และไม่ว่าในกรณีใด ExpressVPN พร้อมรับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน

  • จุดเด่น : คุ้มครองความเป็นส่วนตัวนอกประเทศ, มีฟีเจอร์ “การแยกอุโมงค์” เลือกได้ว่าต้องการให้แอปฯ ใดบ้างที่ต้องเชื่อมต่อผ่าน VPN ใช้งานได้สะดวก
  • ข้อจำกัด : ราคาแพงกว่าเจ้าอื่น

7. BullVPN

BullVPN หรือ พี่วัว เป็นผู้ให้บริการ VPN สัญชาติไทย ที่ได้รับความนิยมในไทย มีเซิร์ฟเวอร์ให้บริการกว่า 300 แห่งใน 49 ประเทศทั่วโลก มีเซิร์ฟเวอร์ในประเทศไทยจำนวนมาก ทำให้เป็นตัวเลือกที่ดีเยี่ยมสำหรับผู้ที่ต้องการลดค่าปิง (Ping) ในการเล่นเกม หรือผู้ที่อยู่ต่างประเทศและต้องการเชื่อมต่อกลับมายังประเทศไทย และมีราคาเริ่มต้น 7 วัน ที่ 99 บาท

  • จุดเด่น : สัญชาติไทย มีทีมงานซัปพอร์ตคนไทย, มีเซิร์ฟเวอร์ในไทยเยอะ, ราคาเข้าถึงง่าย, ใช้งานสะดวก เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น
  • ข้อจำกัด : จำนวนเซิร์ฟเวอร์ในต่างประเทศน้อยกว่าผู้ให้บริการรายใหญ่ระดับโลก, ฟีเจอร์ขั้นสูงอาจมีไม่เทียบเท่าเจ้าอื่น

VPN ฟรีนั้นปลอดภัยและใช้งานได้ดีก็จริง แต่ก็มีข้อจำกัดอยู่บ้าง เช่น ความเร็วที่ไม่สม่ำเสมอ และฟีเจอร์ที่ไม่ครบเท่าแบบเสียเงิน ถ้าคุณต้องการประสบการณ์ที่ดีที่สุด ทั้งในเรื่องความเร็วและฟีเจอร์ความปลอดภัยที่ครบครัน การลงทุนกับ VPN แบบเสียเงินจึงเป็นทางเลือกที่คุ้มค่า แถมบางตัวก็ยังมีโปรโมชันอยู่ ถ้าตัดสินใจซื้อในระยะยาวจะถูกลงกว่าปกติอีกด้วยครับ