Drama Movies on Netflix
Drama Movies on Netflix

รวมหนังดราม่า “ต้องเสียน้ำตา” สักครั้งในชีวิตบน Netflix (ตอนที่ 2)

ในช่วงนี้ Netflix ได้จัดโปรแกรมหนังดราม่าที่สนใจในหลาย ๆ ประเภทของภาพยนตร์มาให้ได้ชม ไม่ว่าจะเป็นหนังสงคราม หนังหายนะภัย หนังที่ให้คุณค่าต่อชีวิตผ่านเรื่องราวหรือบุคคลที่เป็นแรงบันดาลใจ ที่ทั้งมีชีวิตอยู่จริงหรือมาจากเรื่องแต่งที่เป็นนิยาย รวมไปถึงหนังตลกร้ายก็มี สำหรับใครที่อยากชมหนังที่จะทำให้เสียน้ำตาให้กับความสะเทือนใจ ความหดหู่ หรือความประทับใจเมื่อหนังถึงบทสรุป เชื่อว่าหนังเหล่านี้น่าจะตอบโจทย์ พกทิชชู่ไว้ข้างตัวให้เยอะ ๆ ก่อนจะคลิกชมหนังตามรายชื่อที่ What the Fact เตรียมไว้ให้เป็นตอนที่ 2 แล้ว (ย้อนกลับไปอ่านตอนแรกกันได้ที่นี่)

LA LA LAND (2016)

ร้องไห้กับความรักที่ร่วมฝ่าฟันกันมาแต่ไม่อาจร่วมทางจนถึงตอนจบ

หนังที่เฉียดใกล้ออสการ์ที่สุดเรื่องหนึ่ง เพราะเป็นตัวเต็งและเป็นผู้ชนะอยู่ราว ๆ 2-3 วินาทีก่อนจะมีการประกาศแก้ชื่อเป็นหนัง Moonlight แทน ถึงอย่างนั้น La La Land ก็ยังเป็นผลงานมาสเตอร์พีซของผู้กำกับ Damien Chazelle ที่สร้างบรรยากาศให้หวนนึกถึงหนังเพลงในยุค 60s รวมถึงฉากจบที่แสนปวดร้าว แทบจะพลิกอารมณ์ของหนังทั้งเรื่องให้กลายเป็นหนังเรื่องใหม่เลยทีเดียว แต่นั่นก็ทำให้หนังมีตอนจบเป็นที่กล่าวถึงและถูกจัดให้เป็นตอนจบที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งในโลกภาพยนตร์

พล็อตเรื่องว่าด้วย “บอยมีทเกิร์ล” ชายหนุ่มหญิงสาวตกหลุมรักกันและฝ่าฟันอุปสรรคขวากหนามต่าง ๆ โดยเฉพาะการไล่ตามความฝันในมหานครแห่งโลกมายาอย่าง L.A. ด้วย หนังเล่าเรื่องสองพาร์ท หลังจากฉากเต้นสุดหวือหวาบนทางด่วนที่รถติดแน่นขนัด พระเอกกับนางเอกก็ได้พบกันครั้งแรกและประทับใจกันแบบพ่อแง่แม่งอน แล้วหนังก็เริ่มจับไปเล่าชีวิตของ Mia นางเอกที่เป็นเพียงเด็กบ้านนอก มาทำงานบาร์เทนเดอร์ร้านกาแฟ และเฝ้าตามความฝันในการเป็นนักแสดงโด่งดัง เธอผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่ากับการไปออดิชั่นแคสติ้งงานต่าง ๆ แต่ก็ไม่เคยท้อใจ จนวันคริสต์มาสที่ทุกอย่างดูไม่เป็นใจเอาเสียเลย เธอก็ได้พบกับชายหนุ่มนักเปียโนแนวแจ๊สในคลับแห่งหนึ่ง ที่จะกลายมาเป็นทั้งแรงบันดาลใจและแรงผลักดันคนสำคัญ (อ่านรีวิวฉบับเต็มเรื่องนี้ของ WTF)

La La Land
La La Land
  • นักแสดง: Ryan Gosling, Emma Stone, J.K. Simmons
  • ผู้กำกับ: Damien Chazelle (Whiplash, First Man)
  • ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 30/446 ล้านเหรียญฯ
  • Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 91% / 8/10
  • รางวัลบนเวทีออสการ์:
    • ชนะ 6 สาขารางวัล (นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม (Emma Stone), ผู้กำกับยอดเยี่ยม, ถ่ายภาพยอดเยี่ยม, เพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม (ทั้งเพลงและสกอร์) และ องค์ประกอบศิลยอดเยี่ยม)
    • เข้าชิงอีก 8 สาขารางวัล (ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม (Ryan Gosling), บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, ลำดับภาพยอดเยี่ยม, ผสมเสียงยอดเยี่ยม, ตัดต่อเสียงยอดเยี่ยม, ออกแบบเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม และเพลงประกอบยอดเยี่ยม (เข้าชิงถึง 2 เพลง คว้ารางวัล 1 เพลง))

BEFORE WE GO (2014)

ร้องไห้ให้กับความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนของคนแปลกหน้าสองคน

ผลงานกำกับและนำแสดงเองของกัปตันอเมริกา Chris Evans ที่หันมากำกับหนังเป็นครั้งแรก และมาในแนวทางของหนังรักข้ามคืนที่ชื่อขึ้นต้น Before เหมือนกันอย่าง Before Sunrise (1997) เรื่องราวของชายหญิงคู่หนึ่งที่บังเอิญพบเจอกันกลางเมืองนิวยอร์ก เมืองที่เต็มไปด้วยผู้คนแม้ยามค่ำคืน Nick ชายผู้รักในเสียงดนตรีและกำลังเล่นดนตรีเปิดหมวดที่สถานีรถไฟ ได้เจอกับ Brooke หญิงสาวที่พลาดรถไฟเพื่อจะกลับบ้านไปหาคนรักที่บอสตัน ทั้งสองบังเอิญพบกันเพราะ Brooke รีบวิ่งเพื่อจะขึ้นรถไฟให้ทันและดันทำโทรศัพท์ตกต่อหน้า Nick ที่กำลังหยุดเล่น เขาจึงนำโทรศัพท์ที่ตกแตกไปคืนเธอ

เมื่อ Nick รู้ว่าหญิงสาวผู้นี้ตกรถไฟเขาก็พยายามช่วยเหลือ แต่ว่าโชคไม่เข้าข้างเพราะทั้งคู่ไม่มีเงินพอที่จะพา Brooke กลับบ้านได้ ดังนั้นทั้งคู่จึงต้องพยายามหาทางให้เธอกลับไปทันก่อนวันรุ่งขึ้นและเพียงชั่วข้ามคืน ทั้งสองก็ได้พบเจอเหตุการณ์ต่าง ๆ ร่วมกัน ได้พูดคุยเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวโดยเฉพาะเรื่องของความรักที่ทั้งสองกำลังเผชิญหน้ากับปัญหาของตัวเอง ทั้งหมดนั้นทำให้ทั้งสองเกิดความรู้สึกบางอย่างที่อาจจะเปลี่ยนชีวิตของพวกเขาภายในระยะเวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมง อาจะเป็นเพราะรักไม่ต้องการเวลาก็เป็นได้ (รับชมแบบเต็มเรื่องฟรีได้ทาง Line TV)

  • นักแสดง: Chris Evans, Alice Eve, Emma Fitzpatrick, Mark Kassen, Daniel Spink
  • ผู้กำกับ: Chris Evans
  • ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 462,875 เหรียญฯ
  • Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 27% / 6.8/10

ABOUT TIME (2013)

ร้องไห้ให้กับความสัมพันธ์ของพ่อลูก ที่แม้เวลาไม่ใช่ปัญหาแต่ก็ต้องลาจากอยู่ดี

เพิ่งกลับเข้ามาสตรีมทาง Netflix อีกครั้งในเดือนตุลาคมนี้ สำหรับผลงานกำกับชิ้นสุดท้ายของเจ้าพ่อหนังรักอังกฤษอย่าง Richard Curtis ที่เป็นมือเขียนบทหนังอังกฤษดัง ๆ อย่าง Four Weddings and a Funeral (1994), Notting Hill (1999), Bridget Jones’s Diary (2001) และล่าสุดอย่าง Yesterday (2019) (ยังเขียนบทอยู่แต่ไม่เป็นผู้กำกับแล้ว) ซึ่งก็เป็นงานที่สมศักดิ์ศรีผลงานชิ้นสุดท้าย เพราะทำออกมาได้งดงามและแสนประทับใจ รวมถึงการเป็นหนังรักและหนังเดินทางข้ามเวลาที่อยู่ในหัวใจของใครหลายคน

หนังเป็นเรื่องราวของ Tim ชายหนุ่มขี้อาย ไม่ประสีประสา เขาได้พบความจริงจากพ่อว่า เขาสามารถเดินทางข้ามเวลาได้ สิ่งนี้เป็นความสามารถพิเศษที่ผู้ชายตระกูลนี้ที่สืบทอดกันมา เขาใช้ความสามารถนี้ย้อนกลับไปช่วยให้แก้ไขข้อผิดพลาดบางอย่างในชีวิตได้ (ซึ่งก็จะทำให้เส้นเวลาในอนาคตเปลี่ยนไปเล็กน้อยแต่ไม่ถึงกับร้ายแรงเท่ากฎเกณฑ์ในหนังเรื่องอื่น) Tim ใช้ความสามารถพิเศษเพื่อเจอกับแฟนสาวและทำให้เธอประทับใจ หนังให้ข้อคิดสอนชีวิตเช่นเดียวกับหนังหลาย ๆ เรื่องที่ Curtis เคยเขียนบทไว้ กับเรื่องนี้ก็เน้น ๆ ไปที่ความรักระหว่างพ่อกับลูกชายที่จับเอาการย้อนเวลาและโลกคู่ขนานมาทำให้เสียน้ำตาได้

ชวนอ่าน “หนังโลกคู่ขนาน” ที่คอหนังตัวจริง ต้องดูสักครั้งในชีวิต!

  • นักแสดง: Domhnall Gleeson, Rachel McAdams, Bill Nighy, Margot Robbie, Vanessa Kirby
  • ผู้กำกับ: Richard Curtis (Love Actually, Pirate Radio)
  • ทุนสร้าง/รายได้ทั่วโลก: 12 / 87 ล้านเหรียญฯ
  • Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 68% / 7.8/10

(อ่านต่อหน้าถัดไป)