กรณีร้านค้าหลายแห่งงดรับการจ่ายเงินผ่านโครงการ “คนละครึ่ง” รวมถึงระบบการจ่ายเงินผ่าน e-Wallet หรือกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ของรัฐ เพราะถูกเรียกเก็บภาษีรายได้บุคคลธรรมดาย้อนหลังจำนวนมาก กระทรวงการคลังได้ออกมาชี้แจงว่าฐานข้อมูลของโครงการ “คนละครึ่ง” ไม่เชื่อมต่อกับกรมสรรพากร ส่วนร้านค้าที่ถูกเก็บภาษีย้อนหลังนั้น อยู่ในเกณฑ์เสียภาษี

วันที่ 2 พฤษภาคม 2565 นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง ได้ออกมาชี้แจงกรณีร้านค้าหลายแห่งงดรับการจ่ายเงินผ่านโครงการ “คนละครึ่ง” เนื่องจากถูกเรียกเก็บภาษีรายได้บุคคลธรรมดาย้อนหลังจำนวนมากว่า ผู้ประกอบการที่เป็นบุคคลธรรมดา ไม่ว่าจะประกอบกิจการที่เข้าร่วมโครงการของรัฐหรือไม่ หากผู้ประกอบการมีเงินได้พึงประเมินถึงเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด มีหน้าที่ต้องนำเงินได้พึงประเมินมายื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

โดยการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเป็นการประเมินตนเองของผู้ประกอบการ ซึ่งผู้ประกอบการสามารถนำเอกสารหลักฐานต้นทุนในการประกอบกิจการมาหักค่าใช้จ่ายจากยอดขายเพื่อคำนวณภาษีเงินได้ที่จะต้องชำระ หรือหากไม่มีการเก็บเอกสารหลักฐานต้นทุนก็สามารถเลือกหักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาตามที่กฎหมายกำหนดได้ ซึ่งภาระภาษีของผู้ประกอบการขึ้นอยู่กับรายได้สุทธิหลังหักค่าใช้จ่ายตามจริง หรือในอัตราเหมาตามที่กฎหมายกำหนด รวมทั้งค่าลดหย่อนต่าง ๆ

ทั้งนี้ หากรายได้สุทธิหลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนดังกล่าว ไม่ถึงเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษีตามที่กฎหมายกำหนด ผู้ประกอบการจะไม่มีภาระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่จะต้องชำระแต่อย่างใด และสำหรับผู้ประกอบการที่มีรายได้เกิน 1,800,000 บาทต่อปี มีหน้าที่ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มกับกรมสรรพากร และเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากผู้ซื้อสินค้าหรือบริการ รวมทั้งนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่กรมสรรพากรตามที่กฎหมายกำหนดไว้อีกประการหนึ่งด้วย

ทางด้าน นางสมหมาย ศิริอุดมเศรษฐ ที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์การจัดเก็บภาษี (กลุ่มธุรกิจพลังงาน) ในฐานะโฆษกกรมสรรพากร กล่าวว่า ผู้ที่มีเงินได้ถึงเกณฑ์ที่ต้องยื่นแบบแสดงรายการ จึงมีหน้าที่ต้องยื่นแบบแสดงรายการ ส่วนจะมีภาษีที่ต้องชำระหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับรายได้ ค่าใช้จ่าย และค่าลดหย่อน สำหรับการหักค่าใช้จ่าย กฎหมายให้สิทธิ์ในการเลือกว่าจะขอหักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาจ่ายในอัตราร้อยละ 60 หรือจะเลือกหักค่าใช้จ่ายตามจริงก็ได้ โดยหลักสำคัญของการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดานั้น หากบุคคลธรรมดามีเงินได้จากการค้าขายถือเป็นเงินได้ประเภทที่ 8 มีหน้าที่ต้องนำรายได้ที่ได้รับในปีภาษีมายื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเป็นปกติอยู่แล้ว

ทั้งนี้ รัฐบาลดำเนินโครงการคนละครึ่งเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ลดภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ประชาชน และส่งผ่านกำลังซื้อไปสู่ผู้ประกอบการให้มีรายได้เพิ่ม เมื่อผู้ประกอบการมีรายได้เพิ่มขึ้นแล้ว และอยู่ในเกณฑ์เสียภาษีตามกฎหมายก็สามารถไปชำระภาษีได้ โดยฐานข้อมูลโครงการ “คนละครึ่ง” ไม่ได้มีการเชื่อมต่อระบบกับกรมสรรพากร เพื่อตรวจสอบรายได้แต่อย่างใด ซึ่งสำหรับโครงการ “คนละครึ่ง” ระยะที่ 4 ได้สิ้นสุดโครงการลงแล้ว เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2565

ที่ผ่านมา มีผู้ใช้สิทธิ 26.27 ล้านราย และยอดการใช้จ่ายรวม 61,835.1 ล้านบาท และมีผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่ง” ระยะที่ 4 จำนวน 1.36 ล้านราย โดยเป็นผู้ประกอบการรายใหม่ 29,800 ราย แสดงให้เห็นถึง ความร่วมมือของประชาชนและผู้ประกอบการที่มีส่วนช่วยส่งเสริมการบริโภคในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ซึ่งมีส่วนสำคัญในการสนับสนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจ การค้า การผลิต และการจ้างงานที่เกี่ยวเนื่องตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทาน และส่งเสริมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 1 และ 2 ให้ขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องต่อไป
อ้างอิง 1, อ้างอิง 2

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส