เจเนอรัล มอเตอร์ส (GM) ค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่จากสหรัฐฯ ประกาศผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2025 ที่เหนือกว่าการคาดการณ์ของวอลล์สตรีทอย่างชัดเจน ท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจโลกและนโยบายภาษีนำเข้าโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ที่ยังคงเป็นมรสุมสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์
แม้ว่าผลกำไรสุทธิของบริษัทจะลดลง 31.6% เหลือ 3,040 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 100,320 ล้านบาท แต่รายรับของ GM ในไตรมาส 2 กลับพุ่งสูงถึง 47,120 ล้านเหรียญ ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 46,280 ล้านเหรียญ นอกจากนี้ กำไรต่อหุ้นที่ปรับปรุงแล้วอยู่ที่ 2.53 เหรียญ โดยสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 2.44 เหรียญ
สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของ GM ในการปรับตัวจัดการต้นทุนและบริหารจัดการความเสี่ยงจากนโยบายภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคำกล่าวของ แมรี่ บาร์รา (Mary Barra) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ GM ที่ย้ำชัดว่า “บริษัทกำลังทำงานอย่างหนักเพื่อ ลดการเปิดรับความเสี่ยงจากภาษีให้มากที่สุด”
อย่างไรก็ตาม ตลาดก็ตอบรับข่าวนี้ด้วยการที่ราคาหุ้นของ GM ปรับลดลงประมาณ 3% ในการซื้อขายก่อนตลาดเปิด สาเหตุหนึ่งอาจมาจากความกังวลต่อเนื่องเกี่ยวกับผลกระทบจากภาษีนำเข้า 25% ที่ประธานาธิบดีทรัมป์ยังคงบังคับใช้กับยานยนต์นำเข้าและชิ้นส่วนรถยนต์หลายรายการ