สำหรับคนที่ได้มีโอกาสชม ‘Eternals’ (2021) ภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร Marvel กำกับโดยผู้กำกับหญิงรางวัลออสการ์ ‘โคลอี เจา’ (Chloé Zhao) ที่เพิ่งนำมาลงใน Disney+ ให้ได้ชมกัน (พร้อมกับเวอร์ชัน Complimentary บรรยายเบื้องหลังการถ่ายทำ และฉากที่ตัดออกไปจากหนัง) นอกจากตัวหนังจะเป็นการนำเสนอการเล่าเรื่องซูเปอร์ฮีโรของ Marvel ได้อย่างน่าสนใจและสดใหม่สมกับการเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ภายใต้ MCU เฟส 4 เป็นอย่างยิ่งแล้ว
สิ่งที่ปรากฏขึ้นใน Mid-Credits ตัวแรกของหนังเรื่องนี้ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน เมื่อได้มีการเปิดเผยตัวละครใหม่ที่มีชื่อว่า ‘อีรอส’ (Eros) ผู้เป็นน้องชายของ ‘ธานอส’ (Josh Brolin) วายร้ายหลักใน Infinity Saga ซึ่งรับบทโดยนักร้องหนุ่ม ‘แฮร์รี สไตล์ส’ Harry Styles) ซึ่งถือว่าเป็นการปรากฏตัวครั้งแรกใน MCU เลยก็ว่าได้
ซึ่งเรื่องราวของอีรอส ฮีโรเพลย์บอยแห่งอีเทอร์นัลส์ผู้นี้มีเรื่องราวมากมายจนสามารถเล่าแยกได้เป็น 10 ประเด็น และสิ่งที่น่าสนใจต่อไปก็คือ เขาจะมีบทบาทต่อ MCU และเรื่องราวของเหล่าฮีโรพลังเทพเจ้าอย่างอีเทอร์นัลส์ต่อไปอย่างไรในอนาคตบ้าง
SPOILER ALERT !!
คำเตือน : เนื้อหาในบทความนี้ มีการเปิดเผยเนื้อหาบางส่วนของภาพยนตร์ ‘Eternals’ (2021) จำเป็นอย่างยิ่งที่ควรรับชมภาพยนตร์ก่อนที่จะอ่านบทความนี้
การปรากฏตัวครั้งแรกของ ‘อีรอส’ ใน MCU


รับบทโดย ‘แฮร์รี สไตล์ส’ (Harry Styles)
End-Credits ตัวแรก หรือ Mid-Credits นั้นเป็นช่วงเวลาที่เกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์ตอนท้ายของหนังที่ ‘เซอร์ซี’ (Gemma Chan) ได้ใช้ยูนิมายด์ (Unimind) ที่เกิดจากการเชื่อมต่อพลังของเหล่าอีเทอร์นัลส์ ยุติการอุบัติของเทียมัต (Tiamut) เซเลสเชียล (Celestial) ที่กำลังจะอุบัติขึ้นบนโลกด้วยการเปลี่ยนให้กลายเป็นหินได้สำเร็จ
เซอร์ซีได้กลับมาเจอกับคนรัก ‘เดน วิธแมน’ (Kit Harington) อีกครั้ง แต่เธอ ‘ฟาสโตส’ (Brian Tyree Henry) และ ‘คิงโก’ (Kumail Nanjiani) เหล่าอีเทอร์นัลส์อีกสองคนที่ตัดสินใจอาศัยอยู่ต่อบนโลก ถูก ‘อริเชม’ (Arishem) เรียกตัวไป โทษฐานที่สละชีวิตของเซเลสเชียล อริเชมกล่าวว่าจะยังไม่ทำลายล้างโลก แต่จะตรวจสอบความทรงจำของพวกเขาที่เก็บไว้อีกครั้งเพื่อรอวันพิพากษา ส่วนทั้งสามคนก็ดูเหมือนจะหายไปจากโลกอย่างไร้ร่องรอย


ส่วนใน Mid-Credits ‘ธีนา’ (Angelina Jolie), ‘มักคารี’ (Lauren Ridloff) และ ‘ดรูอิก’ (Barry Keoghan) อีเทอร์นัลส์ที่กำลังท่องอวกาศอยู่บนยานโดโม (Domo) เพื่อเดินทางไปส่งสารให้กับเหล่าอีเทอร์นัลส์คนอื่น ๆ ได้ทราบเกี่ยวกับเจตนาที่แท้จริงของของอริเชม ได้พบกับตัวละคร 2 ตัวที่เทเลพอร์ตขึ้นมาบนโดโม นั่นก็คือ ‘ปิป เดอะ โทรลล์’ (Pip the Troll – ให้เสียงพากษ์โดย Patton Oswalt) เอเลี่ยนภูติร่างแคระที่โผล่มาบนยานด้วยเทเลพอร์ต (ตอนกำลังเมา ๆ )
และ ‘อีรอส’ (Eros) ที่ปิป เดอะ โทรลล์ได้แนะนำสรรเสริญเยินยอว่าเป็น “ราชโอรสแห่งไททัน น้องชายของธานอส ชายผู้สยบแบล็ก โรเจอร์ (Black Roger) สตาร์ฟอกซ์ (Starfox) แห่งดาวเคราะห์ปริศนา…” ที่รับบทโดย ‘แฮร์รี สไตล์ส’ (Harry Styles) อดีตนักร้องแห่งวง ‘วันไดเร็กชัน’ (One Direction)


อีรอสได้กล่าวทักทายอีเทอร์นัลทั้งสาม พร้อมกับโชว์ ‘ลูกแก้ว’ ขุมพลังของอีเทอร์นัลส์ (ซึ่งตามคอมิกระบุว่า อีรอสก็เป็นหนึ่งในอีเทอร์นัลส์ด้วยเหมือนกัน ลูกแก้วนั้นจึงอาจเป็นลูกแก้วประจำตัวของเขาเอง) พร้อมทั้งกล่าวว่า เหล่าอีเทอร์นัลส์ที่เหลือกำลังตกอยู่ในความลำบาก และตนเองก็ทราบด้วยว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน (ซึ่งถ้าเขารู้ว่าอริเชมอยู่ไหน ก็อาจแปลว่าอีรอสอาจเป็น ‘ไพรม์ อีเทอร์นัลส์’ (Prime Eternals) แบบเดียวกับที่ ‘อาแจ็กซ์’ (Salma Hayek) เป็นหรือไม่ เพราะมีแต่ไพรม์ อีเทอร์นัลส์เท่านั้นที่จะสื่อสารโดยตรงกับอริเชมได้)
เขาได้ออกปากว่าจะอาสาเข้ามาช่วยเหลือเหล่าอีเทอร์นัลส์ในการแก้ปัญหาที่ยังค้างคาในภาคต่อ หรือไม่ก็อาจจะไปปรากฏในภาพยนตร์ MCU เรื่องอื่น ๆ ด้วยก็อาจจะเป็นไปได้
จุดกำเนิดฮีโรเพลย์บอย


‘อีรอส’ หรืออีกชื่อหนึ่งคือ ‘สตาร์ฟอกซ์’ (Starfox) ปรากฏตัวครั้งแรกในคอมิกส์ ‘The Invincible Iron Man’ ฉบับที่ 55 (วางแผงเดือนกุมภาพันธ์ 1973) เรื่องโดย ‘ไมค์ ฟรีดริช’ (Mike Friedrich) วาดภาพประกอบโดย ‘จิม สตาร์ลิน’ (Jim Starlin) ซึ่งเป็นเล่มเดียวกันกับที่ตัวละคร ‘ธานอส’ ปรากฏขึ้นครั้งแรกด้วยเช่นกัน
อีรอสเป็นบุตรคนที่ 2 ของ ‘เอลาส’ (A’lars หรือ ‘เมนเตอร์’ (Mentor)) และ ‘ซุย-ซาน’ (Sui-San) ซึ่งเป็นอีเทอร์นอลส์ที่ตั้งรกรากอยู่บนดาวไททัน และเป็นญาติของเหล่าอีเทอร์นอลส์ที่อาศัยอยู่บนโลก


ฉบับที่ 55 (วางแผงเดือนกุมภาพันธ์ 1973)


พ่อและแม่ผู้ให้กำเนิดธานอสและอีรอส
ทันหลังสงคราม Civil War ของเหล่าอีเทอร์นอลส์บนโลก เอลาสและซุย-ซานกลับไปยังดาวไททัน
เพื่อสร้างให้ดาวไททันกลายเป็นรกรากที่อุดมสมบูรณ์และปราศจากสงคราม ในระหว่างนั้นทั้งคู่ตกหลุมรักกันจนเกิดความต้องการมีทายาทเพื่อสร้างครอบครัว ซึ่งโดยปกติแล้ว อีเทอร์นอลส์เลือดแท้ที่สร้างขึ้นโดยเซเลสเชียลนั้นจะไม่สามารถให้กำเนิดทายาทได้ แต่โครนอส (Cronos) บิดาของเอลาสได้มอบแหวนควอนตัมแบนด์ส (Quantum Bands) ให้ทั้งคู่ เพื่อใช้สำหรับให้กำเนิดทายาท


ในที่สุด ทั้งคู่ก็ให้กำเนิดบุตรชายฝาแฝด นั่นก็คือ ‘ธานอส’ (Thanos) และ ‘อีรอน’ (Eron) ชื่อเดิมของอีรอส ทั้งคู่พบว่า คู่แฝดที่กำเนิดออกมามีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะธานอสที่มีลักษณะผิดธรรมชาติ เพราะมีพันธุกรรมแฝงของเหล่าดีเวียนส์ (Deviant) ปะปนอยู่ในดีเอ็นเอ ทำให้ธานอสน้อยดูน่ากลัวตั้งแต่แรกกำเนิด รวมทั้งซุย-ซานยังสังเกตเห็นความตายซ่อนอยู่ในดวงตาของธานอสอีกด้วย
พี่น้องธานอสและอีรอน เติบโตและดำรงวิธีชีวิตที่แตกต่างกันอย่างสุดขั้ว ธานอสกลายมาเป็นคนฉลาดแต่เก็บเนื้อเก็บตัว เป็นจอมวางแผน กระหายอำนาจ และโอบกอดความตายในความรู้สึกนึกคิดอยู่ตลอดเวลา ตามรากศัพท์ ‘Thanos’ ที่มาจากภาษากรีก ‘Thanatos’ ที่แปลว่า ‘ความตาย’


ส่วนอีรอนที่เปลี่ยนชื่อตัวเองเป็นอีรอส ตามชื่อเทพเจ้าแห่งความรัก (กามเทพ) ของตำนานกรีก ถูกเลี้ยงท่ามกลางความรัก ทำให้เขาเติบโตและดำรงชีวิตแบบหนุ่มเจ้าสำราญ มีเสน่ห์ รักสนุก ชอบการผจญภัยและความบันเทิง เจ้าชู้ ถวิลหาความรักและความใคร่ในสตรี ไร้เป้าหมายและความกังวลใด ๆ ในชีวิต แต่เมื่อธานอสตัดสินใจโจมตีดาวไททันบ้านเกิด และใช้พลังจากเทสเซอร์แรกต์ (Tesseract) เพื่อหวังยึดครองจักรวาล จนเป็นเหตุทำให้แม่ของเขาอย่างซุย-ซานเสียชีวิต อีรอสจึงตั้งใจและมีเป้าหมายชีวิตว่าอยากจะกำจัดธานอสให้ได้


แต่แม้ว่าอีรอสและธานอสจะตั้งตนเป็นศัตรูกันไปแล้ว แต่ทั้งคู่ก็ยังไม่ลืมว่าเป็นพี่น้องกัน เพราะพวกเขาจะนัดเจอกันปีละครั้งเพื่อแลกของขวัญให้แก่กันฉันพี่น้อง
เข้าร่วมทีม Avengers




‘มาร์-เวลล์’ (Mar-vell) กัปตันมาร์เวลคนแรกที่กำลังจะตายด้วยโรค Blackend (คล้ายกับโรคมะเร็งของมนุษย์) ใช้ชีวิตสุดท้ายบนดาวไททัน ได้ฝากฝัง ‘เอลิเซียส’ (Elysius) ภรรยาของมาร์-เวลล์ไว้กับอีรอส เขาจึงใช้ชีวิตอยู่บนดาวไททันกับเอลิเซียสโดยที่ไม่ได้ออกไปเที่ยวเตร่ที่ไหนอย่างเคย เอลิเซียสที่เห็นอีรอสรู้สึกห่อเหี่ยวจึงอนุญาตให้เขาออกไปท่องเที่ยวได้ตามใจชอบ เขาจึงตัดสินใจไปเที่ยวโลก และได้เข้าร่วมทีม Avengers แบบกะทันหันปุบปับเพราะดันไปตกหลุมรัก ‘โมนิกา แรมโบ’ (Monica Rambeau) หรือ Captain Marvel คนที่ 2 ซะงั้น


การเข้ามาแบบกะทันหันของอีรอสทำให้เกิดการถกเถียงในทีมอเวนเจอร์สอย่างหนัก แต่สุดท้ายเขาก็ได้กลายมาเป็นสมาชิก และได้รับฉายาฮีโรจากวอร์ป (Wasp) ว่า ‘สตาร์ฟอกซ์’ (Starfox) เนื่องจากคำว่า Eros นั้นดูไม่ค่อยเหมาะสมกับการเป็นซูเปอร์ฮีโร ส่วนที่มาของชื่อสตาร์ฟอกซ์ เกิดจากการมองเห็นว่าอีรอสนั้นชอบท่องเที่ยวไปยังดวงดาวต่าง ๆ (Star) ทั่วจักรวาล และมีนิสัยเจ้าเล่ห์เหมือนหมาป่า (fox) ด้วย โดยสตาร์ฟอกซ์ได้ออกไปปราบเหล่าร้ายอยู่หลาย ๆ ครั้งในฐานะเด็กฝึกของทีมอเวนเจอร์ส


จริง ๆ แล้วอีรอสนั้นถือว่ายังเป็นเพียงแค่บทบาทเล็ก ๆ ในคอมิกเท่านั้น เพราะแม้ว่าจะมีบทบาทในการร่วมกำจัดธานอส แต่สุดท้ายก็กำจัดได้แต่เพียงลูกสมุนของธานอส ก่อนที่ธานอสจะจับไปคุมขัง จนกระทั่งนำไปสู่ความพ่ายแพ้ครั้งแรกของธานอสได้ในที่สุด แถมยังเคยแอบมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับ ‘ชี-ฮัลก์’ (She-Hulk) อีกต่างหาก


พลังเพลย์บอยระดับอีเทอร์นอลส์
แม้อีรอสเองจะมีความแข็งแกร่งน้อยกว่าเมื่อเทียบกับพี่ชายอย่างธานอส แต่เนื่องจากอีรอสเองสืบเชื้อสายมาจากอีเทอร์นอลส์ เขาเองจึงเป็นอีเทอร์นอลส์ที่มีพลังมากกว่าค่าเฉลี่ยของอีเทอร์นอลส์บนดาวไททันเป็นส่วนใหญ่ มีอายุยืนยาว มีความแข็งแกร่งในระดับสูง มีความฉลาด พูดภาษาต่างดาวได้ 500 ภาษา มีพลังในการเปลี่ยนแปลง เคลื่อนย้ายสสาร เหาะเหินเดินอากาศได้อย่างรวดเร็ว ฟื้นฟูตนเองได้ ใช้เทเลพอร์ตเพื่อเดินทางได้ (เหมือนที่ปรากฏใน Mid-Credits ของ ‘Eternals’)


แต่พลังพิเศษของอีรอสที่โดดเด่นที่สุดคือ การใช้พลังควบคุมอารมณ์และโน้มน้าวความรู้สึกของเป้าหมายให้รู้สึกมีความสุข อ่อนไหว เกิดความรู้สึกรัก รวมทั้งยังโน้มน้าวให้คนสองคนรักกันก็ได้ด้วย (แต่จะไม่ได้ผลกับสิ่งมีชีวิตที่มีจิตแข็งแกร่งมาก ๆ อย่างเช่นธานอส หรือเดอะ ฮัลก์ (The Hulk) เป็นต้น)


ซึ่งก็เป็นไปตามอุปนิสัยของอีรอสเองที่ไม่ชอบเอาชนะด้วยกำลัง แต่มักเอาชนะด้วยสันติวิธี มีความเป็นเพลย์บอย รักความสงบสุข โรแมนติก ใฝ่หาความสันติ และหลีกเลี่ยงการก่อสงคราม ยกตัวอย่างเช่น เขาเคยช่วยโจรที่จับตัวประกันไว้ด้วยการโน้มน้าวให้โจรกลับใจและกลายเป็นเพื่อนกันและยอมมอบตัวกับตำรวจแต่โดยดี


แต่แม้ว่าเขาจะเป็นฮีโร แต่ในบางครั้งการใช้พลังของเขาก็มักมีจุดประสงค์เพื่อหวังจะได้แอ้มสาวไปเรื่อย ในคอมิกจึงมักมีฉากอีโรติกของสตาร์ฟอกซ์ที่ได้แอ้มสาว ๆ ในระหว่างที่เขาผจญภัยไปทั่วจักรวาล ไม่ต่างอะไรกับการแอ้มสาวของสายลับเจมส์ บอนด์อย่างไรอย่างนั้น
เสน่ห์แรงจนกลายเป็นคดีความ


แต่แล้วพลังของเขาก็หาทำให้เดือดร้อนจนกลายเป็นคดีความบนโลก เมื่อเขาได้ไปหลับนอนกับหญิงสาวที่ชื่อว่า ‘คริสตินา การ์วีย์’ (Christina Garvey) และซ้ำร้ายคือ คริสตินาเองก็มีสามีและมีลูก 3 คนอยู่แล้วด้วย เธอจึงฟ้องสตาร์ฟอกซ์แห่ง Avengers ในข้อหาข่มขืนต่อชั้นศาล และใช้คณะลูกขุนเพื่อตัดสินคดี ส่วนฝั่งอีรอสเองก็ขอให้ ‘ชี-ฮัลก์’ (She-Hulk) ที่เคยมีสัมพันธ์ด้วยตอนอยู่ทีม Avengers มาว่าความให้ในฐานะทนายความฝ่ายจำเลย ซึ่งอีรอสเองก็ได้ให้การกับศาลว่า เขาเองไม่รู้ด้วยซ้ำว่าได้ใช้พลังแห่งความรักไปกับเธอหรือเปล่า


แต่แล้วคณะลูกขุนหญิงไม่ว่าจะกี่คนต่อกี่คน ก็ล้วนโดนเสน่ห์ของอีรอสหว่านใส่จนเสียรูปคดี เลยต้องยกเลิกการว่าความลง และเปลี่ยนให้ไปว่าความทางไกลแทน She-Hulk จึงเริ่มฉุกคิดได้ว่า เธอนั้นอาจเคยโดนอีรอสหว่านเสน่ห์ใส่ด้วยหรือไม่ หลังจากที่อีรอสตัดการเชื่อมต่อไป เธอจึงตามไปลงมือถล่มอีรอสจนน่วมและจับตัวอีรอสได้ ก่อนที่เอลาสจะเทเลพอร์ตลูกชายให้กลับไปพิจารณาคดีต่อที่ดาวไททันอันเป็นดาวบ้านเกิด โดยที่ไม่มีบทสรุปว่าเขาได้กระทำผิดจริงหรือไม่


(อ่านต่อ อีก 5 เกร็ดตำนานอีรอส คลิกที่นี่ หรือที่หน้า 2 เลย)