Worst Movies of 2020
Worst Movies of 2020

หนังอิหยังวะ! ยอดแย่-ล้มเหลวที่สุดแห่งปี 2020

What the Fact ได้นำเสนอหลายบทความที่เกี่ยวกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากปี 2020 ไปแล้ว แน่นอนว่าสำหรับโลกภาพยนตร์นั้นเมื่อมียอดเยี่ยมก็ต้องมียอดแย่เป็นของคู่กัน (เช่นเดียวกับเมื่อมีรางวัลออสการ์ก็ต้องมีรางวัลราซซี่เน่า) ซึ่งในปีที่ผ่านมานั้น หนังที่ทำออกมาได้ไม่สมกับการรอคอย ทั้ง ๆ ที่มีนักแสดงและทีมงานสร้างชั้นดี แต่กลับประสบความล้มเหลวด้านคำวิจารณ์ ก็ยิ่งเจอสถานการณ์ซ้ำร้ายจากโควิด ยิ่งทำให้หนังที่ในสถานการณ์ปกติอาจจะทำเงินได้บ้างจากการขายดาราดัง รายได้ก็ยิ่งพังพินาศไปกันใหญ่ และนี่คือหนังในกลุ่มที่ว่ามา ซึ่งรวมถึงหนังจากสตรีมมิงอย่าง Netflix และ Disney+ ด้วย

AVA

ต้องบอกว่าปกติแล้วนักแสดงสาวมากความสามารถและเคยเข้าชิงออสการ์มาแล้ว 2 ครั้งอย่าง Jessica Chastain นั้นมักเลือกเล่นหนังไม่พลาด จนมาถึงเรื่องนี้ที่เธออำนวยการสร้างเองผ่านบริษัท Freckle Films เดิมทีนั้นได้ให้ Matthew Newton จาก From Nowhere (2016) มารับหน้าที่กำกับ แต่เกิดต้องเปลี่ยนตัวตอนปี 2018 สุดท้าย Chastain จึงได้ Tate Taylor จาก The Help (2011) ซึ่งส่งให้เธอเข้าชิงออสการ์ครั้งแรกและ The Girl on the Train (2016) มากำกับ ซึ่งเรียกได้ว่าการเอาผู้กำกับสายหนังดราม่ามากำกับหนังแอ็กชันนั้น ผิดฝาผิดตัวอย่างแรง

Ava ว่าด้วยเรื่องราวของนักฆ่าฝีมือฉกาจทำผิดกฎขององค์กร เธอจึงถูกสั่งเก็บ (ทั้งเรื่องมีเนื้อหาอยู่แค่นี้จริง ๆ ) สมทบด้วยนักแสดงเกรดดี ทั้ง Colin Farrell จาก Fantastic Beasts and Where to Find Them (2016), John Malkovich จาก Being John Malkovich (1999), Ioan Gruffudd จาก Fantastic Four (2005), Common จาก Wanted (2008) และรุ่นเดอะ Geena Davis จาก Thelma & Louise (1991) ซึ่งทุกคนแทบจะมาเล่นแบบแก้ขัด หนังยังทิ้งท้ายบทสรุปของเรื่องอย่างค้างคาแบบอยากให้มีภาคต่อ ซึ่งจากความล้มเหลวทางรายได้แค่ 3 ล้านเหรียญฯ ทั่วโลก ก็คิดว่าไม่ได้สานต่อแน่ ๆ อ้อ…ข้อดีอย่างเดียวของหนังคือชื่อไทยว่า “มาแล้วฆ่า” อ่านรีวิวเรื่องนี้ของ WTF (Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 17% / 5.4/10)

BLOODSHOT

Vin Diesel ยังคงเจออาถรรพ์ที่ไม่สามารถดันหนังที่แสดงนำเรื่องอื่น ๆ นอกจากแฟรนไชส์ฮิตอย่าง Fast & Furious ประสบความสำเร็จได้เลย โดยเรื่องนี้แม้จะเปลี่ยนแนวมาแสดงในหนังแอ็กชันไซไฟซึ่งเอื้อให้ประสบความสำเร็จมากแล้วก็ตาม หนังแฟรงเกนสไตน์ฉบับซูเปอร์ฮีโร เล่าเรื่องราวของนักฆ่าที่เข้าโครงการคุ้มกันพยาน แต่ถูกหักหลังและนำตัวไปทดลองในการสร้างสุดยอดนักฆ่าขององค์กรลับ ทำให้เขาสูญเสียความจำไปทั้งหมด และกลายเป็น Bloodshot ผู้ที่มีพลังซ่อมแซมตัวเอง และยังเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ได้

แม้ว่าจะมีนักแสดงสมทบมือดีมากมายทั้ง Guy Pearce จาก Iron Man 3 (2013), Toby Kebbell จาก Kong: Skull Island (2017) และ Eiza González จาก Hobbs & Shaw (2019) แต่หนังที่ไม่มีความแปลกใหม่ และมากับพล็อตที่ซ้ำซาก รวมถึงแทงกั๊กจะไปเล่าในภาคต่อ ก็ซ้ำรอยหนังหลาย ๆ เรื่องที่ไม่น่าได้มีภาคต่อตามออกมาเพราะความล้มเหลว ส่วนหนึ่งอาจเพราะการได้ผู้กำกับหน้าใหม่ไร้ประสบการณ์ Dave Wilson ผู้กำกับที่มาจากสายงานเทคนิคพิเศษมากำกับด้วย ใครอยากพิสูจน์ด้วยตาตัวเอง ตามไปดูได้ใน Netflix ตอนนี้ อ่านรีวิวเรื่องนี้ของ WTF(Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 29% / 5.7/10)

BRAHMS: THE BOY II

หนังบางเรื่องนั้นคนดูอาจจะถามว่า ภาคแรกที่จบในตัวอย่างดีแล้ว จะมีภาคต่อ (ที่คุณภาพอิหยังวะมาก ๆ) ตามออกมาทำไม กับ Brahms เรื่องนี้ก็เช่นกัน หนังเป็นภาคต่อของหนังที่ได้ชื่อไทยว่า “ตุ๊กตาซ่อนผี” ที่เข้าฉายเมื่อปี 2016 ภาคแรกเล่าเรื่องราวของพี่เลี้ยงเด็กที่รับจ้างให้มาดูแลลูกชายของสามีภรรยาคู่หนึ่งในคฤหาสน์โบราณแสนสยองขวัญ ต่อมาเธอพบความจริงว่าลูกของทั้งคู่คือ ตุ๊กตาแทนตัวลูกชายชื่อ Brahms ที่ตายไปนานแล้ว จนกระทั่งเธอพบกับความสยองเมื่อตุ๊กตาบราห์มตัวนั้นขยับได้

ภาคต่อยังได้ William Brent Bell จาก The Devil Inside (2012) และ Stay Alive (2006) ที่กำกับภาคนี้ได้แตกต่างจากภาคแรกอย่างมาก โดยภาคนี้บอกเล่าเรื่องราวของอีกครอบครัวหนึ่งที่ย้ายเข้ามาอยู่ในคฤหาสน์เดียวกับภาคแรก แล้วลูกชายของครอบครัวก็ได้ไปพบตุ๊กตาบราห์มและกลายเป็นเพื่อนกัน หนังหลุดไปจากมาตรฐานของหนังสยองขวัญมาก ช่วงเวลาให้ลุ้นระทึกค่อนข้างน้อย ไม่มีฉากที่น่ากลัวถึงขั้นต้องปิดตา ไม่มีฉากเสียว ฉากเลือด มุกที่น่ากลัวที่สุดก็ซ้ำเดิมจากภาคแรกเป๊ะ อ่านรีวิวเรื่องนี้ของ WTF (Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 10% / 4.6/10)

DOLITTLE

หนังคว่ำเรื่องแรกแห่งปี 2020 ตั้งแต่เดือนมกราคม ตั้งแต่สถานการณ์โควิดยังไม่ลุกลามไปทั่วโลก ดังนั้นจึงไม่มีอะไรให้โทษนอกจากคุณภาพของตัวหนังเองล้วน ๆ ทำให้แม้แต่หนังจะนำแสดงโดย Robert Downey Jr. ที่ปีก่อนหน้าเพิ่งฮอตสุด ๆ จาก Avengers: Endgame (2019) ก็ไม่ช่วยอะไร หนังสร้างจากนิยายดังในอดีตและเคยมีเวอร์ชันหนังมาแล้วหลายครั้ง ส่วนครั้งนี้ Wall Street Journal ก็ได้เปิดเผยสาเหตุที่หนังล้มเหลวว่า มีเหตุมาจากการเข้าแทรกแซงการถ่ายทำของสตูดิโอผู้สร้างและผู้อำนวยการสร้าง

Dolittle ทุนสร้างกว่า 175 ล้านเหรียญฯ แต่ทำรายได้เปิดตัวไปแค่ 22.5 ล้านเหรียญฯ (ลำพังค่าตัวของ Downey Jr. เรื่องนี้ก็ปาไป 20 ล้านเหรียญฯ แล้ว) ประสบปัญหาถ่ายซ่อมที่ใช้เวลากว่า 9 เดือนจนต้องถูกโยกมาลงช่วงเวลาของหนังถูกโละ ค่าย Universal สั่งผู้กำกับถึง 2 คนอย่าง Chris McKay จาก The Lego Batman Movie (2017) และ Jonathan Liebesman จาก Teenage Mutant Ninja Turtles (2014) เข้ามาถ่ายซ่อมหนังเป็นเวลา 3 สัปดาห์เพื่อให้มีฉากฮาอเอาใจกลุ่มผู้ชมอายุน้อยและผู้ชมในต่างประเทศมากขึ้น จากเดิมที่หนังมีแต่โทนของความจริงจังและหดหู่จากชะตากรรมของตัวละครบางตัว ซึ่งเป็นวิสัยทัศน์ดั้งเดิมของ Stephen Gaghan ผู้ทำหนังดราม่ามาโดยตลอด อ่านรีวิวเรื่องนี้ของ WTF (Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 10% / 4.6/10)

FANTASY ISLAND

หนังรีเมกจากหนังชุดทางทีวีในยุค 80s ว่าด้วยเรื่องราวของเกาะในฝันที่สามารถเนรมิตทุกสิ่งทุกอย่างที่ใจปรารถนาและจินตนาการเอาไว้ ให้กลายเป็นความจริงเมื่อคุณย่างเท้าเข้ามาในเกาะแห่งนี้ และหลายอย่างที่ไม่สามารถทำได้ในชีวิตจริง เช่น การได้แก้แค้นคนที่เคยทำไม่ดีไว้ การได้พบคนรักที่ตายไปแล้ว และได้สวมบทเป็นตัวละครตามโลกในจินตนาการ แต่หนังเรื่องนี้ก็เฉลยว่า ไม่มีอะไรฟรีและต้องมีสิ่งต้องแลกเสมอ นี่อาจเป็นผลงานที่ล้มเหลวไม่กี่เรื่องจาก Blumhouse สตูดิโอผู้สร้างหนังสยองขวัญแห่งยุคที่อยู่เบื้องหลังหนังฮิต ๆ มากมาย

แม้ว่าหนังจะได้ผู้กำกับมีประสบการณ์ Jeff Wadlow จาก Truth or Dare (2018) และ Kick-Ass 2 (2013) และทำรายได้ทั่วโลกไป 47 ล้านเหรียญฯ จากทุนสร้าง 7 ล้านเหรียญฯ ซึ่งถือว่ากำไร แต่หากมองที่คุณภาพของหนัง ก็เต็มไปด้วยความอิหยังวะไม่ลงตัวตั้งแต่เส้นเรื่องยิบย่อยที่พาออกทะเล รวมทั้งนักแสดงขาด ๆ เกิน ๆ การคลี่คลายและให้เหตุผลก็ทำอย่างกับหนังเกรดบี รวมถึงการเฉลยปมแบบผิดที่ผิดทาง โดยสรุปแล้วการรีเมกหนังเรื่องนี้อาจไม่จำเป็นและมีแค่หนังเวอร์ชันปี 70s อาจจะดีอยู่แล้ว อ่านรีวิวเรื่องนี้ของ WTF (Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 7% / 4.9/10)

(อ่านต่อหน้าถัดไป)