นอกจากการเปิดตัว iOS 9 ที่เป็นไฮไลท์ของงาน WWDC 2015 เมื่อคืนที่ผ่านมา แล้วอีกหนึ่งประเด็นที่สำคัญที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ Apple Watch OS 2 อัพเดทซอฟต์แวร์ครั้งแรกของ Apple Watch ด้วย ไปดูกันเลยว่าจะมีการปรับปรุงฟังก์ชันอะไรกันบ้าง

watch-face

ถือเป็นความเปลี่ยนแปลงสำคัญที่ทำให้นักพัฒนาจากภายนอกสามารถคือพัฒนาแอปฯ ด้วยภาษาหลักของ Watch OS โดยไม่ต้องพึ่งพาการใช้งานจากไอโฟนอีก รวมถึงสามารถสร้างแอปฯ ที่ใช้งานกับเซ็นเซอร์ที่มีใน Apple Watch ได้เลย นอกจากนี้ ผู้ใช้งานสามารถเลือกรูปจาก photo album มาตั้งค่าเป็นรูปหน้าปัดนาฬิกา โดยภาพจะปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เพียงผู้ใช้งานยกแขน (แน่นอนว่าต้องเป็นข้างที่ใส่ Apple Watch นะ) หรือจะใช้งานโหมดภาพแบบ timelapse ที่มีวิวเมืองสวยๆ อย่าง นิวยอร์ก, ฮ่องกง, ลอนดอน ฯลฯ มาเป็นภาพหน้าปัดเท่ๆ ซึ่งจะแสดงเวลาแบบ realtime ของสถานที่นั้นๆ ด้วย

40-watch-time-travel-650-80

สำหรับฟีเจอร์ Time Travel ที่ถูกปรับปรุงใหม่นั้นจะทำให้เราสามารถเลื่อนเช็คเหตุการณ์ต่างๆ ทั้งในอดีตและอนาคตที่กำลังจะเกิดขึ้น รวมถึงนัดหมายและพยากรณ์อากาศตลอดจนข่าวสารจากแอปฯ ต่างๆ โดยใช้ Digital Crown ทำงานเลื่อนขึ้น-ลง

41-watch-night-stand-650-80

เมื่อเวลาที่เราทำการชาร์จแบตให้กับ Apple Watch มันจะเข้าสู่โหมด Nightstand ซึ่งตัว Apple Watch จะปรับหน้าจอเป็นแนวนอนโดยอัตโนมัติ รวมทั้งทำหน้าที่เป็นนาฬิกาปลุก โดย Digital Crown จะทำหน้าที่ snooze และปุ่มด้านข้างจะเป็นเปิดปิดการตั้งปลุก นอกจากนี้ เรายังสามารถทำการตอบกลับอีเมล์บน Apple Watch ได้เลยจากการสั่งงานด้วยเสียง หรือ emoji โดยในเบื้องต้นยังไม่มีระบุรายละเอียดว่าจะสามารถทำการแก้ไข้ข้อความได้หรือไม่

Apple Watch_Watchkit-650-80

 

 

อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ การปรับปรุงคุณภาพการทำงานของ Siri ให้มีความฉลาดและสั่งการได้มากขึ้น ซึ่งออกแบบมาเพื่อช่วยให้การทำกิจกรรมของผู้ใช้งานไม่สะดุด โดยเฉพาะในการออกกำลังกาย ซึ่งเราสามารถออกคำสั่งให้มันเช่น ‘จะทำการวิ่ง 30 นาที หรือ จะเดินให้เผาผลาญสัก 300 แคลอรี่’ โดยไม่ต้องเข้าไปเปิดหาแอปฯ ให้เสียเวลา รวมทั้งสั่งการให้กับงานกับ HomeKit ได้ด้วย (มีข้อแม้ว่าอุปกรณ์ในบ้านชิ้นนั้นนั้นต้องรองรับใช้งาน HomeKit เช่นกัน)

Apple Watch_glances-650-80

นอกจากนี้ ยังมีคุณสมบัติรองรับฟีเจอร์ Transit in Maps ที่เราจะทำการดูรายละเอียดเส้นทางต่างๆ จากแผนที่ ซึ่งได้รับการพัฒนาให้มีความแม่นยำมากขึ้น พร้อมทั้งระบุเส้นทางแนะนำที่ใช้เวลาเดินทางน้อยที่สุด รวมถึงยังสามารถเช็คตารางเดินรถบริการขนส่งสาธารณะ ไปจนถึงร้านค้าตามหมวดต่างๆ ผ่านหน้าจอ Apple Watch ได้เลย

 

ที่มา : techradar / gizmodo