ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง หลังจากประกาศว่าจะสร้างภาคต่อของจักรวาล “คนละครึ่ง” มาเป็น “คนละครึ่งพลัส” ในยุคนายกหนู วันนี้ BT beartai จะมาเปิดเงื่อนไขใหม่ล่าสุดของคนละครึ่งพลัส เพราะจากอัปเดตล่าสุดคือผู้เข้าร่วมโครงการต้องไม่เป็นผู้ที่ถูกระงับสิทธิหรือถูกเรียกเงินคืน
คุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการ ‘คนละครึ่ง พลัส’
“นายกฯ หนู” อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ปัดฝุ่นโครงการคนละครึ่ง ยุครัฐบาล “ลุงตู่” มาใช้ใหม่ นอกจากจะมีการอัปวงเงินเพิ่มเป็น 200 บาท/วัน จากเดิม 150 บาท/วัน ยังมีเงื่อนไขอื่นเพิ่มเติม ดังนี้
- มีสัญชาติไทย
- มีอายุ 16 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ณ วันที่ทำการลงทะเบียน
- มีบัตรประจำตัวประชาชน ต้องเป็นผู้ที่มีบัตรประจำตัวประชาชนแบบสมาร์ตการ์ดที่ยังไม่หมดอายุ
- ไม่เป็นผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะต้องไม่เป็นผู้ที่ได้รับสิทธิในโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (บัตรคนจน) โดยยึดตามฐานข้อมูลของกระทรวงการคลัง ณ วันที่ 1 ตุลาคม 2568
- ไม่มีประวัติเสียจากโครงการของรัฐ ต้องไม่เป็นผู้ที่เคยถูกระงับสิทธิ หรือถูกเรียกเงินคืนในมาตรการหรือโครงการอื่น ๆ ของรัฐ เช่น โครงการคนละครึ่งในระยะที่ 1-5 ที่ผ่านมา
สรุปง่าย ๆ คือ ต้องเป็นคนไทย อายุ 16 ปีขึ้นไป มีบัตรประชาชน และไม่ได้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รวมถึงไม่เคยมีปัญหาในการเข้าร่วมโครงการอื่น ๆ ของรัฐ ก็สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” ได้เลยครับ

บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะได้รับวงเงินเพิ่มแทน
แต่สำหรับผู้ที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ไม่ต้องตกใจไปนะครับ ไม่ได้หมดสิทธิไปซะทีเดียว ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจะได้รับการดูแลผ่านอีกมาตรการหนึ่ง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายช่วยเหลือค่าครองชีพในช่วงปลายปี โดยมีรายละเอียดดังนี้
- ได้รับวงเงินช่วยเหลือเพิ่ม : 1,700 บาท/คน ตลอดระยะเวลาโครงการ
- ไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ : ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจะได้รับสิทธินี้โดยอัตโนมัติ ไม่ต้องทำการลงทะเบียนใด ๆ เพิ่มเติม
รูปแบบการจ่ายเงิน : รัฐบาลจะโอนเงินเข้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้โดยตรง แบ่งจ่ายเป็น 2 เดือน คือ
- เดือนพฤศจิกายน 2568 : ได้รับเงินเพิ่ม 850 บาท (รวมกับวงเงินซื้อสินค้าปกติ 300 บาท เป็น 1,150 บาท)
- เดือนธันวาคม 2568 : ได้รับเงินเพิ่ม 850 บาท (รวมกับวงเงินซื้อสินค้าปกติ 300 บาท เป็น 1,150 บาท)
- การใช้จ่าย : วงเงินที่ได้รับเพิ่มนี้จะรวมอยู่ในวงเงินซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค ไม่สามารถกดเป็นเงินสดได้ และหากใช้ไม่หมดในแต่ละเดือน จะไม่สามารถทบไปเดือนถัดไปได้
คนละครึ่งพลัส วงเงินทั้งหมดเท่าไหร่
คนละครึ่งพลัสจะแบ่งวงเงิน สำหรับผู้ยื่นแบบภาษีและผู้ที่ไม่ยื่นภาษี
- สำหรับผู้ยื่นแบบภาษี 2,400 บาท/คน ตลอดโครงการ
- สำหรับผู้ไม่ยื่นภาษี 2,000 บาท/คน ตลอดโครงการ
- ใช้สิทธิไม่เกิน 200 บาท/คน/วัน

