BYD จัดกิจกรรมทดสอบรถยนต์ไฟฟ้า 4 รุ่นใหม่ ที่ยังไม่ได้ทำตลาดในไทย แถมยังเป็นรถสเปกจีนพวงมาลัยซ้ายในบางรุ่นอีกด้วย 4 รุ่นนั้น ได้แก่ BYD Seagull น้องเล็กไซซ์มินิ สำหรับขับขี่ในเมือง, BYD M6 เอสยูวีมีให้เลือก 6-7 ที่นั่ง ใช้พื้นฐานเดียวกับ E6 ที่เป็นรถแท็กซี่ไฟฟ้าในไทย, BYD Sealion 7 สปอร์ตเอสยูวี ดีไซน์พรีเมียม สมรรถนะสุดแรง และพี่ใหญ่ Denza D9 รถตู้ไฟฟ้าที่จะมาลุยตลาดไทย

BYD SEAGULL 

เราเคยเห็น BYD Seagull ในงาน Motor Show 2024 กันไปบ้างแล้ว ซึ่งเป็นรถขนาดเล็กที่สุดของ BYD ในเวลานี้ก็ว่าได้ แต่ยังคงสร้างบนแพลตฟอร์ม e-Platform 3.0 CTP Blade Battery ที่มีขนาด 3,780 x 1,715 x 1,540 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,500 มิลลิเมตร มาพร้อมกำลัง 55 kW แรงบิด 135 Nm และอัตราเร่ง 0-100 km/h ใน 13 s พ่วงด้วยแบตเตอรี่ขนาด 38.33 kWh ขับขี่ได้ไกล 400 km (มาตรฐาน NEDC) รองรับการชาร์จ DC กำลังสูงสุด 40 kW

การดีไซน์ภายในใกล้เคียงกับรุ่น BYD Dolphin เลย ทั้งปุ่มกดบริเวณคอนโซลกลาง พวงมาลัย ไปจนถึงหน้าจอดิจิทัลขนาด 10.1 นิ้ว รองรับระบบ Apple CarPlay® และ Android Auto™ ใครที่ใช้งาน BYD อยู่แล้วน่าจะปรับตัวได้ไม่ยาก ส่วนเรื่องการขับขี่ยังรู้สึกว่าตัวรถไม่ได้คล่องตัวอย่างที่ควรจะเป็น การคอนโทรลตัวรถในฐานสลาลอมยังติด ๆ ขัด ๆ อัตราเร่งก็ถือได้ว่าต่ำสุดที่ได้ลองวันนี้เลย ช่วงล่างแข็ง ๆ และยังมีอาการโยนบ้างเวลเข้าโค้งความเร็วสูง จึงเหมาะกับการเป็นรถส่วนตัว ใช้งานเบา ๆ ขับขี่ในชีวิตประจำวันแบบไม่รีบร้อน ด้วยขนาดที่ค่อนข้างเล็ก เข้าจอดสะดวกทุกช่องทาง ลุ้นราคาให้อยู่ในเรต 5 แสนก็น่าจะพอไหว

BYD M6 

รถอเนกประสงค์ MPV มีให้เลือกทั้ง 6 ที่นั่งและ 7 ที่นั่ง สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม e-Platform 3.0 CTP Blade Battery ที่มาพร้อมระบบขับเคลื่อน BYD Intelligent Driving System ทำให้เป็นรถคันที่ขับขี่ได้เนียนอย่างไม่น่าเชื่อ เหมาะเป็นรถใช้งานทั่วไป รถบ้านประจำครอบครัว ทั้งสมรรถนะ ช่วงล่าง และการขับขี่ ทำได้ในระดับที่น่าพอใจเลย แม้จะติดเรื่องออปชันที่ให้มาน้อยไปหน่อย เรียกได้ว่าแพ้ทุกรุ่นที่ให้มาวันนี้เลย

