Highlight

  • ดีไซน์ใหม่ กล้องหลังเรียงตัวในกรอบวงกลม คล้ายดีไซน์กล้องถ่ายภาพ
  • ใช้ชิปประมวลผล Kirin 990
  • มีรุ่น 5G ให้ซื้อ ถ้า 5G มาเมื่อไหร่ ใช้ได้เลยทันที
  • กล้องหลังเซนเซอร์ขนาดใหญ่ 1/1.7 นิ้ว รับแสงได้ดีขึ้น ถ่ายในที่แสงน้อยได้ชัดขึ้น
  • กล้องรองรับการบันทึกวิดีโอระดับ 4K 60fps ถ่าย Ultra Slow-motion ที่ 7680fps และยังรองรับ Realtime-Bokeh ด้วย
  • SuperCharge 40W และชาร์จไร้สายแรงถึง 27W
  • ไม่มี Google Services รวมถึงแอปต่าง ๆ ของ Google ในเครื่อง

หลังจากมีภาพหลุดมาอย่างต่อเนื่อง ในที่สุด Huawei ก็เปิดตัวสมาร์ตโฟน Mate 30 ซีรีส์อย่างเป็นทางการ หน้าตาของตัวเครื่องนั้นเหมือนกับที่หลุดออกมาแบบไม่ผิดเพี้ยนเลยครับ แต่สิ่งที่เจ๋งกว่าหน้าตาคือนวัตกรรมของตัวเครื่องที่เรียกว่าจัดมาให้อย่างเต็มที่เลยล่ะ

ดีไซน์ทรงกล้องระดับโปร

Huawei Mate 30 ซีรีส์เปลี่ยนมาใช้ดีไซน์กล้องหลังแบบวงกลม มีแฟลชที่ด้านข้างกล้อง ให้อารมณ์เหมือนเรากำลังถือกล้องถ่ายรูปแบบคอมแพ็คอยู่ ซึ่งบริษัทเรียกการออกแบบนี้ว่า Halo ring design ส่วนหน้าจอมีความแตกต่างกันระหว่างรุ่น Pro และรุ่นปกติ โดย Huawei Mate 30 มีหน้าจอขนาด 6.62 นิ้ว ในขณะที่ Mate 30 Pro มีหน้าจอขนาด 6.53 นิ้ว ด้านข้างซ้าย-ขวา ไม่มีขอบเหลือรวมถึงปุ่มเพิ่มลดเสียง ใช้ระบบสัมผัสแทนครับ

สเปกระดับเรือธง

Huawei Mate 30 ซีรีส์ใช้ชิปประมวลผล Kirin 990 ที่รองรับ 5G ภายในตัว ไม่จำเป็นต้องติดตั้งโมเด็ม 5G แยกเหมือนรุ่นเก่า ตัวเครื่องมีเสาสัญญาณสำหรับ 5G ถึง 14 เสา รวมเสาสัญญาณทั้งหมด 21 เสา บริษัทยังยืนยันว่าประสิทธิภาพ 5G ของ Mate 30 ดีกว่า Galaxy Note 10 ทั้งในแง่ของความเร็วและประหยัดแบตเตอรีมากกว่าอีกด้วย

kirin 990

กล้องระดับแนวหน้าของสมาร์ตโฟน

จุดขายสำคัญย่อมไม่พ้นกล้องที่พัฒนาร่วมกับ Leica, Mate 30 ใช้เซนเซอร์ RYYB ขนาด 1/1.7 นิ้ว ยืนยันว่าใหญ่กว่าเซนเซอร์กล้องของ Galaxy Note 10 และ iPhone 11 Pro ทำให้สามารถรับแสงได้มากกว่าถึง 137% แน่นอนว่าย่อมช่วยให้การถ่ายภาพในที่แสงน้อยออกมาได้ดีขึ้นกว่าเดิมเยอะมาก ทั้งนี้สเปกระหว่าง Mate 30 และ Mate 30 Pro จะมีจุดที่แตกต่างกันอยู่ครับ

mate 30 camera sensor

กล้องหลัง Mate 30 สามตัว

  • กล้องหลัก ความละเอียด 40 ล้านพิกเซล รูรับแสงขนาด f/1.8
  • กล้องเลนส์มุมกว้างพิเศษ ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล f/2.2
  • กล้องซูม ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล f/2.4
  • เลเซอร์โฟกัส

กล้องหลัง Mate 30 Pro สี่ตัว

  • กล้องหลัก ความละเอียด 40 ล้านพิกเซล รูรับแสงขนาด f/1.6
  • กล้องเลนส์มุมกว้างพิเศษ ความละเอียด 40 ล้านพิกเซล f/1.8
  • กล้องซูม 3X ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล f/2.4
  • เซนเซอร์ 3D

กล้องวิดีโอระดับมืออาชีพ

Huawei Mate 30 ซีรีส์รองรับการบันทึกวิดีโอระดับ 4K 60fps หรือถ่าย Ultra Slow-motion ที่ 7680 fps เมื่อถ่ายที่ความละเอียด 720p อีกทั้งยังมี Realtime-Bokeh ที่จะสร้างฉากหลังแบบละลายเมื่อถ่ายวิดีโอได้อีกด้วย

huawei mate 30 video

ตัวอย่าง Ultra Slow-motion

Play video

แบตเตอรีระดับพระกาฬทั้งอึดและชาร์จไว!

Huawei Mate 30 และ Mate 30 Pro มีแบตเตอรีความจุ 4,200 mAh และ 4,500 mAh ตามลำดับ ซึ่งบริษัทยืนยันว่าสามารถใช้งานได้นานถึงสองวัน รองรับ SuperCharge สูงถึง 40W ชาร์จแบตเตอรีจาก 0-70% ได้ในเวลาเพียง 30 นาที และรองรับชาร์จไร้สายได้ที่กำลังไฟสูงถึง 27W เลยทีเดียว

นอกจากนี้ คุณสมบัติ Reverse Charge หรือการชาร์จให้อุปกรณ์อื่นสามารถชาร์จได้ไวขึ้นอีก 3 เท่าเลยทีเดียว

ราคา

Huawei Mate 30 เคาะราคามาที่ 799 ยูโร หรือประมาณ 26,900 บาท ส่วน Mate 30 Pro เคาะราคามาที่ 1,099 ยูโร หรือประมาณ 37,000 บาท และรุ่นรองรับ 5G ราคา 1,199 ยูโร หรือประมาณ 40,500 บาท ยังไม่ประกาศวันวางจำหน่าย สำหรับราคายุโรปจะแพงเป็นปกติอยู่แล้ว ต้องรอดูตอนเข้าไทยอีกครั้งว่าจะมีราคาเท่าไหร่

ปล. รุ่น Porsche Design ราคา 2,095 ยูโร หรือประมาณ 70,800 บาท

ไม่มีแอปของ Google แล้ว

ตามข่าวลือรวมถึงที่ Google บอกกับสื่อก่อนหน้านี้ สมาร์ตโฟน Huawei Mate 30 ซีรีส์จะยังคงใช้ EMUI 10 ครอบบน Android Q แต่เป็นเวอร์ชั่น Open Source ที่ไม่มีแอปรวมถึง Google Services ติดมากับเครื่องแล้ว ผู้ใช้งานสามารถติดตั้งแอปพลิเคชั่นได้ผ่าน AppGallery และท่องอินเทอร์เน็ตผ่านแอป Huawei Browser ที่ติดมากับเครื่อง

งานนี้เอง Hauwei ได้ประกาศเงินอัดฉีดสำหรับนักพัฒนาที่ทำแอปลง AppGallery ของ Huawei ด้วยงบประมาณทั้งสิ้น 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเลยทีเดียวครับ

อ้างอิง: Huawei Live, The Verge, CNET