วันศุกร์ที่ 5 มีนาคม SpaceX ได้ยื่นขออนุญาตต่อคณะกรรมการกลางกำกับดูแลกิจการสื่อสารของสหรัฐอเมริกา (FCC) เพื่อขยายการให้บริการอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ผ่านดาวเทียม Starlink ไปสู่ยานพาหนะที่เคลื่อนที่ นั่นก็คือ รถบรรทุก เรือ และเครื่องบินให้สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ในทุกที่ด้วยเป้าหมายครอบคลุมลูกค้าหนึ่งล้านคน ซึ่งเพิ่มเติมจากการให้บริการลูกค้าในชนบทของสหรัฐฯ แคนาดา และอีกหลายประเทศในแบบจำกัดเฉพาะในพื้นที่ (ของดาวเทียมเพียงดวงเดียว เคลื่อนย้ายข้ามไปใช้ดาวเทียมเขตพื้นที่อื่นไม่ได้)

บริการ Starlink จะช่วยให้ผู้ขับขี่ ผู้โดยสารและผู้ประกอบการรถบรรทุก เรือ และเครื่องบินสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ได้ในทุกพื้นที่ของถนน น่านน้ำ น่านฟ้าทั้งในสหรัฐฯ และทั่วโลกโดยไม่ต้องพึ่งพาอินเทอร์เน็ตจากคลื่นโทรศัพท์อีกต่อไป รวมทั้งช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายอีกด้วย

ตุลาคม 2020 SpaceX ได้เริ่มทดลองให้บริการอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ผ่านดาวเทียม Starlink ซึ่งผู้ใช้บริการจะต้องจ่ายเงินล่วงหน้า 499 USD (15,600 บาท) สำหรับค่าเราเตอร์ เสาอากาศ และมีจ่ายค่าบริการรายเดือนอีก 99 USD (ราว 3,000 บาท) เพื่อรับอินเทอร์เน็ตความเร็ว ตั้งแต่ 50 Mb/s ถึง 150 Mb/s และมีความหน่วงแฝงที่ 20 มิลลิวินาทีถึง 40 มิลลิวินาที

ต่อมาเดือนกุมภาพันธ์บริษัทเปิดเผยว่ามีผู้ใช้บริการแล้วมากกว่า 10,000 ราย ปัจจุบันได้ขยายบริการไปยังแคนาดา อังกฤษ และเปิดพรีออร์เดอร์ไปยังออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เม็กซิโกและอีกหลายประเทศรวมทั้งไทยด้วย ล่าสุดได้ปล่อยดาวเทียมไปสู่วงโคจรแล้วกว่า 1,100 ดวง (อยู่ในวงโคจร 1,141 ดวง)

อย่างไรก็ตาม ซีอีโอ Elon Musk ได้เปิดเผยว่ารถยนต์ของ Tesla ไม่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต Starlink แบบเคลื่อนที่ได้ เพราะเสาอากาศใหญ่เกินไป ซึ่งเหมาะกับเครื่องบิน เรือ รถบรรทุก และรถบ้าน ดังนั้นใครที่คิดว่ารถยนต์ของ Tesla จะได้ประโยชน์จากการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต Starlink แบบเคลื่อนที่ เช่น การสตรีมวิดีโอ และการอัปเดตซอฟต์แวร์ผ่านดาวเทียมได้โดยตรง ก็ขอให้รอติดตามความคืบหน้ากันต่อไป

ที่มา : teslarati

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส