ยุคนี้อะไรๆ ก็ SSD เพราะมีความเร็วในการอ่าน-เขียนสูงกว่า HDD แบบเดิมมาก ซึ่งนอกจากจะมี SSD แบบ Internal สำหรับใส่ในเครื่องแล้ว ตอนนี้ External SSD ก็กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเพราะทำให้เราสามารถพกประสิทธิภาพในการอ่านเขียนข้อมูลไปใช้นอกบ้านได้ และวันนี้ WD ก็ประกาศราคา External SSD จาก 3 แบรนด์ในเครือคือ WD, Sandisk และ G-Technology ที่น่าสนใจ เพราะเริ่มต้นแค่ 3,390 บาทเท่านั้น ก็ได้ความจุ 256 GB พร้อมความเร็วในการอ่าน-เขียนระดับ 500 MB/s ไปใช้งานแล้ว

ซึ่งตัว External SSD ทั้งแบรนด์ Sandisk, WD และ G-Data นั้นจะมาพร้อมสาย USB-C to USB-C เพื่อให้ความเร็วในการเชื่อมต่อที่ดีที่สุด แต่ก็มีหัวแปลงจาก USB-C เป็น USB-A (หัวใหญ่ที่ใช้กันทั่วไป) เพื่อให้ใช้กับคอมพิวเตอร์ทุกรุ่นได้ แต่จะได้ประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อต่อกับพอร์ต USB 3.0 นะครับ โดยจุดเด่นอีกอย่างของ SSD คือไม่มีการเคลื่อนไหวในตัวไดรฟ์ ไม่มี RPM (รอบต่อนาที) เพราะฉะนั้นเมื่อเรียกข้อมูล ข้อมูลจะมาได้ทันที ไม่เหมือนฮาร์ดดิสก์ที่ทิ้งไว้นานๆ มันจะเข้าโหมดพัก และเมื่อต้องการข้อมูลใหม่ก็ต้องรอมันหมุนให้ได้รอบก่อนถึงจะอ่านข้อมูลมาได้

ซึ่งในงานพี่หาวจาก 2how.com ก็มาเล่าถึงประสบการณ์ใช้งาน External SSD ว่าด้วยความเร็วของมัน เราสามารถใส่ Library ของ Lightroom หรือ Final Cut Pro ลงไปในไดรฟ์ แล้วแต่งไฟล์ RAW หรือตัดต่องาน 4K ได้โดยตรงจากไดรฟ์เลย โดยที่ไม่ต้องรอโอนไฟล์เข้าไปในเครื่องก่อน ทำให้การใช้งานสะดวกขึ้นอีกเยอะ

แซนดิสก์ เอ็กซ์ตรีม พอร์ตเทเบิล (SanDisk Extreme Portable SSD)

คุณสมบัติของ SanDisk Extreme Portable SSD มีดังนี้

  • โอนถ่ายข้อมูลด้วยความเร็วอ่านสูงถึง 550MB/วินาที
  • ทนทาน กันฝน น้ำกระเซ็น น้ำหก และฝุ่นได้ (ด้วยอันดับความทนทานที่ระดับ IP55) ด้วยไดร์ฟโซลิดสเตตจึงทำให้ทนทานต่อแรงกระแทกมากขึ้น
  • ขนาดกระทัดรัด น้ำหนักเบา ใส่กระเป๋าเสื้อยังได้
    สามารถใช้งานได้กับคอมพิวเตอร์พีซีและเครื่อง MAC
  • มาพร้อมกับการรับประกัน 3 ปี

SanDisk Extreme Portable SSD พร้อมวางจำหน่ายที่ร้านค้าปลีก IT และร้านค้าออนไลน์ชั้นนำทั่วไป ในราคา

  • 256 GB (ราคา 3,390 บาท)
  • 512 GB (ราคา 5,990 บาท)
  • 1 TB (ราคา 10,900 บาท)
  • 2 TB (ราคา 20,900 บาท)

มายพาสปอร์ต เอสเอสดี (WD My Passport SSD)

คุณสมบัติของ WD My Passport SSD มีดังนี้

  • ความเร็วในการอ่านข้อมูลสูงสุดถึง 540MB/s
  • มีระบบการป้องกันไฟล์ด้วยการเข้ารหัสฮาร์ดแวร์ และการสำรองข้อมูลอัตโนมัติ
  • มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยทำให้ทำงานเข้ากันได้กับคอมต่างๆ
  • ผ่านการทดสอบการกันกระแทกการตกหล่นในระดับ 6.5 ฟุต (หรือ 1.98 เมตร)
  • มาพร้อมซอฟต์แวร์ WDbackup ที่สามารถย้อนเวลาในไดรฟ์ได้เวลาที่ไฟล์ถูกลบหรือย้ายไปแล้วต้องการกู้กลับมา

ปัจจุบัน My Passport SSD มีวางจำหน่ายในร้านค้าชั้นนำทั่วไป ในราคาเท่ากับ Sandisk Extreme Portable SSD

  • 256 GB (ราคา 3,390 บาท)
  • 512 GB (ราคา 5,990 บาท)
  • 1 TB (ราคา 10,900 บาท)
  • 2 TB (ราคา 20,900 บาท)

จี-ไดร์ฟ โมบาย เอสเอสดี (G-DRIVE mobile SSD)

สำหรับ G-DRIVE mobile SSD จาก G-Technology มีจุดเด่นคือ

  • ถ่ายโอนข้อมูลสูงสุด 560MB/s
  • กันน้ำและฝุ่นมาตรฐาน IP67
  • ผ่านการทดสอบกันกระแทกการตกหล่นในระดับ 3 เมตร และสามารถรับน้ำหนักการกดทับได้ถึง 1,000 ปอนด์
  • ใช้งานกับแมคได้อย่างสมบูรณ์ สามารถเอามาใช้ทำไดรฟ์ Time Machine ได้

ซึ่งผู้ใช้สามารถหาซื้อ G-Drive ได้ที่ Apple Store สาขา ICONSIAM ในราคา

  • 500 GB (ราคา 6,490 บาท)
  • 1 TB (ราคา 11,900 บาท)
  • 2 TB (ราคา 24,600 บาท)

และพบสินค้าราคาพิเศษจาก Sandisk ในงาน Photo Fair 2018 ตั้งแต่ 28 พฤศจิกายน ถึงวันที่ 2 ธันวาคม 2561 ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค (BITEC) บางนา ที่ขน Sandisk Extreme ไปลดราคาเพียบ

นางมาร์กาเร็ต โคห์ (ขวาจากภาพ) ผู้อำนวยการฝ่ายขาย ประจำภาคพื้นเอเชียใต้ บริษัท เวสเทิร์น ดิจิตอล, นายธนพัฒน์ เลาห์ขจร (กลาง) ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายขาย บริษัท เวสเทิร์น ดิจิตอล (ประเทศไทย) และ นายต่อวงศ์ ซาลวาลา (ซ้ายจากภาพ) จากเพจ 2How