‘The Evil Dead – ผีอมตะ’ หนังสยองขวัญต้นทุนต่ำ ถ่ายทำโดยใช้โลเคชันเพียงแห่งเดียว แถมทีมงานและนักแสดงยังประสบปัญหาระหว่างการถ่ายทำอีกสารพัด แต่เมื่อหนังเรื่องนี้ออกฉายในโรงภาพยนตร์เมื่อปี 1981 มันกลับประสบความสำเร็จทั้งด้านรายได้และคำวิจารณ์ เมื่อเวลาผ่านไป แฟรนไชส์ผีอมตะก็ถูกยกให้เป็นต้นตำรับความคัลต์ของหนังสยองขวัญมาจนถึงปัจจุบัน

และในโอกาสที่ ‘Evil Dead Rise – ผีอมตะผงาด’ กลับมาสานต่อความเฮี้ยนอีกครั้ง เราจึงขอพาทุกคนกลับไปทวนความจำ ย้อนรอยตำนาน ‘Evil Dead’ ก่อนรับชมหนังภาคใหม่ล่าสุดที่สร้างห่างจากภาครีบูตเมื่อปี 2013 นานถึง 10 ปี

ย้อนรอย ‘Evil Dead – ผีอมตะ’


แฟรนไชส์ ‘Evil Dead’ ถือกำเนิดขึ้นจากไอเดียของ แซม ไรมี (Sam Raimi) และ บรูซ แคมป์เบล (Bruce Campbell) สมัยนั้นทั้งคู่ชื่นชอบการถ่ายทำหนังสั้นด้วยกล้อง Super 8 (กล้องฟิล์ม 8 มม.) และได้เริ่มถ่ายหนังสั้นสยองขวัญเรื่อง ‘Within the Woods’ เพื่อนำไปฉายให้กับนายทุนเพื่อหาทุนในการสร้างหนังเรื่องยาว แม้จะทำเงินไม่ได้ตามเป้า แต่ก็ได้เงินทุนมามากพอสำหรับถ่ายทำหนังตามที่ตั้งใจไว้ จนกลายเป็นจุดกำเนิดของ ‘The Evil Dead’ ภาคแรก ตัวหนังประสบความสำเร็จอย่างสูงและถือเป็นผลงานแจ้งเกิดของไรมีและแคมป์เบลด้วย

จุดเด่นของหนังเต็มไปด้วยฉากโหด เลือดสาด มุกตลกร้าย รวมถึงพระเอกดวงซวยสุดกวนที่กลายเป็นเป็นไอคอนประจำแฟรนไชส์อย่าง แอช วิลเลียมส์ (รับบทโดยแคมป์เบล) ความสำเร็จของผีอมตะภาคแรกทำให้มีการสร้างภาคต่อตามมาอีกหลายภาค รวมถึงภาครีบูตเมื่อปี 2013 และทีวีซีรีส์เมื่อปี 2015

The Evil Dead (1981)

ตำนาน Evil Dead

หนังสยองขวัญทุนต่ำเรื่องนี้ออกฉายในปี 1981 หลังออกฉายมันกลายเป็นหนังแจ้งเกิดให้กับไรมีในฐานะนักเขียนบทและผู้กำกับ รวมถึงทำให้แคมป์เบลกลายเป็นที่จดจำในบท แอช วิลเลียมส์ หนึ่งในตัวละครที่มีเอกลักษณ์ที่สุดในโลกของหนังสยองขวัญ สตีเฟน คิง (Stephen King) กล่าวถึงหนังเรื่องนี้ว่าเป็น “หนังสยองขวัญต้นตำรับที่โหดที่สุดแห่งปี” กันเลยทีเดียว

เรื่องย่อ: แอช เดินทางไปเที่ยวกลางป่ากับลินดา, สก็อตตี้, เชอริล และเชลลี โดยมีเป้าหมายเป็นการเข้าพักผ่อนที่กระท่อมแห่งหนึ่งซึ่งจองได้ในราคาถูก ตกกลางคืนพวกเขาได้พบกับหนังสือลึกลับในห้องใต้ดิน เทปบันทึกเสียงปริศนา และมีดสั้นแคนดาเรียน เมื่อเปิดเทปฟังกลับเป็นการปลุกปีศาจร้ายที่หลับใหลให้ตื่นขึ้นโดยไม่ตั้งใจ แอชและเพื่อนจึงต้องเอาตัวรอดจากค่ำคืนแสนโหดร้ายไปให้ได้

Evil Dead 2: Dead by Dawn (1987)

