เปิดตัวเป็นหนังไทยประจำวันวาเลนไทน์นี้ กับ รักของเรา The Moment ที่เห็นตัวอย่างในโรงก็น่าสนใจดี ทั้งเรื่องราวความรัก 3 รส 3 อารมณ์จาก 3 มหานครใหญ่ทั้ง นิวยอร์ก ลอนดอน และกรุงโซล ก็เป็นสถานที่ยอดฮิตสำหรับบ้านเราที่ยากจะมีใครไม่รู้จักล่ะนะ งานนี้ค่าย ทาเลนต์ วัน มูฟวี สตูดิโอ บริษัทในเครือ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ (ก็ถึงว่าทำไมเห็นโฆษณาในโรงบ่อยจัง 555) ที่มักมีโปรเจ็กต์หนังไอเดียสูงอย่าง Last Summer ฤดูร้อนนั้นฉันตาย (2556) หรือ The Couple รัก ลวง หลอน (2557) ที่แม้ว่าจะไม่ค่อยดังมากนัก แต่ก็เป็นค่ายที่สร้างความแปลกใหม่ กล้าคิดกล้าทำให้วงการหนังได้เยี่ยมค่ายหนึ่งเลย คราวนี้ก็ลองเปลี่ยนทางจากสยองขวัญที่ถนัดมาลองงานหวานรักโรแมนซ์แทน

จุ๊ก ลัดดาวัลย์ รัตนดิลกชัย

ซึ่งรอบนี้คงเป็นเดิมพันที่สูงเพราะ จุ๊ก-ลัดดาวัลย์ รัตนดิลกชัย ผู้บริหารบริษัทลงมากำกับเองร่วมกับ ปี๊ด-ปัญจพงศ์ คงคาน้อย ที่เคยกำกับหนังอย่าง ชัมบาลา และ The Rooms ห้อง/หลอก/หลอน (อืม ผลงานเก่าพี่แกน่าหวั่นใจมาก) มากำกับหนังที่หฤโหดเรื่องหนึ่งในการถ่ายทำ เพราะได้ยินคร่าวๆว่าการยกกองไปถ่าย 3 ประเทศนี่หนักหนาไม่ใช่เล่น ทั้งการประสานงานขอถ่ายทำ อย่างที่อังกฤษนี่ต้องขออนุญาตล่อไป 21 ที่ แถมด้วยการทำงานกับทีมงานผสมไทยเทศฟูลทีมก็คงมันมิใช่น้อย

หนังได้ดาราคับคั่งจัดเต็ม สมกับที่ผู้กำกับอย่าง จุ๊ก ลัดดาวัลย์ เคยเป็นผู้บริหารจากค่ายจีเอ็มเอ็ม มีเดีย และสำนักพิมพ์ในเครืออิมเมจชื่อดังอย่าง Bliss Publishing มาก่อน จึงสามารถดึงดาราฮอตอย่าง เต้ย จรินทร์พร จุนเกียรติ, โทนี่ รากแก่น, เก้า สุภัสสรา ธนชาติ, พีช พชร จิราธิวัฒน์, กันต์ กันตถาวร และนักแสดงเกาหลี แทโอ ยู มารวมตัวในหนังเรื่องเดียวกันแบบนี้ได้น่ะนะ

หนังเล่าถึงความรักสามรูปแบบ ที่เรียงร้อยเชื่อมโยงกันผ่านตัวละคร แพรว (เต้ย) เมื่อต้องเดินทางไปเรียนต่อที่ลอนดอน ทำให้ได้พบกับ จิม (โทนี่) แฟนเก่าที่เธอเคยทิ้งไปเมื่อนานมาแล้ว และดูเหมือนจิมจะยังคงรักเธอมากเหมือนดังเก่าจนไม่สนใจใดว่าตอนนี้แพรวจะคบใครอยู่หรือไม่

อีกด้านหนึ่ง กานต์ (กันต์) แฟนใหม่ของแพรวซึ่งขณะนี้ก็เดินทางไปทำงานด้านการตลาดกับบริษัทในเกาหลี ก็กำลังเรียนรู้ความรู้สึกหรืออาจจะรสนิยมที่แท้จริงของตนเองเมื่อได้ทำงานใกล้ชิดกับ คิม (แทโอ) ที่เป็นหัวหน้า จนเริ่มเกิดความรู้สึกดีๆแปลกๆ (คู่นี้มีฉากสาววายกรี๊ดละลายแน่ เหอะๆๆ)

สุดท้าย ต้น (พีช) น้องชายของแพรวที่เดินทางไปหา นา แฟนสาวที่อยู่ๆเกิดติดต่อไม่ได้ขึ้นมา แต่แทนที่จะได้เจอแฟน กลับได้เจอหญิงสาวปริศนาเพื่อนของนา ที่ชื่อ เจี๊ยบ (เก้า) พร้อมๆกับความจริงที่ยากจะเชื่อว่า นา ไปมีแฟนใหม่ที่ชื่อ สิงห์ แล้วโดยที่เขาไม่รู้

พูดในทางที่ดี คือหนังทำให้เราย้อนกลับไปรู้สึกเหมือนได้ดูหนังรักตอนที่เราเด็กๆ ที่ไม่เน้นความซับซ้อน การเดินเรื่องบทสนทนาแบบคุ้นเคย ไม่มีการหยอดมุกหรือใส่ตัวละครเพื่อนที่มาปล่อยฮาเน้นตลก ขัดอารมณ์ละมุนอย่างที่หนังยุคหลังต้องกระทำกัน เป็นหนังที่คนยุค 90 ที่เคยดูหนังรักไทยๆที่ซื่อๆตรงๆ รักเพียวๆเรื่องรักกันอย่างเดียว จะคิดถึงเลยล่ะครับ


แต่สำหรับคนรุ่นใหม่ที่ชินหนังรักขนบใหม่ๆแล้วนั้น หนังคงทำงานได้ไม่เต็มศักยภาพนัก ทั้งความบันเทิงที่น้อยเหลือเกิน ถ้าไม่ได้ชื่นชอบดาราคนไหนอยู่ก่อนคงไม่ติดตามเรื่องราวได้สะดวกนัก ทั้งการตัดต่อเล่าเรื่องที่เน้นมาทางเรียบง่าย แต่ในตอนของต้นกับเจี๊ยบก็ดันมีจังหวะงงๆเพราะพยายามสร้างความซับซ้อนแบบที่คนดูนึกขัดใจ เช่นเดียวกับตอนของแพรวกับจิมที่ขาดการขยายความที่มากพอให้รู้สึกว่าแพรวที่หนีหน้าและทิ้งจิม ทำไมวันนี้ถึงจะกลับมารักจิมได้ ตอนที่ดูเชิดหน้าชูตาอย่างไม่ตั้งใจคงเป็นตอนของกานต์กับคิม แต่ก็น่าจะโดนใจแฟนคลับสายวายสายจิ้นมากกว่านั่นล่ะครับ

ต้องบอกว่าหนังมีต้นทุนที่ดีแต่ขาดหมัดฮุคหรือหมัดไม้ตายอย่างที่หนังรักสากลเขามีกันครับ ช่วงร้าวรานของเรื่องนี้มันไม่สุด และช่วงเฉลยขยี้ก็ยังไม่มีอะไรตรึงใจ ยิ่งที่ว่าจะเป็นชั่วขณะหนึ่งของความรู้สึกหนังก็ยังไม่บรรลุไปได้ถึงขั้นหนังหว่องกาไวครับ

หนังกล้าทดลองเนื้อหาที่ท้าทายความคิดและสังคมวัฒนธรรมบ้านเรามาก ทั้งเรื่องการชอบคนที่เขามีเจ้าของอยู่แล้ว ทั้งแบบที่ยอมเลิกกับแฟนไปคบคนนั้น หรือยังคบกับแฟนแต่ก็เหมือนจะคบซ้อนกับคนนั้นด้วย รวมถึงการเปิดเผยว่าตนเองชอบเพศเดียวกันมากกว่าแฟนที่คบกันอยู่ นี่คงเป็นเหตุผลเดียวจริงๆ ที่พอจะเข้าใจได้ว่าทำไมหนังต้องไปถ่ายต่างประเทศทั้งๆที่ไม่ได้จำเป็นกับเนื้อเรื่องนัก ทั้งนี้ก็เพื่อสร้างบรรยากาศการขบถต่อวัฒนธรรมไทยโดยที่สังคมและผู้คนในหนังจะไม่ตัดสินตัวละครแบบสายตาไทยๆ

สรุป

ยังไม่ใช่หนังรักที่ขึ้นแท่นยึดหัวหาดของวาเลนไทน์ประจำปีนี้ครับ อารมณ์เหมือนดูวิดีโอประกอบดนตรีหรือเอ็มวีเสียเยอะ เพราะดนตรีกับเพลงทั้ง ฝืน ที่เอาเพลงของพี่เล็ก กรีซี่คาเฟ่มาคัฟเวอร์ใหม่ และ Only Reason ของวง My life as Ali Thomas นั้นเด่นกว่าตัวหนังเสียอีกครับ หนังยังพยายามใส่กิมมิคของแต่ละตอนที่ต่างกันอย่างแผ่นเสียงของจิม เหล้าโชจูของคิม และหูฟังของเจี๊ยบ แต่ก็ไม่ได้เกิดประโยชน์อะไรนอกจากมีไว้เก๋ๆเสียมากกว่า ชื่อหนังอธิบายตัวหนังเองไว้อย่างสมบูรณ์แบบ คือหนังเล่าชั่วขณะนั้นจริงๆ ที่มาที่ไปก่อนหน้าเหตุผลก่อนหน้าก็ไม่ต้องบอกเล่าปูพื้นก็ได้ ฉากก่อนๆจะเป็นไงเล่าอะไรไปบ้างแล้วก็ไม่สำคัญ เพราะฉากนี้ชั่วขณะนี้หนังจะเล่าแบบนี้

แต่ถ้าใครเป็นแฟนดาราท่านไหนก็แนะนำให้ไปชมกันเพราะก็ยังฉายเสน่ห์กันแบบออร่าพร่างพรายอยู่ ยิ่งถ้าชอบหนังรักแบบเนื้อหาแหวกๆหน่อยเรื่องนี้ก็น่าสนใจดีครับ

Play video

Play video

Play video