2 เหตุผลที่ผมอยากดูหนังเรื่องนี้ เหตุผลแรก เป็นหนังที่มีกระแสแรงมาก ตั้งแต่เริ่มต้นประกาศสร้างมีข่าวออกมาไม่หยุดหย่อน ทั้งเรื่องการหาตัวแสดง ผู้กำกับ เหตุเพราะว่าหนังถูกสร้างจากนิยายโคตรขายดี ที่ค่ายหนังต่างแย่งกันซื้อลิขสิทธิ์มาสร้าง
เพราะมั่นใจว่าจะต้องทำกำไรมหาศาล แฟนหนังสือจะต้องแห่ตามมาดูหนังเป็นแน่แท้ ขนาดเว็บไซต์บันเทิงรายใหญ่อย่าง IMDB คาดการณ์ไว้ว่าหนังจะต้องทำรายได้ทะลุหลัก 500 ล้านเหรียญ

อีกเหตุผลหนึ่งคือฮอลลีวู้ด ห่างหายจากหนังอีโรติคกระแสงแรงแบบนี้มากว่า20ปีแล้ว ยุคปลาย 80s เป็นยุคทองของหนังอีโรติคเลยก็ว่าได้ ผู้ที่ครองวงการคือ ซัลแมน คิง ผู้อำนวยการสร้างและผู้กำกับที่มีหนังจดจำในเครดิตหลายเรื่องอย่าง 9 and 1/2weeks (1986), two moon junction (1988) และ wild orchid (1989) กระแสหนังอีโรติคในฮอลลีวู้ดมาซบเซาในช่วงกลางยุค 90s หลังจาก basic instinct (1992) พากระแสหนังอีโรติคไปซะสูง ทำให้มีหนังอีโรติคถูกสร้างตามมาอีกหลายเรื่อง jade (1992),the lover(1992), body of evidence(1993), sliver(1993), color of the night(1994) ซึ่งแต่ละเรื่องกระแสก็ค่อนข้างแรงเหมือนอย่าง fifty shades เนี่ยละ แต่พอเข้าฉายรายได้กลับไม่ฉิวอย่างที่คิด ก็เลยเลิกสร้างกันไป

เรื่องย่อที่ได้รับรู้ก่อนไปดู คือคริสเตียน เกรย์ มหาเศรษฐีเจ้าเสน่ห์ มีรสนิยมเซ็กส์ซาดิสม์หลอกล่อให้แอนนาตาเซียบัณฑิตสาวสวยมาเซ็นสัญญาทาสผูกมัดเป็นทาสกามารมณ์รองรับรสนิยมทางเพศของเขา แต่เอาเข้าจริงกลับไม่เหมือนเรื่องย่อนะ แอนนาตาเซีย ไปสัมภาษณ์ เกรย์ นักธุรกิจหนุ่มที่ประสบความสำเร็จเป็นวิทยานิพนธ์ก่อนจบการศึกษา ทั้งคู่หลงเสน่ห์กัน เกรย์ ตามจีบ แอนนาตาเซีย หลงรัก แล้วเกรย์ก็เปิดเผยรสนิยมทางเพศของเขาและเสนอให้แอนนาตาเซีย เซ็นสัญญา ยินยอมเป็นทาสเซ็กส์ซาดิสม์ของเขาโดยไม่ได้บีบบังคับ เกรย์ ขอเป็นเจ้าชีวิตแต่ไม่ขอผูกมัด เรื่องต่อจากนั้นก็คือการดึงเกมกัน ต่างฝ่ายต่างมีลูกล่อลูกชน เกรย์ก็เอาทรัพยส์สินเงินทองเข้าล่อ มีเซอร์ไพรส์มาเล่นด้วยเรื่อยๆ เพื่อหวังจะให้เธอยอมเซ็นสัญญา ส่วนแอนนาตาเซีย พอรู้ว่าเกรย์ เริ่มหลงเสน่ห์อยากเล่นเซ็กส์ซาดิสม์กับเธอ ก็หาทางข้ามข้อผูกมัดในฐานะทาสกามารมณ์อีกแค่คนหนึ่งด้วยการอยากเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ อยากเป็นคนรักที่มีตัวตน เป็นเรื่องเดียวที่ให้คอยติดตามว่าท้ายที่สุด แอนนาตาเซีย จะยอมเซ็นรึไม่

หนังแอ็คชั่นที่ประทับใจจะต้องมีฉากบู๊แปลกใหม่ ต่อสู้กันมันส์ ถล่มทลาย มีฉากให้ลุ้นเอาใจช่วย ,หนังผี ต้องได้ลุ้น ผีออกมาต้องน่ากลัว ได้สะดุ้งโหยง,หนังดราม่าต้องดูแล้วได้เสียน้ำตา หนังอีโรติคนี่ไม่ใช่หนังเอ็กซ์ ไม่ต้องถึงกับดูไปแล้วสำเร็จความใคร่ไปด้วยได้ขนาดนั้น แต่ฉากเลิฟซีนต้องปูทางพาอารมณ์ร่วมมาได้ด้วย หนังรักอาจจะจบแค่สมหวังพระเอกนางเอกจูบปากกอดก่าย แต่หนังอีโรติคนี่ต้องพากันไปขึ้นเตียงโรมรันเปลี่ยนสัก 3-4 ท่าพาฟิน แต่นี่ไม่ ทั้งเรื่องมีฉากเซ็กส์ 4 ฉาก สั้นสุด 1 นาที ยาวสุด 3 นาทีได้มั้ง แล้วที่คาดหวังว่าจะได้เห็น โซ่ เฆี่ยน เทียน แส้ ที่เกรย์ จะใช้กับแอนนาตาเซีย ฟาดแล้วโซ้ย ฟาดแล้วโซ๊ย ไม่มีนะครับ นั่นก็กลับไปที่คำถาม นี่มันหนังอะไร หนังจะมีอะไรให้คนดูเอาไปแนะนำปากต่อปากเชียร์ให้เพื่อนมาดู ถือได้ว่าเป็นหนังอีกเรื่องที่ไม่ควรถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ วิเคราะห์ในฐานะคนที่ไม่ได้อ่านหนังสือมาก่อน ไคลแมกซ์ของเรื่องน่าจะอยู่ในจินตภาพที่เกิดขึ้นในขณะอ่าน เป็นจินตนาการที่ไม่มีข้อจำกัด แต่พอมาสร้างเป็นหนังมีเงื่อนไขของทุนสร้างและค่าการตลาดเข้ามา สตูดิโอต้องการผลกำไรและหั่นฉากรุนแรงทิ้งเสียเพื่อให้หนังได้เรท R แทน NC17 เพราะจะได้กลุ่มคนดูได้มากขึ้น แล้วมันก็ส่งผลกับความผิดหวังของผู้ชมที่คิดว่าจะได้เห็นความรุนแรงตามที่บรรยายไว้ในหนังสือ มันก็เลยไม่เหลืออะไรให้กล่าวถึง ทั้งเรื่องที่ราบเรียบ กับฉากเซ็กส์ที่ไปไม่ถึงจุดที่น่าพอใจ

628x471
ส่วนหนึ่งที่ประทับใจคือ ภาพลักษณ์ของ ดาโกต้า จอห์นสัน ที่สวยได้จริงแบบธรรมชาติ แม้กระทั่งตอนไม่แต่งหน้า กล้องก็ขับเน้นเธอได้เป็นผลสำเร็จนะ ซีนโคลสอัพหลายครั้งดูเข้าตา ตาสีเขียว-ฟ้า ดูมีเสน่ห์จริงผมชอบซีนที่ เกรย์จับเธอผูกผมเปียในห้องเกมดูเซ็กซี่มาก ที่ผิดคาดคือ ดาโกต้า “นมห้อย” ส่วนบทบาทการแสดงของเธอถือว่าสอบผ่านนะ ไม่มีฉากไหนให้ดูตะขิดตะขวงใจ ผิดกับเจมมี่ ดอร์แนน ที่ภาพลักษณ์ดูเหมาะสมนะ เป็นคนที่รูปร่างดีมากสมแล้วที่เป็นนายแบบก่อนมาเล่นหนัง ใส่สูทได้ดูสมาร์ทเข้ากับบทนักธุรกิจใหญ่ แต่เจมมี่ ไม่สามารถขับเน้นเสน่ห์นายแบบเอามาใช้ในอาชีพนักแสดงได้ ดูแล้วนึกถึง บอม ธนิน เลย ไม่เห็นการแสดงอารมณ์ผ่านสีหน้าสายตาจาก เจมมี่ ได้เลย ถ้าหนังแป้กแค่ภาคแรก เจมมี่ ก็น่าจะจบอยู่เรื่องนี้ละ

จะว่าไป fifty shades of grey มีองค์ประกอบหลายๆอย่างที่หนังอีโรติคควรจะมีค่อนข้างครบ พระเอก-นางเอก หล่อ สวย หุ่นดี หนังถ่ายภาพออกมาสวย จัดแสงกันอย่างพิถีพิถัน เพลงประกอบเพราะ แต่สิ่งที่ขาดไปคืออารมณ์ร่วมจากหนัง fifty shadesเป็นหนังที่ไม่มีไคลแมกซ์ หนังเดินเรื่องไปเรื่อยๆ เป็นหนังอีโรติคที่สร้างจากนิยายที่บรรยายฉากซั่มกันไว้อย่างรุนแรง นั่นคือสิ่งที่คนดูคาดหวัง แต่แล้ว เกรย์ กับ แอนนาตาเซีย ก็ซั่มกันเสียตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงแรกแล้ว นางเอกถอดหมดเห็นหัวจรดตีน จะเหลืออะไรให้คาดหวังอยากเห็นอีกละ อีกชั่วโมงครึ่งที่เหลือก็ดำเนินไปอย่างราบเรียบ ไม่ได้มีวิกฤต ปัญหา หรือปริศนาให้ตามลุ้นคลี่คลาย จนช่วงท้ายนี่เริ่มรู้สึกอึดอัด นั่งขยับตัวไปมา มันจะดำเนินไปถึงจุดไหนเมื่อไหร่ว้า รำพึงไปได้ไม่นาน ตัวหนังสือ เอนด์เครดิตก็เลื่อนขึ้นมาดื้อๆ ถึงกับอุทานในใจ “นี่กูมาดูหนังอะไรเนี่ย?”

Play video

ฉากจาก pretty woman ที่พูดถึงในรีวิว

ด้วยพล็อตที่ว่า พระเอกเป็นมหาเศรษฐี ส่วนนางเอกเป็นหญิงธรรมดา ก็อดที่จะหวนนึกถึง pretty woman ที่มีโครงเรื่องละม้ายกันอยู่ ต่างกันที่ว่าpretty woman เป็นหนังโรแมนติค-คอมมีดี้ แต่หนังก็มีฉากเลิฟซีนที่ประทับใจคนดูจนทุกวันนี้ ถึงแม้เป็นฉากที่ไม่เห็นนมเห็นก้นของจูเลีย โรเบิร์ต เลยสักนิด ทั้งที่นางเอกก็เป็นโสเภณีด้วยซ้ำ แต่ถูกปฎิบัติอย่างให้เกียรติ พอมีฉากเลิฟซีนก็เลยได้อารมณ์ร่วมจากคนดูกลายเป็น ฉากที่ถูกจดจำฉากหนึ่งอีกฉากที่อยากพูดถึง คือฉากน้ำแข็ง คนไทยฮือฮากับฉากไอ้จันถูน้ำแข็ง แต่ฮอลลีวู้ดนี่เล่นถูน้ำแข็งกันมาตั้งแต่ยุค 80s แล้ว และฉากถูน้ำแข็งที่โคตรคลาสสิคคือฉากจาก 9 and 1/2 weeks หนังอีโรติคที่ส่งให้ คิม บาซิงเจอร์ โคตรดังในยุคนั้น แล้วมาได้เห็นฉากเล่นน้ำแข็งอีกครั้งใน fifty shadesแต่ห่างชั้นกันเยอะ ก็ยังอดคิดไม่ได้ว่านี่จงใจเลียนแบบรึเปล่านะ?
———ไม่เชียร์อย่างแรงครับ————

Play video

ฉากถูน้ำแข็งคลาสสิคจาก nine and half weeks