BYD M6 มีขนาดตัวรถ 4,710 x 1,810 x 1,690 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,800 มิลลิเมตร ขับเคลื่อนล้อหน้า กำลังสูงสุด 150 kW แรงบิด 310 Nm อัตราเร่ง 0-100 km/h ภายใน 8.6 s พร้อมด้วยแบตเตอรี่ 71.8 kWh ขับขี่ไกล 500 km (มาตรฐาน NEDC) รองรับการชาร์จ DC 115 kw จาก 10-80% ภายใน 40 นาที ภายในเน้นความเรียบง่าย แท่นวางโทรศัพท์มือถือ 2 ตำแหน่ง พร้อมที่ชาร์จแบบไร้สาย 1 ตำแหน่ง ที่วางแก้ว 2 ตำแหน่ง หลังคาพาโนรามิกขนาดใหญ่ หน้าจอสัมผัสขนาด 12.8 นิ้ว ประตูท้ายเปิดปิดไฟฟ้า

BYD SEALION 7 

รถสปอร์ตเอสยูวีสุดแรงของวันนี้ และเคยโชว์ตัวที่ Motor Show 2024 เช่นกัน เหมือนเอาสมรรถนะของรุ่น Seal มาผสมกับรูปทรงเอสยูวีในรุ่น Atto 3 จนเกิดเป็นรถอเนกประสงค์ขนาด 4,830 x 1,925 x 1,620 มิลลิเมตร ฐานล้อ 2,930 มิลลิเมตร ทำความเร็วได้อย่างไม่น่าเชื่อ ตัวรถมาพร้อมกำลัง 390 kW (มอเตอร์หน้า 160 kW มอเตอร์หลัง 230 kW) แรงบิด 670 Nm อัตราเร่ง 0-100 km/h ภายใน 4.5 s พ่วงด้วยแบตเตอรี่ขนาด 82.5 kWh ขับขี่ไกล 540 km (มาตรฐาน NEDC) รองรับการชาร์จ DC 150 kW

นอกจากความแรงที่ BYD Sealion 7 จัดให้อย่างไม่ยั้ง ยังมาพร้อมกับออปชันและการตกแต่งอย่างพรีเมียม ทั้งการให้เบาะไฟฟ้าปรับได้ 8 ทิศทาง (เฉพาะคนขับ) หลังคาพาโนรามิกกลาสรูฟ กระจกเก็บเสียง 2 ชั้น ระบบฟอกอากาศ PM ภายใน หน้าจอสัมผัส 15.6 นิ้ว และจอไมล์ดิจิทัล 10.25 นิ้ว ระบบเสียง DYNAUDIO 12 ตำแหน่ง ไฟแอมเบียนซ์กว่า 128 เฉดสี

ส่วนเรื่องการขับขี่แม้ว่าตัวรถจะค่อนข้างสมรรถนะสูงจนเกินความจำเป็นสำหรับรถครอบครัวไปหน่อย แต่ก็เป็นรถที่ขับขี่สนุก ช่วงล่างเฟิร์ม ออปชันครบเครื่อง ให้ที่ชาร์จไร้สายสูงสุด 50W สวยทั้งภายนอกและภายใน ลุ้นให้ทาง BYD มีตัวเลือกขับ 2 และขับ 4 เพราะแค่กำลังของมอเตอร์เดี่ยวน่าจะเพียงพอแล้วสำหรับการควบคุมรถรุ่นนี้

DENZA D9

รถตู้ไฟฟ้าสำหรับผู้บริหารที่มาพร้อมออปชันสุดพรีเมียม ตกแต่งรอบคัน พร้อมฟีเจอร์อำนวยความสะดวกแบบจัดเต็ม เป็นอีกหนึ่งผู้เล่นที่จะมารุกตลาดรถตู้ไฟฟ้าในไทย ด้วยขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ 7 ที่นั่ง 5,250 x 1,960 x 1,920 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 3,110 มิลลิเมตร พร้อมด้วยช่วงล่างเทคโนโลยีกันสะเทือนอัจฉริยะ DiSus-C ที่เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของ BYD ทำให้ตัวรถขับขี่ได้ราบรื่นขึ้น ไม่โยนและเป็นเหตุผลที่ทำให้แม้ D9 จะเป็นรถตู้คันใหญ่ แต่กลับขับขี่ง่าย ควบคุมได้ดีทั้งทางตรงและในยามเข้าโค้ง

Denza D9 มาพร้อมกำลังสูงสุด 275 kW (มอเตอร์หน้า 230 kW มอเตอร์หลัง 45 kW) แรงบิด 470 Nm และอัตราเร่ง 0-100 km/h ภายใน 6.9 s พ่วงด้วยแบตเตอรี่ 103 kWh และขับไกล 580 kW (มาตรฐาน NEDC) ที่สำคัญยังรองรับเทคโนโลยีการชาร์จคู่ หรือชาร์จ 2 ข้างพร้อมกัน ให้กำลังไฟสูงสุด 166 kW

จุดเด่นอีกอย่างของ Denza D9 คือการใช้ออปชันภายในมาอย่างจัดเต็ม เมื่อเทียบกับคู่แข่งในตลาดอย่าง Maxus 9 ก็ถือว่าทำได้ไม่เลวเลย ทั้งเบาะโซฟาหนังแนปป้าปรับไฟฟ้า 10 ทิศทาง บนที่นั่งแถวสอง ปรับเอนนอนได้ ควบคุมกระจกได้ผ่านจอสัมผัสขนาดเล็กบริเวณที่วางแขน มาพร้อมหน้าจอมัลติมีเดียคู่ ขนาด 12.8 นิ้ว ตรงกลางมีช่องเก็บของและช่องแช่เย็นมาให้ด้วย ภายในรองรับสัญญาณ Wi-Fi ในตัวและ I-Call กับ E-Call สามารถขอความช่วยเหลือในยามฉุกเฉินได้ เสริมความหรูหราด้วย Panoramic Sunroof ขนาด 1.1 ตารางเมตร พร้อมด้วยม่านบังแดดไฟฟ้า ยิ่งทำให้ห้องโดยสารดูกว้างขวางยิ่งขึ้น

ส่วนการขับขี่ในตลาดค่อนข้างประทับใจ แม้ว่าจะยังไม่เจอถนนขรุขระบนท้องถนนจริงของกรุงเทพฯ แต่ก็ถือว่าช่วงล่างกันสะเทือนอัจฉริยะ DiSus-C ทำงานได้ดี รอบนี้เราได้แค่ขับขี่ ยังไม่ได้ลองนั่ง จึงพูดได้แค่ฝั่งของคนขับ แต่เรื่องออปชันการันตีความให้มากตามสไตล์ของรถ EV จีนได้เลย ถ้าเข้ามาทำตลาดในไทยคงสามารถโก่งราคาได้มากกว่าเจ้าตลาดนิดหน่อย เพราะของเล่นที่ให้มาก็ไม่น้อยเลยทีเดียว

ทั้งนี้รถ EV จาก BYD ทั้ง 4 รุ่นยังเป็นรถสเปกจีน ที่บางคันยังใช้พวงมาลัยซ้ายอยู่ ณ ตอนนี้ยังไม่มีแผนจะนำเข้ามาทำตลาดในไทย แต่ยังอยู่ในช่วงทดสอบและขอความคิดเห็นจากสื่อสายรถยนต์ ว่ามีโอกาสทำตลาดได้มากน้อยแค่ไหน ส่วนรุ่นที่เป็นไปได้มากที่สุดคงหนีไม่พ้น Sealion 7 ที่ทำได้ดีเกือบทุกจุด และยังแอบหวังว่า Seagull จะปรับให้ดีขึ้น และทำราคาในตลาดได้ด้วย คงทำให้ BYD มีตัวเลือกและยังรักษาตำแหน่งผู้นำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าไว้ได้