คนละครึ่งพลัส ลงทะเบียนได้ถึงเมื่อไหร่ ระยะเวลาโครงการ
สำหรับประชาชนทั่วไปที่สนใจเข้าร่วมโครงการ สามารถลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิได้ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” โดยมีกำหนดการดังนี้
- วันที่ : 20 – 26 ตุลาคม 2568
- เวลา : ตั้งแต่ 06:00 น. ถึง 22:00 น. ของทุกวัน
คนละครึ่งพลัส ใช้สิทธิได้ตอนไหน
เพื่อรักษาสิทธิในโครงการ หลังจากได้รับ SMS ยืนยันแล้ว ผู้ได้รับสิทธิจะต้องเริ่ม “ใช้จ่ายครั้งแรก” ภายในวันที่กำหนด ไม่งั้นจะถูกตัดสิทธิออกจากโครงการทันที
– ต้องใช้สิทธิครั้งแรก : วันที่ 11 พฤศจิกายน 2568 (ก่อนเวลา 23:00 น.)
– ระยะเวลาใช้จ่ายในโครงการ : สามารถใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม ถึง 31 ธันวาคม 2568 (ในช่วงเวลา 06:00 – 23:00 น.)
คนละครึ่งพลัส ใช้กับ “ฟูดดิลิเวอรี” ได้เช่นเดิม
โครงการ “คนละครึ่งพลัส” ยังคงอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้สิทธิสามารถสั่งอาหารและเครื่องดื่มผ่านแพลตฟอร์มฟูดดิลิเวอรีที่เข้าร่วมโครงการได้ โดยมีรายละเอียดดังนี้
- แพลตฟอร์มที่เข้าร่วม : GrabFood, LINE MAN, ShopeeFood และ Robinhood
- เงื่อนไขการสนับสนุน : รัฐบาลจะสนับสนุนค่าใช้จ่าย เฉพาะค่าอาหารและเครื่องดื่มเท่านั้น (ไม่รวมค่าจัดส่งหรือค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้น)
- ช่วงเวลาที่ใช้ได้ : สามารถใช้สิทธิสั่งอาหารดิลิเวอรีได้ตั้งแต่เวลา 06:00 น. ถึง 21:00 น.
สำหรับใครที่เคยลงทะเบียนไว้ไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ทั้งหมด แค่รอเปิดแอปฯ เป๋าตัง ในช่วงวันที่เปิดให้ลงทะเบียน มองหาแบนเนอร์โครงการ “คนละครึ่งพลัส” กดยอมรับเงื่อนไขและกดยืนยันเพื่อรับสิทธิ และก็รอใช้ได้เลยครับ
และสำหรับใครที่ไม่เคยลงทะเบียนเลย แนะนำให้ โหลดแอปฯ ‘เป๋าตัง’ และเปิดบริการ G-Wallet ไว้ก่อนได้เลยครับ

จะรับสิทธิ์คนละครึ่งพลัสได้ ต้องมีบัญชีกรุงไทยมั้ย ?
การมีบัญชีธนาคารกรุงไทยและแอปฯ Krungthai NEXT เป็นเพียง “ทางเลือกหนึ่ง” ในการยืนยันตัวตน (KYC) ซึ่งเป็นวิธีที่สะดวกและรวดเร็วที่สุดสำหรับคนที่มีบัญชีอยู่แล้ว แต่ไม่มีก็ไม่เป็นไรครับ ยังสามารถลงทะเบียนได้เช่นกัน
สำหรับผู้ที่ไม่มีบัญชีกรุงไทย ต้องทำอย่างไร ?
หลังจากโหลดแอปฯ มาแล้ว สามารถยืนยันตัวตนเพื่อเปิดใช้งาน G-Wallet ได้ด้วยวิธีการต่อไปนี้แทนครับ
- ยืนยันตัวตนด้วยการสแกนใบหน้า เป็นวิธีมาตรฐานที่แอปฯ เป๋าตังจะให้ทำเป็นขั้นตอนแรกหลังจากกรอกข้อมูลบัตรประชาชน
- ทำตามขั้นตอนการสแกนใบหน้าที่แนะนำในแอปฯ
- ยืนยันตัวตนที่ตู้ ATM ธนาคารกรุงไทย (ตู้สีเทา) ในกรณีที่สแกนใบหน้าในแอปฯ ไม่ผ่านหลายครั้ง สามารถนำ “บัตรประชาชน” ไปยืนยันตัวตนที่ตู้ ATM ของธนาคารกรุงไทยได้ทุกสาขา
- เมื่อไปถึงเลือกเมนู “ยืนยันตัวตน” บนหน้าจอ (ไม่ต้องใช้บัตร ATM) แล้วเสียบบัตรประชาชนในช่องที่กำหนดเพื่อทำตามขั้นตอนต่อไป
เมื่อทำทุกขั้นตอนสำเร็จแล้ว หน้าจอ G-Wallet ของคุณก็จะพร้อมใช้งาน สามารถเติมเงินและรอรับสิทธิจากโครงการของรัฐได้เลย