การ์มิน (Garmin) ตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดจีพีเอสสมาร์ตวอทช์ ประกาศผลประกอบการครึ่งปีแรกปี 2568 ทุบสถิติ รายได้ทั่วโลกพุ่ง 3,340 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (กว่า 109,460 ล้านบาท) เติบโตกว่า 16% สะท้อนความเชื่อมั่นของผู้บริโภค และเทรนด์สุขภาพที่ยังเติบโตต่อเนื่อง ทางด้าน Garmin ประเทศไทย ก็ฟอร์มแรงไม่แพ้กัน ด้วยรายได้เติบโตสูงถึง 35% ในช่วงครึ่งปีแรก พร้อมประกาศแผนสำคัญในการขยายฐานการผลิตมายังประเทศไทย เพื่อรองรับการเติบโตทางธุรกิจและตอบสนองความต้องการทั่วโลก

ตอบโจทย์เทรนด์สุขภาพ พร้อมปักหมุดขยายโรงงานในไทย
คุณมิสซี่ ยาง (Missy Yang) ผู้จัดการประจำ การ์มิน ประเทศไทย เผยว่า การ์มินเริ่มต้นจากเทคโนโลยี GPS สำหรับการบินและยานยนต์ ก่อนจะขยายสู่การเป็นผู้สร้างสรรค์ นาฬิกาออกกำลังกาย GPS เรือนแรกของโลก และก้าวสู่ผู้นำในตลาดฟิตเนสและสุขภาพตลอด 36 ปีที่ผ่านมา
สำหรับตลาดไทยที่เปิดสำนักงานอย่างเป็นทางการเกือบ 5 ปี ได้รับการตอบรับที่ยอดเยี่ยม โดยข้อมูลผู้ใช้บน Garmin Connect ชี้ชัดว่าคนไทยหันมาให้ความสำคัญกับสุขภาพมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ด้วยอินไซต์จากผู้บริโภค
- กิจกรรมฝึกความแข็งแรง (Strength Training) เติบโตสูงสุดถึง 40%
- กิจกรรมคาดิโอในร่ม (Indoor Cardio) เช่น พิลาทิส HIIT เติบโตมากกว่า 15%
เพื่อรองรับการเติบโตที่ก้าวกระโดด บริษัทจึงตัดสินใจ ตั้งโรงงานแห่งแรกในประเทศไทย ณ จังหวัดชลบุรี โดยคาดว่าจะสามารถเดินสายการผลิตได้ภายในไตรมาสสุดท้ายของปี 2569 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการตอกย้ำกลยุทธ์ “Vertical Integration” หรือการดำเนินการเองตั้งแต่ต้นจนจบ ทั้งวิศวกรรม การผลิต การตลาด และบริการ
เพื่อควบคุมคุณภาพและเพิ่มความคล่องตัวในการปรับตัวให้เข้ากับตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยให้ความสำคัญกับความยั่งยืน โดยพัฒนาภายใต้มาตรฐานด้านการจัดการพลังงานสากล (ISO 50001) พร้อมใช้เทคโนโลยีประหยัดพลังงานอย่างระบบโซลาร์เซลล์อีกด้วย

นวัตกรรมก้าวล้ำ จากโค้ชดูแลสุขภาพ สู่ “Innovation That Protects”
ทางด้าน คุณศุภรดา จรูญโรจน์ รองผู้จัดการฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์ การ์มิน ประเทศไทย กล่าวว่า เทรนด์สุขภาพในไทยกำลังมุ่งสู่ Longevity ซึ่งไม่ได้หมายถึงอายุขัยที่ยืนยาวเท่านั้น แต่รวมถึงคุณภาพชีวิตที่ดีทั้งร่างกายและจิตใจ โดยกว่า 75% ของอายุขัยขึ้นอยู่กับวิถีชีวิตและการดูแลสุขภาพ
การ์มินจึงพัฒนานวัตกรรมสมาร์ทวอทช์ให้เป็นมากกว่าแค่การติดตามข้อมูล แต่เป็น “โค้ชดูแลสุขภาพส่วนตัว” (Technology That Empowers Life) ที่ให้คำแนะนำเฉพาะบุคคลที่นำไปปรับใช้ได้จริง เช่น
- Sleep Alignment ฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดใน Venu 4 วิเคราะห์รูปแบบการนอนที่สอดคล้องกับ Circadian Rhythm หรือจังหวะชีวภาพตามร่างกายของเรา ช่วยให้ปรับเวลานอนและกิจวัตรประจำวันเพื่อสุขภาพที่ดีของเรามากขึ้น
- Sleep Coach (เปิดตัวปี 2566) ให้คำแนะนำเชิงรุกด้านการนอนหลับเฉพาะบุคคล ช่วยให้ผู้ใช้สามารถปรับพฤติกรรมการนอนให้เหมาะสมกับตัวเองมากขึ้น
- Daily Suggested Workouts แนะนำการออกกำลังกายที่เหมาะสมกับร่างกายในแต่ละวัน ด้วย ฟีเจอร์ Lifestyle Logging บันทึกพฤติกรรมประจำวัน เช่น การดื่มกาแฟ, แอลกอฮอล์ เพื่อดูผลกระทบต่อสุขภาพโดยรวม

นอกจากนี้ การ์มินยังนำเสนอแนวคิด “นวัตกรรมช่วยปกป้อง” (Innovation That Protects) ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในทุกการผจญภัย ด้วยระบบนิเวศการเชื่อมต่อที่ครอบคลุม เทคโนโลยี inReach การสื่อสารผ่านดาวเทียมที่ให้ผู้ใช้ส่งข้อความ แชร์ตำแหน่ง และขอความช่วยเหลือได้ทั่วโลก แม้ในพื้นที่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ที่อยู่ในรุ่นล่าสุดอย่าง fenix 8 Pro Series
- Garmin Response Center ศูนย์ประสานงานฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง ที่รองรับกว่า 200 ภาษา
- ทุ่นอัจฉริยะ Descent S1 เพิ่มความปลอดภัยให้กับการผจญภัยใต้น้ำ ด้วยการสื่อสารและนำทางแบบเรียลไทม์ระหว่างนักดำน้ำกับทีมงานผิวน้ำ
เปิดตัวนวัตกรรมเรือธง จอ MicroLED สว่างและความปลอดภัยขั้นสุด
โดยรุ่น Venu 4 ได้นำร่องฟีเจอร์ใหม่ ๆ ที่ทำหน้าที่เสมือนโค้ชสุขภาพส่วนตัว เช่น Garmin Fitness Coach, Sleep Alignment ที่ช่วยวิเคราะห์การนอนให้สอดคล้องกับจังหวะชีวภาพ และ Lifestyle Logging สำหรับบันทึกพฤติกรรมประจำวัน
นอกจากนี้ Garmin ยังขยายขีดจำกัดของหน้าจอสมาร์ทวอทช์ด้วยการบูรณาการ จอ MicroLED เข้ามาใช้ในรุ่น fenix 8 – MicroLED และ fenix 8 Pro – MicroLED เป็นหน้าจอที่สว่างที่สุด ทนทานขึ้นถึง 3 เท่า และอ่านข้อมูลได้ง่ายแม้อยู่กลางแดดจ้า
ส่วนด้านความปลอดภัยนั้น Garmin ได้นำเสนอนวัตกรรมช่วยปกป้อง (Innovation That Protects) ที่ครอบคลุมทั้งบนบกและใต้น้ำ โดยติดตั้งเทคโนโลยี inReach และฟังก์ชัน SOS ในสมาร์ทวอทช์เป็นครั้งแรกในซีรีส์ fenix 8 Pro Series เพื่อให้ผู้ใช้สามารถขอความช่วยเหลือฉุกเฉินผ่านดาวเทียมได้ทั่วโลก รวมถึงเปิดตัว ทุ่นอัจฉริยะ Descent S1สำหรับการผจญภัยใต้น้ำโดยเฉพาะ แม้ว่าประเทศไทยจะเริ่มวางจำหน่ายเพียงรุ่น fenix 8 – MicroLED ก่อน แต่ Garmin Thailand ยืนยันความมุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกับหน่วยงานกำกับดูแล เพื่อผลักดันให้ผู้ใช้งานชาวไทยสามารถเข้าถึงเทคโนโลยี inReach และฟังก์ชัน SOS บนสมาร์ทวอทช์ได้ในอนาคตอันใกล้อย่างแน่นอน


จับมือสถาบันชั้นนำ ยกระดับคุณภาพชีวิตรอบด้าน
นอกเหนือจากการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ การ์มินยังให้ความสำคัญกับการวิจัยผ่านธุรกิจ Garmin Health เพื่อพิสูจน์คุณค่าของการติดตามข้อมูลสุขภาพอย่างต่อเนื่อง บริษัทได้ร่วมมือกับสถาบันการศึกษาระดับโลกในหลากหลายงานวิจัยที่สร้างผลกระทบต่อชีวิตผู้คน
- สุขภาพและความสุข ศึกษาความสัมพันธ์ร่วมกับสถาบัน Wellbeing Research Centre ของมหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ด, มหาวิทยาลัยวอร์วิค และมหาวิทยาลัยซัสแคตเชวัน
- สุขภาพแม่และทารก พัฒนาแนวทางการดูแลใหม่ ๆ ร่วมกับ King’s College
- สุขภาพในอวกาศ ศึกษาผลกระทบของการเดินทางในอวกาศร่วมกับสถาบัน TRISH มหาวิทยาลัยเบย์เลอร์
การ์มินยืนยันพันธกิจสุดท้ายที่ว่า Garmin จะยังคงมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรม เทคโนโลยี และผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต การรับรู้สถานการณ์ และประสบการณ์ของผู้ใช้งานให้ดียิ่งขึ้นในทุกมิติ เพื่อเดินหน้าสู่การเป็นแบรนด์ที่ผู้คนไว้วางใจและเลือกอยู่เคียงข้างในทุกกิจกรรม ทุกการผจญภัย และทุกช่วงเวลาของชีวิต