Nikkei รายงานว่า Tesla ได้รับกำไรจากการจำหน่ายรถต่อคันมากกว่า Toyota ถึง 8 เท่า โดย Tesla รายงานผลประกอบการกำไรสุทธิอยู่ที่ 3,290 ล้านดอลลาร์ในไตรมาส 3 ส่วน Toyota ทำกำไรได้ 3,150 ล้านดอลลาร์ (แปลงจาก 4,342 ล้านเยน)

รายได้ของ Toyota ลดลงมาจากสาเหตุที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อย่างต้นทุนค่าวัสดุและค่าไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น รวมถึงได้รับผลกระทบจาก่าเงินเยนที่อ่อนลงด้วย ซึ่ง Nikkei รายงานว่า Tesla เป็นบริษัทที่สามารถทำกำไรได้มากกว่า Mercedes-Benz ด้วยซ้ำ (ต่อคัน) แม้ว่ากำไรสุทธิของ Tesla จะน้อยกว่าก็ตาม แต่สำหรับ BMW และ Volkswagen ก็ถือว่ากำไรดีอยู่ อัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 15% สำหรับไตรมาสที่ผ่านมา

ความสำเร็จของ Tesla หลัก ๆ มาจากการที่บริษัทสามารถสร้างกำไรในรถยนต์แต่ละคัน แม้ว่าด้านจำนวน Toyota จะขายรถได้มากกว่า Tesla ถึง 7.6 เท่า แต่กำไรของ Toyota อยู่ที่ 1,200 เหรียญ หรือประมาณ 44,800 ต่อคัน ในขณะที่ 9,570 เหรียญ หรือประมาณ 357,000 บาทต่อคัน!

ที่น่าสนใจคือ Tesla ยังมีเครื่องหล่อโครงสร้างที่เรียกว่า Giga Press ซึ่งจะช่วยลดระยะเวลาการผลิตได้ แต่ในแง่ของคุณภาพก็จะน้อยกว่าแบบดั้งเดิม แต่ก็ช่วยลดระยะเวลาการผลิตได้เร็วขึ้น สามารถผลิตได้ในจำนวนมาก ไม่เพียงเท่านั้น Tesla ยังเน้นจำหน่ายรถออนไลน์เป็นหลักทำให้อัตราของกำไรนั้นสูงกว่าด้วย

แล้วทำไมนักลงทุนถึงจะไม่ชอบ Tesla ล่ะ?

Nikkei มองว่าจุดแตกต่างสำคัญระหว่าง Tesla และ Toyota คือเรื่องกลยุทธิ์การขายสินค้า โดย Toyota มีรถยนต์หลากหลายแบบให้เลือกตั้งแต่รถยนต์ที่ใช้น้ำมัน ไปจนถึงรถยนต์ไฮบริด รถยนต์ไฟฟ้า เป็นต้น ในขณะที่ Tesla เน้นไปที่การพัฒนา EV โดย Model Y และ Model 3 มียอดขายมากกว่า 90% เพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าแม้ว่าจะมีราคาที่สูงหน่อยก็ตาม

ด้วยความเชื่อมันและเสน่ห์ของแบรนด์ทำให้ Tesla สามารถปรับราคาของรถขึ้นได้โดยส่วนหนึ่งมาจากต้นทุนที่สูงขึ้น แต่ไม่เป็นไร บริษัทเชื่อว่ายังมีคนซื้ออยู่ นอกจากตัวรถแล้ว โคจิ เอนโด (Koji Endo) จาก SBI Securities เชื่อว่ากำไรของ ​Tesla มาจากทั้งยอดขายรถและยอดขายซอฟต์แวร์ครับ

จะว่าไปโมเดลการขายของมันก็แอบคล้าย Apple น้า

ที่มา Nikkei