The Last of Us เคยถูกนำมารีมาสเตอร์ก่อนจะนำมารีเมกใหม่ แต่เหตุผลที่ต้องนำตัวเกมมารีเมกใหม่ เนื่องจากต้องการให้เกิดการเชื่อมต่อระหว่างภาคแรกและภาคต่อ

ฌอน เอสเคย์ (Shaun Escayg) ผู้กำกับฝ่ายสร้างสรรค์ กับ แมทธิว กัลแลนท์ (Matthew Gallant) ผู้กำกับ เปิดเผยผ่าน Noclip Documentary ช่องยูทูบที่จะนำเรื่องราวในโลกของเกมมาเล่าในรูปแบบของสารคดีเบื้องหลัง

การนำ The Last of Us มารีเมก มีเหตุผลที่อยากให้ตัวเกมได้รับการปรับปรุงคุณภาพให้ดียิ่งขึ้น ต้องการให้ผู้เล่นได้เกิดความต่อเนื่องจากภาคแรกสู่ภาคต่อ

“ผมจำตอนที่คุยกันที่สตูดิโอได้ ‘จะไม่ว้าวเลยถ้าพวกเราไม่สามารถกลับมาเล่น Part I และ Part II ได้'” เอสเคย์ บอก “จะทำยังไงให้ผู้เล่นสามารถเล่นและติดตามเรื่องราวของโจเอลกับเอลลีได้ทั้งสองเกม เกมภาคแรกออกมาก็เกือบ 10 ปีแล้ว ดังนั้นพวกเราจึงคุยกันว่า โอเค งั้นพวกเราเอาอะไรจาก Part II มาใช้ได้บ้าง ระบบต่อสู้และเอไอ”

The Last of Us เดิมทีวางจำหน่ายตั้งแต่ปี ค.ศ. 2013 ให้ PlayStation 3 ก่อนจะได้รับการรีมาสเตอร์ปี ค.ศ. 2014 ให้ PlayStation 4 และภาคต่อก็ตามมา The Last of Us Part II ปี ค.ศ. 2020

“จุดเริ่มต้นย้อนกลับไปช่วงที่กำลังพัฒนา The Last of Us Part II การได้เห็นเหตุการณ์ในภาคต่อเป็นการจุดประกายอะไรบางอย่าง ‘ถ้าพวกเราทำให้ The Last of Us เป็นเหมือนฉากย้อนหลังที่ตั้งใจให้ต่อเนื่องกับ The Last of Us Part II ล่ะ'” กัลแลนท์ บอก “นั้นจึงเป็นไอเดียที่นำ The Last of Us มารีเมกใหม่ ถ้าคุณต้องการเล่นทั้งสองเกมอย่างต่อเนื่องกัน ถ้าเกิดคุณเคยเล่น PS3 มาก่อน เมื่อมาเล่นใน PS5 ประสบการณ์จะไม่เหมือนเดิม”

กัลแลนท์รู้ว่าตัวเกมเคยถูกรีมาสเตอร์มาก่อน การทำแบบนั้นมันเหมือนเป็นเพียงแค่แบบฝึกหัด เมื่อตัวเกมถูกรีเมก Naughty Dog ต้องการให้นำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ เพื่อมอบประสบการณ์ที่สอดคล้องกับสิ่งที่ทำล่าสุด

The Last of Us Part I วางจำหน่ายแล้วใน PlayStation 5 และวันที่ 28 มีนาคม ปี ค.ศ. 2023 ใน PC ส่วน The Last of Us Part II วางจำหน่ายแล้วใน PlayStation 4

ที่มา Gamesradar

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส