‘Lomosonic’ ได้ฤกษ์ปล่อย MV เพลงใหม่ ‘รักครั้งสุดท้าย’ บทเพลงร็อกในห้วงรักแสนเศร้าจาก EP.อัลบั้มชุดล่าสุด ‘SWEET BROS.’ ที่คราวนี้ได้ชวนผู้กำกับอินดี้มากฝีมืออย่าง ‘โรส- พวงสร้อย อักษรสว่าง’ ( นคร-สวรรค์, MV เพลง ‘หลอก’ เบล-สุพล) มาถ่ายทอดบทเพลงนี้ได้อย่างลุ่มลึกผ่านภาษาภาพและสัญลักษณ์ที่ชี้ชวนให้เราได้เข้าไปแกะไปแงะถึงความหมายและความจริงที่ซ่อนไว้ในมิวสิควิดีโอเพลงนี้

ฉันต้องเสียใจเท่าไหร่ เพื่อให้หัวใจ ฉันได้รักใครสักคน

มีจริงใช่ไหม รักที่เป็นครั้งสุดท้าย และรักที่จะไม่จากฉันไป’

ใจความของเพลงนี้คือการถ่ายทอดความรู้สึกของคนที่ไม่เคยสมหวังในความรัก พบเจอรักมากี่ครั้ง รักนั้นก็มีอันต้องจากไป จนรู้สึกไม่แน่ใจว่า ‘รักที่เป็นครั้งสุดท้าย’ นั้นมีจริงอยู่ไหม

ในมิวสิกวิดีโอเรื่องราวถูกถ่ายทอดผ่าน 3 นักแสดงคุณภาพต่างวัย ได้แก่ มินนี่ ภัณฑิรา ผู้มาพร้อมความทรงจำแห่งความรักในวัยแรกรุ่น , เต้ย จรินทร์พร กับรักในช่วงเปลี่ยนผ่านจากวัยรุ่นสู่วัยผู้ใหญ่ และ อุ๋ม อาภาศิริ กับห้วงความรักของผู้ใหญ่ เรื่องราวความรักของมินนี่ กับ เต้ย ถูกถ่ายทอดผ่านห้วงความทรงจำของทั้งคู่ผ่านบอกเล่าเพื่อขอคำปรึกษาจากอุ๋ม อาภาศิริ ที่เป็นนักบำบัด แต่ดูเหมือนว่าในใจของนักบำบัดคนนี้ก็มีบางสิ่งที่ปวดร้าวและความจริงบางอย่างซ่อนอยู่เช่นกัน และต่อไปนี้คือภาษาภาพยนตร์และสัญลักษณ์ที่ซ่อนไว้ใน MV เพลงนี้ที่จะช่วยให้เราเข้าใจความหมายและความจริงที่ซ่อนไว้ในมิวสิกวิดีโอเพลงนี้

ไปชม MV เพลงนี้กันก่อนครับแล้วเราจะมาถอดรหัสกัน

‘ด้ายแดง’ ‘แหวน’ ‘วงกลม’ และ ‘สีแดง’

ด้ายแดง หรือ ด้ายแห่งโชคชะตา เป็นความเชื่อของชาวตะวันออกที่ว่าด้วยเรื่องเนื้อคู่ ความเชื่อนี้มีจุดกำเนิดมาจากประเทศจีน โดยมีความเชื่อว่า ด้ายแดง (ภาษาจีนเรียกว่า ‘หงเชี่ยน’) เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างชายหญิงที่เป็นเนื้อคู่กันมาตั้งแต่ชาติที่แล้ว ซึ่งเป็นเหมือนแรงอธิษฐานของหนุ่มสาวที่ซื่อตรงต่อความรักซึ่งกันและกันแต่ไม่สามารถครองรักกันได้ ก่อนที่ทั้งสองจะตายจากกันไปได้ขอพรต่อสวรรค์เพื่อให้ทั้งคู่ได้กลับมาครองรักกันอีกในภพชาติต่อไป ชาวจีนเชื่อว่าคนที่เป็นคู่กันนั้นจะมีด้ายแดงที่ ‘มองไม่เห็น’ ผูกติดข้อเท้าของทั้งคู่เอาไว้ ส่วนชาวญี่ปุ่นจะเรียกด้ายแดงว่า ‘Unmei no akai ito’ จะเชื่อว่าด้ายแดงที่มองไม่เห็นนั้นจะผูกโยงคนที่เป็นคู่กันอยู่ที่นิ้วก้อยของทั้งคู่ ซึ่งด้ายแดงจะค่อย ๆ ขดกลับเข้าหากันเพื่อให้หนุ่มสาวได้มาเจอกัน และจะขาดจากกันเมื่อทั้งคู่ตายจากกันไปนั้นเอง

วง Lomosonic ถูกพันด้วยด้ายแดง
อุ๋ม ในชุดสูทสีแดง และด้ายแดง
ข้อความแห่งความรักที่ปักด้วยด้ายแดง

ส่วนความเชื่อเรื่อง ‘แหวนแต่งงาน’ นั้นเป็นความเชื่อของทางฝั่งตะวันตกมีที่มาฐานมาจากชาวอียิปต์ แหวนแต่งงานจะมีลักษณะเป็นวงกลมที่เชื่อมต่อกันไปแบบไร้รอยแยกและรอยต่อ สื่อถึงความเป็นนิรันดร์ เมื่อถูกใช้ในบริบทของความรักก็หมายถึง ‘รักอันเป็นนิรันดร์’ นั่นเอง

สลักรอยรักลงไปในนิ้วเธอ
ร่องรอยของความรัก (ที่ไม่สมหวัง)

ส่วน ‘สีแดง’ นั้นก็เป็นสีที่ถูกใช้ในความหมายที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็น ‘ความรัก’ ‘ความโกรธ’ ‘ตัณหาและราคะ’ ‘เลือด’ ‘ความตาย’ ซึ่งความหมายก็จะแปรผันตามบริบทที่มันอยู่ อย่างใน MV เพลงนี้สีแดงได้ถูกเชื่อมร้อยเข้ากับสัญญะตัวอื่น ๆ  อย่างด้ายแดง และ ความรัก  ‘สีแดง’ ในที่นี้จึงเป็นสีอันเป็นตัวแทนของความรักนั่นเอง (แต่ในบางจุดของเรื่องสีแดงที่เป็นตัวแทนของความรักนี้ก็ถูกนำเสนอให้ชวนคิดไปถึงความหมายอื่น อย่างความโกรธแค้นและความตาย)

โดยชุดสัญลักษณ์ ‘ด้ายแดง’ ‘แหวน’ ‘วงกลม’ และ ‘สีแดง’ ที่กล่าวมานี้ได้ทำงานร่วมกันเพื่อสื่อความหมายที่สอดคล้องและเชื่อมโยงกัน

‘ความป่วยไข้ทางจิตใจ’

ใน ‘รักครั้งสุดท้าย’ มีช็อตหนึ่งที่เต้ย จรินทร์พร สวมใส่ชุดสูทกลับหลังซึ่งชวนให้เราคิดถึงการใส่เสื้อกลับหลังใน MV เพลง ‘วันที่ฉันไม่อยู่’ ซึ่งตัวละครเป็นผู้ป่วยอยู่ในโรงพยาบาลจิตเวช จึงอาจสื่อได้ว่า เต้ยซึ่งผิดหวังในความรักครั้งนี้ได้ส่งผลกระทบต่อจิตใจ จนสุดท้ายจึงต้องเข้ามารับการบำบัดกับอุ๋ม อาภาศิริ

เต้ยใส่สูทกลับหลัง
ภาพจาก MV วันที่ฉันไม่อยู่

‘รักที่ไม่สมหวัง’

ตัวละครทั้งสามคนต่างมีรักที่ไม่สมหวัง สิ่งที่เป็นสัญลักษณ์สื่อถึงความรักของแต่ละคนได้ถูกวางทิ้งเอาไว้ เป็นเพียงอนุสรณ์และร่องรอยแห่งรักที่พังทลาย นอกจากนี้ยังมีช็อตที่คนรักหันหลังให้ สื่อถึงการเพิกเฉย หมดรัก ร่ำลา การจากลาและไม่หวนคืนกลับมาอีกครั้ง

ผ้าที่ปักด้วยด้ายแดงและสะดึงวงกลม ถูกทิ้งร้างเอาไว้
เป็นเค้กที่ดูเศร้าและสยดสยองในเวลาเดียวกัน อาจชวนตีความไปถึงสาเหตุการจากลาของคนรักของเต้ยได้
ใบจดทะเบียนการหย่า ร่องรอยแห่งรักที่พังทลาย

‘ทั้งสามคนคือคนเดียวกัน’ !!

ในระหว่างที่ชม MV เพลงนี้เชื่อว่าทุกคนจะต้องมีความสงสัยอย่างแน่นอนว่าทั้งสามคนนั้นเกี่ยวข้องกันอย่างไร ในตอนแรก MV นำเสนอว่ามินนี่ กับ เต้ยนั้นมารับการบำบัดจากอุ๋ม แต่เมื่อได้ชมต่อมาจึงเห็นว่ามีหลายช็อตที่สื่อว่าทั้งสามคนนั้นเป็นคนเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นไฝตรงแก้มด้านขวา หรือว่า รอยแหวนสีแดงที่นิ้วนางที่ทั้งสามคนมีเหมือนกัน นอกจากนี้ยังมีช็อตที่ทั้งสามคนมายืนอยู่เรียงหน้ากระดานกันอยู่หน้ากระจกอันเป็นสัญลักษณ์ของการ ‘สะท้อนตัวตน’ การที่มินนี่และเต้ยจะเดินจากไปเหลือเพียงอุ๋มยืนอยู่ตรงนั้นเพียงลำพัง

‘Pass Life Regression Therapy’

เมื่อมาถึงตรงจุดนี้เราอาจมีข้อสรุปว่าแท้จริงแล้วทั้งสามคนคือ ‘คน ๆ เดียวกัน’ แต่ต่างช่วงเวลา เป็นความรักที่ไม่สมหวังในแต่ละช่วงวัย มินนี่กับรักแรกรุ่น เต้ยกับรักที่พร้อมจะลงหลักปักฐานด้วยการแต่งงาน และสุดท้ายอุ๋มที่ได้แต่งงานแล้วแต่ก็ต้องหย่าในท้ายที่สุดนั่นก็หมายความว่าเธอก็ยังไม่พบรักครั้งสุดท้ายอยู่ดี

แต่เมื่อได้เจอป้าย ‘Pass Life Regression Therapy’ นั่นทำให้ความหมายของ MV นี้ลึกเข้าไปอีก ‘Pass Life Regression Therapy’ คือการบำบัดทางจิตด้วยการสะกดจิตเพื่อให้ผู้เข้ารับการบำบัด ‘ระลึกชาติ’ หรือการถอยจิตสู่อดีตและอดีตชาติเพื่อการบำบัดเยียวยาปัญหาทางจิตใจในปัจจุบันนั่นเอง นั่นหมายความว่าแท้จริงแล้วมินนี่ กับ เต้ย อาจต่างเป็น ‘อดีตชาติ’ ที่ผ่านมาของอุ๋มนั่นเอง ส่วนเรื่อง ‘ไฝ’ ที่ทั้งสามมีเหมือนกันก็สามารถตีความในความหมายนี้ได้เหมือน เพราะมีความเชื่อว่าคนที่กลับชาติมาเกืดจะมี ไฝ หรือ ปานในตำแหน่งเดียวกันกับเมื่อชาติที่แล้ว ส่วนเรื่อง ‘รอยแหวน’ ของทั้งสามคนก็อาจจะเป็นเช่นเดียวกัน เป็นรอยปานที่มาปรากฏในชาติต่อมา เป็นร่องรอยที่ยิ่งตอกย้ำว่าความรักที่รอคอยนั้นเมื่อไหร่มันจะมาถึงสักที

สรุปแล้วเรื่องราวทั้งหมดอาจเป็นภาพสะท้อนของความรักที่ไม่สมหวังของผู้หญิงคนหนึ่งในแต่ละชาติภพชาติภพแรก (มินนี่) ผู้มีความรักในเพศเดียวกันในวัยแรกรุ่นซึ่งไม่อาจสมหวังได้โดยง่าย (ทั้งอุปสรรคจากความเยาว์วัย ครอบครัวและสถานการณ์ในชีวิต) , ชาติภพต่อมา (เต้ย) ที่เกือบจะสมหวังในรักจากการได้แต่งงานแต่สุดท้ายชายคนรักก็ได้จากไปก่อนถึงวันวิวาห์ (สัญลักษณ์ต่าง ๆ ในพาร์ตของเต้ยชี้ชวนให้คิดไปว่าคนรักของเธอจากลาไปเพราะความตาย) , ชาติภพปัจจุบัน (อุ๋ม) ที่ในที่สุดก็พบกับความสมหวังเธอได้แต่งงานกับชายคนรัก แต่สุดท้ายมันก็เหมือนความรักที่ไม่ยั่งยืน เธอต้องหย่าร้างกับเขาในท้ายที่สุด และชาติภพนี้คงไม่ใช่ชาติสุดท้าย และ รักครั้งนี้ก็ไม่ใช่รักครั้งสุดท้าย เธอต้องเวียนว่ายอยู่ใน ‘วัฏสงสารแห่งความรัก’ สืบต่อไป.

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส