ส่วนพื้นที่มหาศาลและเกษตรที่มีมากในประเทศ ทำให้จีนถือเป็นแหล่งผลิตผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรที่ใหญ่แห่งหนึ่งของโลก และเพราะความต้องการด้านอาหารและผลไม้ที่มีมากขึ้นตามจำนวนประชากรที่มีมากขึ้นทุกที ทำให้การใช้เทคโนโลยีมาช่วยเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรเป็นเรื่องปกติ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการใช้ ‘ไฟหลอก’ ที่กำลังขยายพื้นที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

ล่าสุด บริษัทท้องถิ่นเมืองตงฟาง มณฑลไห่หนาน (ไหหลำ) ทางตอนใต้ของจีน พาชมการเร่งปลูกแก้วมังกร โดยใช้ระบบให้แสงสว่างในยามค่ำคืน เพื่อให้พืชสังเคราะห์แสงมากกว่าเดิม เพิ่มผลผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการที่เพิ่มขึ้น

เมืองตงฟางเป็นแหล่งเพาะปลูกฟักเขียวและพืชผักอีกหลายชนิดของไห่หนาน และมีแก้วมังกรเป็นหนึ่งในผลผลิตทางการเกษตรที่เป็นที่ต้องการของตลาดมากที่สุด ฐานเพาะปลูกแก้วมังกรขนาดกลาง-ใหญ่หลายแห่งจึงใช้ระบบแสงสว่างเพื่อกระตุ้นผลผลิต

อันที่จริง การใช้แสงไฟหลอกเพื่อให้พืชสังเคราะห์แสงเพิ่มนี้มีมาระยะหนึ่งแล้ว และมักทำในพื้นที่หรือช่วงเวลาที่มีแสงน้อย เช่น ในประเทศที่อยู่ในละติจูดสูง อยู่ในช่วงฤดูหนาวที่มีช่วงเวลาสั้น เป็นต้น สำหรับแก้วมังกรเป็นพืชที่มีการกระตุ้นผลผลิตด้วยไฟหลอกในหลายพื้นที่ และกำลังขยายตัวไปยังพื้นที่ต่าง ๆ มากขึ้นเรื่อย ทั้งในไต้หวันและเวียดนามเองก็มีการใช้ไฟหลอกมาช่วยเพิ่มผลผลิตแก้วมังกรเช่นเดียวกัน 

สวนแก้วมังกรที่ใช้ไฟหลอกในมณฑลฝูเจี้ยน (Fujian) ประเทศจีน
Credit: reddit.com

สำหรับในประเทศไทยนั้น เราจะเห็นระบบใช้ไฟหลอกที่ดอยอินทนนท์ เพื่อให้ดอกเบญจมาศซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจของท้องที่ ชะลอการแตกตาดอกและมีก้านยาว สอดคล้องกับความต้องการของตลาดและทำให้ขายได้ราคาดี 

การใช้ไฟในแปลงดอกเบญจมาศในยามค่ำคืนบนดอยอินทนนท์ ประเทศไทย
Credit: EGAT

เพราะแบบนี้นี่เอง ยามค่ำคืนของโลกเราจึงสว่างไสวมากขึ้นเรื่อย ๆ ทุกที และแน่นอนว่า วิธีการเหล่านี้ก็นำมาซึ่งต้นทุนในการเพาะปลูกที่สูงตามไปด้วย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในไทยและต่างประเทศเองก็กำลังชักชวนให้เกษตรกรหันมาใช้หลอดไฟที่ประหยัดกว่าและลดการสร้างมลภาวะทางแสงลง

อ้างอิง

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส