ครบรอบ 12 ปีการจากไปของ ฮีธ เล็ดเจอร์ กับเกร็ดน่าสนใจจากบท Joker ใน The Dark Knight (2008)

เป็นหนึ่งในนักแสดงมากฝีมือที่เป็นขวัญใจผู้ชมทั่วโลก แม้ช่วงเวลาที่มีชื่อเสียงจะเป็นแค่ช่วงสั้น ๆ ไม่ถึง 10 ปี ฮีธ เล็ดเจอร์ เป็นที่รู้จักจากหนังวัยรุ่น 10 Things I Hate About You (1999) แล้วก็เริ่มแสดงศักยภาพทางการแสดงให้เป็นที่ประจักษ์ใน Brokeback Mountain (2005) ทำให้เขาได้เข้าชิงออสการ์สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม และเป็นที่จดจำมากยิ่งขึ้นกับบท Joker ใน The Dark Knight (2008) เป็นการตีความภาพลักษณ์ใหม่ของ Joker จากที่คนดูเคยจดจำภาพลักษณ์เดิม ๆ ของ Joker เวอร์ชัน แจ็ก นิโคลสัน เมื่อปี 1989 ไปหมดสิ้น แต่ก็เป็นที่น่าเสียดาย ที่ฮีธด่วนจากไปก่อนวัยอันควร ทั้งที่หนทางในเส้นทางฮอลลีวูดกำลังสดใส ฮีธ เสียชีวิตในวันที่ 22 มกราคม 2008 ผลการชันสูตร แพทย์สรุปว่าเสียชีวิตด้วยสาเหตุ “ได้รับสารพิษรุนแรง” จากการใช้ยาเกินขนาด แม้ตัวจะจากไป แต่ผลงานที่เขาฝากไว้ก็เป็นที่ชื่นชมทั้งจากผู้ชมและบรรดานักวิจารณ์ ทำให้เขาได้เป็นเจ้าของรางวัลออสการ์สาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม จากบท Joker

แม้ว่าในวันนี้ เราจะได้เห็น Joker อีก 2 เวอร์ชัน จากการตีความที่ต่างกันออกไปทั้งในแบบของ จาเร็ด เลโต และ วาคีน ฟินิกซ์ ซึ่งล้วนอยู่ในระดับยอดเยี่ยม แต่กระนั้น Joker ของ ฮีธ เล็ดเจอร์ ก็ยังคงอยู่ในความทรงจำของผู้ชมมาจนทุกวันนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่าภาพลักษณ์ Joker ของ ฮีธ เล็ดเจอร์ ก็มีส่วนสำคัญต่อความสำเร็จของ The Dark Knight (2008) ทั้งในด้านรางวัลและรายรับ เพราะ The Dark Knight (2008) กลายเป็นหนังภาคเดียวในไตรภาคที่คว้าออสการ์มาได้ 2 สาขา ตัวหนึ่งตกเป็นของ ฮีธ เล็ดเจอร์ และอีกตัวได้มาจากสาขาตัดต่อเสียง ด้านรายรับ The Dark Knight (2008) ยังเป็นภาคที่ทำรายรับสูงที่สุดในไตรภาค ด้วยตัวเลข 533 ล้านเหรียญ Batman Begins ได้ 205 ล้านเหรียญ และ The Dark Knight Rises ได้ไป 448 ล้านเหรียญ

มาถึงปีนี้ ก็นับได้ครบ 12 ปีพอดี กับการจากไปของ ฮีธ เล็ดเจอร์ และ 12 ปี ของหนัง The Dark Knight Rises เรามีเกร็ดน่าสนใจ 10 เรื่องเบื้องลึกเบื้องหลังบทบาท Joker ของเขามาฝากกันครับ

1.ที่จริงแล้ว ฮีธ เล็ดเจอร์ อยากรับบทเป็น Batman

ที่จริงแล้ว ฮีธ เล็ดเจอร์ อยากเป็น Batman มากกว่า

ตอนที่ประกาศสร้าง Batman Begins (2005) นั้น หลายคนไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนว่า ฮีธ เองก็มาออดิชันด้วยในบท Batman แต่สุดท้ายอย่างที่เราทราบกันว่าบทตกเป็นของ คริสเตียน เบล อันที่จริง ผู้อำนวยการสร้างก็เตือนฮีธ ตั้งแต่ก่อนออดิชันแล้วว่า เขาไม่น่าจะได้บทนี้หรอก อาจจะด้วยบุคลิกลักษณะของเขาไม่แมตช์กับภาพลักษณ์ของ บรู๊ซ เวย์น แต่เมื่อฮีธอยากจะลองออดิชัน ทีมงานก็ไม่ขัดข้อง แต่ในเมื่อ ฮีธ เล็ดเจอร์ เป็นที่รับรู้กันในวงการว่าเขาคือนักแสดงมากฝีมือ และมีอนาคตไกล ทางทีมงานก็เลยรักษาสัมพันธ์กับฮีธไว้ แล้วเชิญเขามาออดิชันบท Joker ใน The Dark Knight ก็นับว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องทั้งตัวฮีธเองและผู้อำนวยการสร้าง

และกลายเป็นว่าผลงานที่ฮีธฝากไว้ เป็นการยกระดับมาตรฐานการแสดง การตีความ Joker ขึ้นไปสูงมาก ก็เลยกลายเป็นการบ้านยาก ๆ สำหรับนักแสดงคนต่อไปที่จะต้องมาสวมบทบาท Joker นั่นจึงเป็นเหตุผลว่า Joker คนต่อ ๆ มาจึงล้วนเป็นนักแสดงระดับออสการ์กันทั้งสิ้น จาเร็ด เลโต ออสการ์สาขานักแสดงสมทบชายจาก Dallas Buyers Club (2013), วาคีน ฟินิกซ์ เข้าชิงออสการ์มาแล้ว 3 ครั้ง ก่อนที่จะเป็นนักแสดงคนที่ 2 ที่คว้าออสการ์ได้สำเร็จจากบท Joker

2.ออสการ์ตัวแรกที่มอบให้กับนักแสดงผู้รับบทตัวร้ายของเรื่อง

เป็นที่รู้กันโดยปริยายว่า นักแสดงในบทตัวร้ายของเรื่อง และนักแสดงในบทซูเปอร์ฮีโรหรือบทที่มาจากตัวละครในหนังสือการ์ตูน มักจะไม่มีโอกาสบนเวทีออสการ์เสมอมา แต่ธรรมเนียมดังที่ว่ามาก็ถูกลบล้างโดย ฮีธ เล็ดเจอร์ เมื่อเขาเป็นนักแสดงคนแรกที่คว้าออสการ์ได้สำเร็จ แม้ว่าบท Joker ที่เขาแสดงนั้น จะเป็นทั้งบทตัวร้ายของเรื่อง แล้วก็เป็นบทจากตัวการ์ตูนชื่อดัง

ในปีนั้น The Dark Knight ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงถึง 8 รางวัล และรางวัลนักแสดงสมทบฝ่ายชายยอดเยี่ยม ของ ฮีธ เล็ดเจอร์ ก็เป็นเพียง 1 ใน 2 รางวัล ที่หนังคว้ามาได้สำเร็จ แต่น่าเสียดายที่พิธีมอบรางวัลนี้เกิดขึ้นภายหลังจากที่เขาเสียชีวิตไปแล้ว พ่อแม่และน้องสาวของฮีธขึ้นรับรางวัลแทน และส่งต่อรางวัลออสการ์ไปให้กับ มิเชลล์ วิลเลียมส์ ภรรยาของเขาในขณะนั้น ทั้งคู่มีลูกสาวด้วยกัน 1 คนคือ มาธิลดา เล็ดเจอร์ ปัจจุบันอายุ 15 ปีแล้ว

3.ไมเคิล เคน ยอมรับว่าเขากลัว Joker ของฮีธ เล็ดเจอร์

ไมเคิล เคน เป็นนักแสดงอาวุโส และเป็นนักแสดงคนโปรดของผู้กำกับ คริสโตเฟอร์ โนแลน ทำให้เราได้เห็นไมเคิล เคน ในหนังเกือบทุกเรื่องของเขา ในไตรภาค The Dark Knight นั้น ไมเคิล เคน รับบทเป็น อัลเฟรด พ่อบ้านประจำคฤหาสน์ตระกูลเวย์น และเป็น 1 ใน 5 นักแสดงที่ปรากฏตัวครบทั้ง 3 ภาค

แม้ว่า ไมเคิล เคน อยู่ในวงการแสดงมากว่า 60 ปี และเป็นเจ้าของ 2 ออสการ์ แต่ไมเคิล เคน ก็ยังยอมรับว่าเขา “รู้สึกกลัว” จริง ๆ เมื่อได้แรกเห็น ฮีธ เล็ดเจอร์ ครั้งแรกในภาพลักษณ์ของ Joker ในฉากที่เขาออกมาจากลิฟต์ ไมเคิล บอกว่าเขารู้สึกเหมือนกับว่ามีฆาตกรโรคจิตตัวจริงอยู่ภายใต้เมกอัป Joker ที่น่ากลัวนั้น ทำเอาเขารู้ลืมบทพูดตัวเองไปชั่วขณะเลย แม็กกี้ จิลเลนฮาล ในบท ราเชล ดอว์น เองก็เผยว่าเธอกลัวเหมือนกัน กลัวจนแทบไม่กล้ามองหน้า joker ตรง ๆ เลย

4.ฮีธ เล็ดเจอร์ บอกให้ คริสเตียน เบล ต่อยเขาจริง ๆ ในฉากสอบปากคำ

หนึ่งในฉากจดจำจาก The Dark Knight ก็คือฉากที่ Joker เล่นสงครามประสาทยั่วโทสะ Batman ในห้องสอบสวน ฉากนี้เราได้เห็น Batman น็อตหลุดแล้วก็ซัด Joker ได้ดูหนักหน่วงสมจริง ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะเค้าซัดกันจริง ๆ

ไอเดียนี้ก็มาจากฮีธนั่นเอง เขาให้ความเห็นว่าเขาไม่ต้องการ “แสดง” ในฉากนี้ จึงขอให้คริสเตียนต่อยเขาจริง ๆ ไปเลย ต่อยให้แรงที่สุดเท่าที่ทำได้ เพื่อให้ภาพออกมาดูน่าเชื่อถือและสมจริงที่สุด ฉะน้้นภาพที่เราเห็นในฉากนี้คือการซัดกันจริง ๆ เจ็บจริง ช้ำจริง เอาเป็นว่าถ้าไม่มีเมกอัปหน้าขาวหนา ๆ คนดูต้องได้เห็นรอยบวมช้ำที่หน้าฮีธเป็นแน่

5.การแต่งหน้า Joker มาจากไอเดียของ ฮีธ เล็ดเจอร์ เอง

การแต่งหน้า Joker มาจากไอเดียของ ฮีธ เล็ดเจอร์ เอง

เรื่องนี้ค่อนข้างผิดรูปแบบการทำงานของทีมงานระดับฮอลลีวูดพอควร เพราะอย่างที่เรารู้กันว่าการสร้างหนังฟอร์มใหญ่นั้น ในขั้นตอนออกแบบบุคลิกลักษณะตัวละครนั้น มักจะมาจากมันสมองของทีมงาน และการแต่งหน้าตัวละครสำคัญในเรื่องก็ควรจะเป็นฝีมือของทีมงานเมกอัปมืออาชีพ แต่สำหรับ Joker ของ ฮีธ เล็ดเจอร์ กลับไม่ใช่เช่นนั้น หน้าตาของ Joker ที่เราเห็นและจดจำไปอีกนานแสนนานนั้น เป็นไอเดียการออกแบบของ ฮีธ เล็ดเจอร์ เองเลย

เริ่มจากฮีธไปหาซื้อเครื่องสำอางแบบถูก ๆ มา แล้วก็มาลองละเลงบนหน้าเขาเอง ด้วยแนวความคิดว่า Joker เป็นวายร้าย เป็นฆาตกร ฉะนั้นการแต่งหน้าของ Joker ไม่ควรออกมาดูเนี้ยบแบบมืออาชีพ และมันควรจะดูน่ากลัวมากกว่าสวยงาม ต้องสื่อถึงความผิดปกติภายในจิตใจของ Joker ให้ได้ ต้องดูโรคจิต และที่สำคัญฮีธอยากให้ Joker ของเขามีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ดูแตกต่างจาก Joker เวอร์ชันก่อน ๆ อย่างเห็นได้ชัด แล้วไอเดียการแต่งหน้า Joker ของเขาก็ได้รับการเห็นชอบจาก คริสโตเฟอร์ โนแลน และก็ได้ใช้ในการถ่ายทำจริง

(อ่านข้อ 6 – 10 ที่หน้า 2)