ตำนาน Evil Dead

สิ่งที่ทำให้ ‘Evil Dead 2: Dead by Dawn’ กลายเป็นที่จดจำในฐานะหนังสยองขวัญคลาสสิกก็คือ การผสมผสานความสยองและความตลกเข้าด้วยกัน ซึ่งไม่มีหนังแนว Horror เรื่องไหนทำมาก่อนในยุคนั้น นอกจากนี้ถึงจะได้ชื่อว่าเป็นภาคต่อ แต่กลับสร้างองค์ประกอบต่าง ๆ ขึ้นมาใหม่จนโดดเด่นและมีความเป็นตัวของตัวเองสูงมากจนถูกยกย่องให้เป็นหนังคัลต์คลาสสิกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล (และยังเป็น ‘Evil Dead’ ภาคที่แคมป์เบลชื่นชอบที่สุดด้วย)

เรื่องย่อ: ย้อนกลับมาวันแรกของการเดินทาง แอชพาลินดาแฟนสาวของเขาเดินทางไปเที่ยวในป่าและเข้าพักที่กระท่อมแห่งหนึ่ง โดยคราวนี้พวกเขามาที่กระท่อมเพียงสองคนเท่านั้น แต่ก็ได้บังเอิญไปพบกับหนังสือลึกลับและเปิดเทปปลุกปีศาจร้ายขึ้นมาอีกครั้ง แอชต้องเอาตัวรอดจากการถูกปีศาจรังควาญจนต้องเสียมือขวาไป ขณะกำลังต่อสู้กับปีศาจร้าย เขาก็ได้พบกับแอนนี่ ลูกสาวของศาสตราจารย์เจ้าของเทปบันทึกเสียงในห้องใต้ดิน แอชต้องร่วมมือกับแอนนี่และเพื่อนของเธอเพื่อกำจัดเหล่าผีอมตะให้ได้

Army of Darkness (1992) 

ตำนาน Evil Dead

เดิมทีภาคนี้มีชื่อว่า ‘Evil Dead III: The Medieval Dead’ แต่ก็ถูกเปลี่ยนมาเป็น ‘Army of Darkness’ แทน เป็นหนังแนวดาร์ก-แฟนตาซี สยองขวัญ ผสมตลกร้ายตามแบบฉบับ ในภาคนี้ผู้กำกับและเขียนบทยังเป็นไรมีเหมือนเดิม อำนวยการสร้างโดย โรเบิร์ต ทาเพิร์ต (Robert Tapert) และนำแสดงโดยแคมป์เบล (ผู้มีส่วนร่วมอำนวยการสร้างด้วย) ภาคนี้จะแตกต่างจากสองภาคแรกคือไม่ได้เน้นฉากโหดเลือดสาด แต่เน้นมุกตลกร้ายมากกว่า ส่วนตอนเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ก็ไม่ถือว่าประสบความสำเร็จด้านรายได้เท่าไรนัก แต่เมื่อเผยแพร่ทางวิดีโอ มันกลายเป็นหนังที่แฟน ๆ ให้ความสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ และกลายเป็นที่รักมาจนถึงทุกวันนี้

เรื่องย่อ: แอชบังเอิญ (อีกแล้ว) หลุดมายังอดีตช่วงปี 1300 ช่วงยุคกษัตริย์อาเธอร์ กองทัพมนุษย์อยู่ระหว่างต่อสู้กับกองทัพปีศาจ เขาเอาตัวรอดจากการถูกจับเป็นเชลยและเอาชนะปีศาจได้จนเป็นที่ยอมรับในฐานะวีรบุรุษ จากนั้นเขาถูกส่งไปตามหาหนังสือเนโครโนมิครอน เมื่อหาเจอแอชดันท่องคาถาผิด แทนที่จะส่งตัวเขากลับไปโลกปัจจุบัน ดันกลายเป็นการปลุกปีศาจทั้งกองทัพขึ้นมาแทน สุดท้ายแอชจึงอาสานำกองทัพมนุษย์สู้กับเหล่าปีศาจเพื่อชดใช้ความผิดพลาดของตัวเอง

The Evil Dead (2013)

ตำนาน Evil Dead

หนังรีบูตที่ย้อนกลับไปสู่ความโหด ดิบ เลือดสาด ตามต้นฉบับ ‘The Evil Dead’ เมื่อปี 1981 ตัวหนังยังคงหยิบยกองค์ประกอบต่าง ๆ ของจักรวาลผีอมตะมาใช้งานได้อย่างคุ้มค่า กำกับโดย เฟเด อัลวาเรซ (Fede Alvarez) อำนวยการสร้างโดยไรมี, แคมป์เบล และทาเพิร์ต เป็นภาครีบูตที่เล่าถึงตัวละครกลุ่มใหม่ทั้งหมด โทนหนังได้ย้อนกลับไปดุดัน จริงจัง และสะท้อนความโหดร้ายของการถูกคุกคามอันน่าสยดสยองแบบเดียวกับภาค 1981 อีกครั้ง

เรื่องย่อ: เรื่องราวของกลุ่มวัยรุ่น 5 คนที่เดินทางมายังกระท่อมร้างโดยมีจุดประสงค์เพื่อให้ มีอา (รับบทโดย เจน เลวี – Jane Levy) เลิกยาเสพติดได้อย่างเด็ดขาด แต่แล้วพวกเขาก็ได้พบกับห้องใต้ดินที่เต็มไปด้วยสิ่งของประหลาด และแน่นอนว่าบังเอิญไปเจอกับหนังสือเล่มหนึ่งเข้า แถมยังได้ท่องคาถาปลุกผีขึ้นมาแบบไม่ตั้งใจ จนต้องเข้าสู่ค่ำคืนหฤโหดและต้องเอาตัวรอดออกไปจากป่าแห่งนี้ให้ได้

Ash vs Evil Dead (2015 – 2018)

ทีวีซีรีส์ความยาว 3 ซีซันเรื่องนี้สร้างขึ้นเพื่อสานต่อตำนานผีอมตะและเอาใจแฟน ๆ ที่เรียกร้องมายาวนานว่าอยากเห็นแคมป์เบลกลับมารับบทแอชอีกครั้ง ซีรีส์ถูกพัฒนาโดยแซมและอีวาน ไรมี นอกจากนี้ยังได้ทาเพิร์ตกลับมามีส่วนร่วมในการสร้างซีรีส์ด้วยเช่นกัน สำหรับโทนซีรีส์จะเป็นแนวสยองขวัญคอมเมดี้เช่นเดียวกับภาค 2 และ 3

เรื่องย่อ: หลังผ่านเหตุการณ์เลวร้ายและการต่อสู้กับบรรดาปีศาจมามากมาย แอชหลบซ่อนจากผู้คนมานานกว่า 30 ปี แต่แล้วเขาก็มีอันต้องกลับมาร่วมสังเวียนการสู้รบอีกครั้ง เพราะดันไปเปิดหนังสือเนโครโนมิครอนและท่องคาถาปลุกผีขึ้นโดยบังเอิญตอนกำลังเมา เขาจึงต้องร่วมมือกับคนอื่น ๆ เพื่อต่อสู้กับเหล่าปีศาจ และ “ผู้มืดมิด (Dark Ones)” ที่ต้องการหนังสือคืนเพื่อนำไปสร้างกองทัพของมันและยึดครองโลก

ทำความรู้จัก แอชลีย์ “แอช” วิลเลียมส์ พระเอกผู้กลายเป็นไอคอนของตระกูล ‘Evil Dead’


ตำนาน Evil Dead

นอกจากความโหด สยอง เลือดสาด และเอกลักษณ์อื่น ๆ ที่กลายเป็นแรงบันดาลใจมากมายให้หนังสยองขวัญในปัจจุบันแล้ว หนึ่งในภาพจำของหนังตระกูล ‘Evil Dead’ ก็คือ ชายมือเลื่อยยนต์ที่พร้อมสู้ตายกับพวกผีร้าย แอชลีย์ “แอช” วิลเลียมส์

แอชลีย์หรือแอชเป็นตัวละครที่ปรากฎตัวครั้งแรกใน ‘The Evil Dead’ ปี 1981 รับบทโดยแคมป์เบล ตลอดแฟรนไชส์หนังตระกูลนี้ แอชต้องเผชิญหน้ากับความตายและต่อสู้กับเหล่าผีร้ายมาตลอด เมื่อปี 2008 แอชได้รับเลือกจากนิตยสาร Empire ให้เป็นตัวละครภาพยนตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลอันดับที่ 24 และในปี 2013 เขายังได้รับการโหวตจากนิตยสาร Empire ให้เป็นตัวละครในภาพยนตร์สยองขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาด้วย

แอชเกิดเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 1957 เมืองเอลก์โกรฟ รัฐมิชิแกน ประเทศสหรัฐอเมริกา เขามีน้องสาวหนึ่งคนแต่เธอต้องพบชะตากรรมน่าเศร้าหลังเดินทางไปพักที่กระท่อมกลางป่า จากนั้นบรรดาผีร้ายเล่นตลกกับเขาอีกครั้งจนแอชต้องเสียทั้งแฟนสาวและเพื่อนสนิทไป แถมยังต้องเสียมือขวาไปอีกด้วย

แอชถือเป็นพระเอกหนังสยองขวัญที่ดวงซวยที่สุดคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ การเดินทางท่องเที่ยวธรรมดา ๆ เปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล แถมการต่อสู้แต่ละครั้งก็โหดขึ้นเรื่อย ๆ นอกจากนี้เจ้าตัวยังเคยทะลุมิติเดินทางย้อนเวลากลับไปอดีต หรือแม้แต่เคยข้ามผ่านเวลาไปยังโลกอนาคตมาแล้ว!

ด้วยนิสัยยียวนมีลีลาความกวนเป็นของตัวเอง การต่อสู้สุดทรหดกับบรรดาผีอมตะที่ต้องบอกว่าโหดไม่มียั้งมือ รวมถึงอาวุธคู่กายที่กลายเป็นภาพจำอย่างเลื่อยยนต์และปืนลูกซอง ทำให้แอชกลายเป็นไอคอนประจำแฟรนไชส์ ‘Evil Dead’ ไปอย่างไม่มีอะไรมาเทียบได้ และได้รับการยกย่องให้เป็น “นักฆ่าปีศาจที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมาบนจอภาพยนตร์” อีกด้วย

ว่าด้วยหนังสือ Necronomicron Ex-Mortis


ตำนาน Evil Dead

หนึ่งในไอเทมชิ้นสำคัญประจำแฟรนไชส์ผีอมตะก็คือ หนังสือเนโครโนมิครอน เอ็ก-มอร์ทิส (Necronomicron Ex-Mortis) หรือหนังสือแห่งความตาย มันคือหนังสือที่ปกทำจากหนังมนุษย์ และเนื้อหาภายในถูกเขียนขึ้นด้วยเลือดของมนุษย์ สร้างขึ้นโดยชาวสุเมเรียนโบราณ (ภายหลังเปิดเผยว่าหนังสือถูกสร้างโดยผู้มืดมิดหรือ Dark Ones) จุดประสงค์ของหนังสือเล่มนี้ก็คือเป็นทางเชื่อมระหว่างนรกและโลกมนุษย์ หากท่องคาถาที่อยู่ในหนังสือเล่มนี้เข้าล่ะก็จะเป็นการปลุกปีศาจโบราณให้ตื่นจากการหลับใหล และเมื่อพวกมันตื่นขึ้นมาแล้วก็ไม่มีทางกลับสู่ความสงบได้ง่าย ๆ แน่นอน

ความจริงแล้วเนโครโนมิครอนไม่ได้มีต้นกำเนิดมาจากแฟรนไชส์ ‘Evil Dead’ แต่ถูกเอ่ยถึงครั้งแรกในงานเขียนของ เอช.พี. เลิฟคราฟต์ (H.P. Lovecraft) จากเรื่องสั้น the Hound (1922) จากนั้นจึงมีการเสริมเติมแต่งเนื้อหาที่มาและรายละเอียดของหนังสือเล่มนี้เพิ่มเติมใน the History of Necronomicon (1927) ระบุว่าเนโครโนมิครอนเขียนขึ้นโดยอ้างอิงจากบันทึกการเดินทางของชาวอาหรับวิปลาสคนหนึ่งซึ่งบันทึกเรื่องราวความลับต้องห้ามมากมายที่มนุษย์ไม่สมควรได้รับรู้ระหว่างการเดินทางตลอดชีวิตของเขา

หนังสือเนโครโนมิครอนในแฟรนไชส์ ‘Evil Dead’ เองก็คงได้แรงบันดาลใจมาจากเลิฟคราฟต์เช่นกัน รวมถึงที่มาของ Dark Ones ที่คล้ายคลึงกับเหล่าเทพบรรพกาลใน The Call of Cthulhu ด้วย

แฟรนไชส์ ‘Evil Dead’ เป็นหนึ่งในแฟรนไชส์หนังสยองขวัญที่คอหนังสยองขวัญ ไม่ควรพลาด หากใครชื่นชอบความสยองแนวโหด เลือดสาด ปีศาจในเรื่องมีความน่ากลัวและมีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร เราขอบอกว่าหนังในจักรวาลผีอมตะตอบโจทย์แน่นอน

ส่วนใครกำลังรอ ‘Evil Dead Rise’ เตรียมรับชมในโรงภาพยนตร์ได้เลย ประเทศไทยของเราเปิดฉายรอบพิเศษวันที่ 17 – 19 เมษายนนี้ และมีโปรแกรมเข้าฉายอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 เมษายน

ที่มา: vocal.media, Evil Dead The Musical, The Evil Dead – Wikipedia

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส