ในงาน “2024 Premiere: Shaping Our Future with AI” ที่จัดโดย Data Wow เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2024 คุณต้น เจษฎากร สมิทธิอรรถกร CEO ของบริษัท Data Wow ได้นำเสนอเทรนด์ด้าน AI ที่มีความสำคัญในปี 2024 ภายใต้หัวข้อ “What’s Next for AI in 2024” ซึ่งสรุปเนื้อหาเด่น ๆ ได้ดังนี้

  1. การนำเทคโนโลยี AI ในธุรกิจ: หลาย ๆ องค์กรเริ่มนำเทคโนโลยี AI เข้ามาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและสร้างศักยภาพให้กับพนักงาน ซึ่งเป็นจุดเด่นในการแข่งขันและพัฒนาธุรกิจ
  2. Generative AI ในธุรกิจ: การใช้ Generative AI ในธุรกิจมีบทบาทสำคัญ โดยการนำเสนอ Use Cases ต่าง ๆ ภายใต้คอนเซปต์ Everyday AI และ Game Changing AI ซึ่งช่วยปรับใช้เทคโนโลยีนี้ในการเปลี่ยนแปลงการทำงานและยกระดับธุรกิจ
  3. ความสำคัญของความปลอดภัยข้อมูล: การเฝ้าระวังด้านความปลอดภัยข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อป้องกันการทำให้ข้อมูลรั่วไหล ซึ่งเป็นหลักการสำคัญในการนำเทคโนโลยี AI มาใช้ในธุรกิจ

โดยงานนี้ถือเป็นโอกาสที่ดีในการศึกษาแนวโน้มและแนวทางที่จะส่งเสริมการใช้งาน AI ในอนาคต และนำเสนอวิธีการให้ธุรกิจเห็นภาพชัดเจนเกี่ยวกับการนำ AI มาปรับใช้ในภาคธุรกิจผ่าน Use Cases ต่าง ๆ

คุณต้น เจษฎากร สมิทธิอรรถกร CEO ของบริษัท Data Wow
คุณต้น เจษฎากร สมิทธิอรรถกร CEO ของบริษัท Data Wow

คุณต้น เจษฎากร สมิทธิอรรถกร CEO ของบริษัท Data Wow ได้เปิดเผยว่า จุดเริ่มต้นที่ทำให้เทคโนโลยี AI เป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะประเทศไทยเองได้รับการจัดอันดับที่ 4 ของโลกโดยมีการค้นหาคำว่า “ChatGPT” และ “AI” บน Google Search ตัวอย่างที่แสดงถึงความนิยมของ AI ในชีวิตประจำวันได้อีกอย่างคือ DeRUCCI Group บริษัทชั้นนำด้านเทคโนโลยีการนอนหลับประกาศเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในงาน CES 2024 ประกอบด้วยที่นอนอัจฉริยะ โดยได้รับรางวัลและสร้างการนอนหลับที่ดีต่อสุขภาพและลดความเสี่ยงด้านสุขภาพ, หมอนลดเสียงกรน ช่วยลดเสียงกรน และ QBear+ ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ AI เพื่อแปลงเสียงร้องของทารก จุดเด่นที่แตกต่างคือ คุณไม่จำเป็นต้องซื้ออุปกรณ์ใหม่ แต่เพียงใช้แอป “Cappella’s” บนโทรศัพท์

การนำเทคโนโลยี AI ไปใช้ในผลิตภัณฑ์เหล่านี้ไม่เพียงแต่ทำให้การใช้ชีวิตประจำวันเป็นไปได้ง่ายขึ้นเท่านั้น แต่ยังเน้นถึงความสามารถในการปรับใช้และทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงเทคโนโลยี AI ได้ง่ายและสามารถใช้ให้เกิดประโยชน์ได้มากที่สุด จากตัวอย่างข้างต้นเราเห็นถึงวิวัฒนาการที่รวดเร็วของเทคโนโลยี AI ตั้งแต่การเปิดตัวครั้งแรกของ ChatGPT-3 ในปี 2022 ไปจนถึง ChatGPT-4 ที่เติบโตขึ้นถึง 10 เท่าภายใน 2 ปีเท่านั้น การเปิดตัวของ Sora โดย OpenAI เพิ่มเติมถึงความร้อนแรงในวงการ Generative AI โดยที่ AI สามารถสร้างวีดีโอผ่านการสร้าง Prompt บน Sora ซึ่งสามารถ Generate วีดีโอได้ทันที

นอกจากนี้ มีแอปพลิเคชั่นมากมายที่เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน เช่น ChatGPT, Gemini, Copilot, Bing AI, และ Midjourney, ที่ถือเป็น Everyday AI ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถพัฒนาสินค้าและบริการเพื่อสร้างจุดเด่นและเพิ่มความแตกต่าง. ตัวอย่างเช่น, Khan Academy ได้พัฒนา Khanmigo ติวเตอร์ AI เพื่อช่วยนักเรียนในการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม คำถามที่สำคัญกว่านั้นคือ คุณหรือธุรกิจของคุณจะเป็นคนที่แค่ใช้ Everyday AI” หรือจะสร้าง Game Changing AI ที่จะทำเราอยู่เหนือคู่แข่ง? 

ในปี 2024 เทคโนโลยี ‘Multimodal AI’ กำลังทำให้เรามองข้อมูลได้อย่างแตกต่างและทันสมัยมากขึ้น ‘Multimodal AI’ เป็นเทคนิคที่โดดเด่นที่สามารถประมวลผลข้อมูลที่มีลักษณะหลากหลาย เช่น ข้อความ, รูปภาพ, วิดีโอ, หรือเสียงได้พร้อมกัน ตัวอย่างเช่นรถยนต์ไฟฟ้าหลาย ๆ แบรนด์ปัจจุบันมีฟีเจอร์ Self-Driving Car ที่ใช้กล้องและเซ็นเซอร์เพื่อตรวจจับสิ่งกีดขวางรอบรถ พร้อมส่งข้อมูลกลับไปยังระบบสั่งการเพื่อประมวลผลอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามเพื่อให้ Multimodal AI ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ การเตรียม ‘ข้อมูล’ มีความสำคัญมาก ข้อมูลเป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยเริ่มนำ AI เข้ามาใช้ในธุรกิจ ถ้าธุรกิจมีการออกแบบและจัดเก็บข้อมูลอย่างดี จะสามารถสร้างมูลค่าและสร้างโมเดลธุรกิจใหม่ได้ อย่างไรก็ตามถ้าข้อมูลไม่ได้รับการจัดเก็บอย่างดีมากพอมันอาจกลายเป็นข้อมูลที่ไม่มีประโยชน์และไม่สามารถนำไปใช้งานได้ สถานการณ์นี้อาจส่งผลให้เกิดความเสี่ยงทั้งภายในและภายนอกองค์กร ดังนั้นการตัดสินใจลงทุนใน AI ต้องพิจารณาเรื่องข้อมูลอย่างรอบคอบ เพื่อป้องกันการสูญเสียโอกาสทางธุรกิจและลดความเสี่ยง เชื่อว่าธุรกิจที่อ่านมาถึงตรงนี้แล้วคิดที่อยากจะเริ่มทำ เริ่มลงทุนใน AI แต่จะรู้ได้ยังไงว่าธุรกิจจะต้องลงทุนเท่าไหร่ถึงจะพอ?

คำถามสำคัญที่หลายธุรกิจกังวลคือ การลงทุนใน AI ว่าควรมีสัดส่วนเท่าไหร่ถึงจะคุ้มค่า

จากข้อมูลของ ScienceDirect ระบุว่า องค์กรควรมี AI Intensity มากกว่า 25% ถึงจะเริ่มเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม การลงทุนใน AI อาจมีลักษณะแบบ J-Curve ที่มักมีความเสี่ยงขาดทุนในช่วงแรก และเสี่ยงขาดทุนระหว่างทางเพราะใช้เงินลงทุนสูงและได้ผลลัพธ์ที่ช้า ธุรกิจจึงควรเริ่มต้นจากโปรเจกต์ที่ง่ายหรือมีความเสี่ยงน้อยก่อน เพื่อสะสมประสบการณ์และเรียนรู้วิธีการใช้ AI ที่เหมาะสมกับองค์กร

และประเด็นที่สำคัญที่ควรระวัง ทราบกันว่าในปัจจุบันการใช้เทคโนโลยี AI มีศักยภาพที่สูงมาก แต่ก็มีประเด็นที่ควรระวังด้วย เช่น จรรยาบรรณในการใช้ AI การนำ AI มาใช้ในการสร้าง Deepfake และการเปิดตัว Sora ที่ต้องดูว่าจะมีปรับมาตรการออกมาอย่างไรหรือการใช้ AI เพื่อเลือกปฏิบัติต่อบุคคล ยังต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบ ถึงแม้ AI จะฉลาดแค่ไหนก็ยังสู้มนุษย์ไม่ได้ ความเป็นมนุษย์ที่มี Empathy ยังคงเป็นสิ่งสำคัญในการทำงาน ธุรกิจควรพัฒนาทักษะด้านนี้ควบคู่ไปกับการใช้ AI