Fast X ถูกเตรียมการมาตั้งแต่ปี 2014 ซึ่งระหว่างนั้นข้้นตอนเขียนบทมาจนถึงวันที่หนังสำเร็จเสร็จสิ้นจริง ก็มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมากมาย และหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงนั้น ก็คือการวางตัว คีอานู รีฟส์ (Keanu Reeves) ไว้ในบท เอเยนต์เอมส์ หนึ่งในตัวร้ายของภาคนี้

ซึ่งในที่สุดบทนี้ก็มาลงเอยที่ อลัน ริตช์สัน (Alan Ritchson) พระเอกจากทีวีซีรีส์ Reacher ซึ่งเรื่องนี้ได้รับการเปิดเผยจากตัวริตช์สันเอง ระหว่างที่เขาให้สัมภาษณ์กับ Entertainment Weekly เขาเล่าว่าทางทีมงานได้ยื่นเสนอบทนี้ให้กับรีฟส์ แต่การเจรจาก็ไม่เป็นผล รีฟส์ปฏิเสธ แล้วบทก็ตกเป็นของริตช์สัน


“มันน่าจะเป็นเรื่องของโชคชะตาและจังหวะเวลาที่ดีละมั้งครับ ตอนนั้นผมถ่ายหนังอยู่กับ ฮิลารี สแวงก์ ในวินนิเปก อากาศหนาวจัดมาก แล้วก็มีสายโทรเข้ามา ในสายเล่าว่าแผนการที่จะทำงานกับ คีอานู รีฟส์ เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งผมคิดว่าแผนการเดิมนั้นคงวางตัวรีฟส์ในบทผมนี่แหละ”

ที่จริงแล้ว ทางแฟรนไชส์ Fast ก็เคยทาบทามรีฟส์มาก่อนหน้านี้แล้ว คริส มอร์แกน ผู้เขียนบทเผยว่า รีฟส์เคยอยู่ในรายชื่อนักแสดง Hobbs & Shaw มาแล้ว ในตอนนั้นทางทีมงานทาบทามให้เขามาเป็นผู้พากย์เสียงหัวหน้าใหญ่ขององค์กร Eteon ที่ยังไม่เปิดเผยหน้าตา แต่เราได้ยินแต่เสียงของเขา แต่อาจจะด้วยตารางเวลางานที่ไม่สอดคล้องกันเขาก็เลยไม่ได้เข้าร่วมกับแฟรนไชส์ Fast เสียที แต่ก็ยังมีหนังในอนาคตของแฟรนไชส์ Fast อีกหลายเรื่องทั้งแฟรนไชส์หลักและภาคแยก ไม่แน่ว่าเราอาจได้เห็นรีฟส์ปรากฏตัวมาได้ในที่สุด

อลัน ริตช์สัน ใน Reacher

รีฟส์เคยเกือบที่จะเข้าร่วมซีรีส์ Fast and Furious มาก่อน ก่อนหน้านี้ คริส มอร์แกน ผู้เขียนบทได้เปิดเผยว่านักแสดงของจอห์น วิคก็อยู่ในรายชื่อที่จะมีส่วนร่วมใน Fast & Furious Presents: Hobbs & Shaw เช่นกัน เมื่อเขากำลังพูดคุยเพื่อให้เสียงที่อยู่เบื้องหลังองค์กร Eteon แม้ว่าตารางงานและเหตุการณ์อื่นๆ ของรีฟส์อาจสมรู้ร่วมคิดที่จะกันเขาออกจาก Fast Saga แต่ก็ไม่น่าที่จะส่งผลเสียต่อทั้งนักแสดงและแฟรนไชส์ ​​เนื่องจากทั้งคู่ทำได้ดีมากด้วยตัวมันเองโดยที่ไม่มีแต่ละคน อื่น. อย่างไรก็ตาม การได้เห็นคีอานู รีฟส์แสดงในภาพยนตร์ที่เหลือเรื่องหนึ่งไม่ใช่เรื่องที่ทุกคนจะปฏิเสธ

วันนี้ Fast X เข้าสู่สัปดาห์ที่ 2 ของการฉายในโรงภาพยนตร์แล้ว ตัวเลขรายได้ทั่วโลกอยู่ที่ 352 ล้านเหรียญ ยังมาไม่ถึงจุดคุ้มทุน ถ้ารวมต้นทุนในการสร้างและค่าโฆษณาแล้ว แต่หนังก็ผ่านช่วงเวลากอบโกยรายได้มาแล้ว เพราะวันนี้ The Little Mermaid หนังไลฟ์แอ็กชันของดิสนีย์ก็ได้ฤกษ์เปิดตัวแล้ว สุดท้ายแล้วรายได้ของ Fas X ก็น่าจะติดหนัง Top 10 ทำรายได้สูงสุดของปี 2023 นี้ แต่ไม่ใช่ภาคที่ทำรายได้ลำดับต้น ๆ ของแฟรนไชส์เป็นแน่

ที่มา : movieweb