ในขณะที่ผู้เล่นรายใหญ่อย่าง Ford และ GM ถอนตัวจากสนามแท็กซี่ไร้คนขับ แต่โฟล์คสวาเกน(Volkswagen) กลับเดินเกม เปิดตัวรถแท็กซี่ไร้คนขับชื่อรุ่น “ID. Buzz AD” ที่เตรียมเข้าร่วมบริการเรียกรถผ่านแอป Uber ในลอสแอนเจลิส ประเทศสหรัฐฯ โดยมีกำหนดส่งมอบล็อตแรก 500 คันภายในปี 2026 และอาจขยายถึง 10,000 คันในอนาคต

โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือระหว่างโฟล์คสวาเกนและ Mobileye บริษัทในเครือของ Intel ที่เชี่ยวชาญด้านซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ AI สำหรับรถยนต์ โดยโฟล์คสวาเกนมุ่งชิงส่วนแบ่งจากบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Waymo ของ Google, Tesla และ Zoox ของ Amazon ที่ต่างก็เร่งพัฒนาเทคโนโลยีไร้คนขับอย่างหนักในช่วงหลัง

แม้จะยังไม่มีโมเดลธุรกิจที่เห็นผลกำไรชัดเจน แต่คริสเตียน เซนเกอร์(Christian Senger) ซีอีโอของโฟล์คสวาเกน มองว่า “กำไรในธุรกิจ AI เริ่มต้นที่เลขสองหลัก ขณะที่ธุรกิจรถยนต์อยู่ที่เลขหลักเดียว นี่คือโอกาสใหญ่ที่โฟล์คสวาเกนต้องคว้าไว้”

ID. Buzz AD ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับผู้โดยสาร 4 คนพร้อมสัมภาระ โดยมีพื้นที่วางกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ถึง 2 ใบ พร้อมกล่องเก็บสัมภาระเล็กด้านหน้า ตัวรถใช้ประตูเลื่อนอัตโนมัติที่สะดวกต่อการขึ้นลงแม้ในที่แคบ ได้เปรียบรถของคู่แข่งที่ใช้ประตูแบบบานเปิดที่อาจกระแทกรถข้างเคียง

เทคโนโลยีของ VW รองรับความเร็วสูงสุด 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และสามารถทำงานได้ต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมงไม่ว่าจะสภาพอากาศแบบใด จุดเด่นอีกอย่างคือความสูงตัวรถ 2 เมตรที่ช่วยให้สามารถติดตั้งเลเซอร์สแกนเนอร์ (LiDAR) บนหลังคาได้โดยไม่ดูเทอะทะ และยังมาพร้อมกล้อง 13 ตัว เรดาร์ 5 ตัว และ LiDAR อีก 8 ตัว ครอบคลุมระยะการตรวจจับทั้งระยะใกล้และไกลสูงสุดถึง 300 เมตร

โฟล์คสวาเกนหวังกลยุทธ์นี้จะช่วยลดความเสี่ยงในการลงทุนระยะยาว เพราะสามารถรวมการผลิตเข้ากับสายการผลิตรถรุ่นเดิมได้โดยไม่ต้องสร้างโรงงานใหม่ ทั้งยังช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถเริ่มธุรกิจ robotaxi ได้ทันทีเพียงแค่ติดโลโก้ของตนเอง