หัวเว่ยประกาศยอดขายในไทยครึ่งปีแรก ขายเครื่องได้มากกว่า 8 เท่าตัว หรือเพิ่มขึ้น 5 เท่าในเชิงมูลค่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว คว้าส่วนแบ่งการตลาด 10.7% ในเดือนพฤษภาคม 2560 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วที่ได้ส่วนแบ่ง 1.2%

ส่วนหัวเว่ยในระดับโลกมียอดขายรวมมากกว่า 73 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้น 20.6% ส่วนรายได้โตขึ้น 36.2% และส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มขึ้นจาก 8.4% เป็น 9.8% ถือเป็นสมาร์ทโฟนอันดับ 3 ของโลก ซึ่งเมื่อดูตัวเลขแล้วจะเห็นว่าประเทศไทยมีการเติบโตมากกว่าภาพรวมของหัวเว่ยในระดับโลกอีก

ทำไม Huawei ไทยถึงประสบความสำเร็จ

ทศพร นิษฐานนท์ รองผู้อำนวยการ หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป (ประเทศไทย)

คุณทศพร นิษฐานนท์ รองผู้อำนวยการ หัวเว่ย คอนซูเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป (ประเทศไทย) ได้กล่าวถึงความแข็งแกร่ง 4 ด้านที่ทำให้หัวเว่ยไทยประสบความสำเร็จคือ

  1. การพัฒนาผลิตภัณฑ์ หัวเว่ยสร้างผลิตภัณฑ์ตามความต้องการของลูกค้า มี R&D Center 15 ศูนย์ กระจายอยู่ทั่วโลก เช่น ศูนย์วิจัยด้าน UI ก็อยู่ที่ซานฟราน ศูนย์ดีไซน์อยู่ปารีส ใช้เงินลงทุนวิจัย 10% ของยอดขาย ผ่านมาสิบปีลงทุนไปมากกว่า 45 พันล้านเหรียญ นอกจากนี้ยังมีการร่วมลงทุนกับแบรนด์ต่างๆ เช่น Leica, pantone เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์
  2. การขยายช่องทางจัดจำหน่าย ในเมืองไทยมี experience shop 41 แห่งแล้ว ขยายเร็วมาก ร้านค้าจากปีที่แล้ว 1,000 ร้านค้า ปัจจุบันมีอยู่ 9,000 ร้าน ปีนี้ตั้งเป้าขยายให้ได้ 10,000 ร้านค้าทั่วไทย
  3. การสร้างแบรนด์ มูลค่าแบรนด์สูงขึ้นตลอด อย่างการรับรู้แบรนด์ในไทย ปีที่แล้ว 85% มาปีนี้เติบโตขึ้นเป็น 86%, ความอยากซื้อผลิตภัณฑ์ของหัวเว่ยในไตรมาส 4 ที่ผ่านมาอยู่ที่ 7% มาตอนนี้กลายเป็น 13% ในปีนี้ กลุ่มพรีเมี่ยมก็แกร่งขึ้น ด้วยตระกูล Mate และ P
  4. ยกระดับบริการ จากปีที่แล้วมี 4 ศูนย์บริการ ปีนี้ขยายเป็น 14 ศูนย์บริการแล้ว และมีจุดรับเครื่องมากกว่า 1,000 แห่งทั่วไทย และเมื่อต้นปีก็เริ่มมีบริการ door to door service รับเครื่องจากบ้านไปซ่อมเลย มี diamond service ซ่อมเสร็จภายใน 1 ขั่วโมง (ในเงื่อนไข) มีขยายการรับประกันเป็น 2 ปีด้วย

จาก 2015 -> 2016 หัวเว่ยไทยโตขึ้น 3 เท่า ปีนี้จึงตั้งเป้าเหมือนเดิม และตั้งเป้าส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 2 ของไทยในปีนี้ ซึ่งตอนนี้ก็ครองส่วนแบ่งการตลาดมาได้ 2 เดือนแล้วในเชิงจำนวนเครื่องที่จำหน่าย

ส่วนภาพในอนาคต หัวเว่ยมองว่าปี 2025 คนจะใช้เรื่อง AI มากขึ้นเป็นฟีเจอร์หลักเลย โดยประกอบพลังจากชิปเซ็ตที่มีพลังมากขึ้น (ซึ่ง Kirin รุ่นใหม่ๆ จะมีความสามารถประมวลผล AI มาด้วย) โทรศัพท์มีเซนเซอร์รอบตัวมากขึ้น และมีคลาวด์ช่วยสนับสนุน

แล้ววิกฤตหน่วยความจำของ Mate 9 และ P10 ส่งผลกระทบแค่ไหน

คุณทศพร และคุณชาญวิทย์ เขียวนาวาวงศ์ษา ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด หัวเว่ย คอนซูเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป (ประเทศไทย)

ประเด็นนี้คุณทศพร และคุณชาญวิทย์ เขียวนาวาวงศ์ษา ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด หัวเว่ย คอนซูเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป (ประเทศไทย) ตอบว่าประเด็นปัญหาเรื่องหน่วยความจำของ Mate 9 และ P10 มีผลกับความเชื่อมั่นของแบรนด์จริง แต่เป็นผลกระทบในระยะสั้น และตอนนี้ยอดขาย และตัวเลขต่างๆ ก็เริ่มกลับมาเข้าเกณฑ์ตามเป้าที่วางไว้แล้ว

โดยผู้บริหารของหัวเว่ยย้ำอีกครั้งว่า Huawei Mate 9 ไม่มีข้อความใดๆ ที่โฆษณาเกินจริงเลย เพราะ Mate 9 ทุกรุ่นผ่านมาตรฐาน UFS 2.1 ส่วน Huawei P10 ไม่เคยโปรโมทว่าเป็นหน่วยความจำชนิดอะไรตั้งแต่แรก และเครื่องที่ขายในไทยทั่งหมดเป็น UFS ด้วย ไม่มี eMMC

อนาคตของสินค้ากลุ่มตลาดล่างที่บอกจะโฟกัสน้อยลง คือกลุ่มไหน

จากข่าวเมื่อเร็วๆ นี้ที่บอกว่า Huawei จะเน้นสมาร์ทโฟนตลาดล่างน้อยลง เพราะรายได้ไม่สามารถพยุงบริษัทให้อยู่รอดอย่างมั่นคงในระยะยาวได้ เรื่องนี้คุณทศพรอธิบายว่าถ้าแบ่งสมาร์ทโฟนของหัวเว่ยออกเป็น 3 ระดับจะแบ่งได้ดังนี้

  • ตระกูล Mate กับ P เป็นกลุ่มพรีเมี่ยม
  • GR5 กับ Nova อยู่ในกลุ่มกลาง
  • กลุ่มล่างจะเป็นตระกูล Y

โดยมือถือระดับราคา 15,000 บาทขึ้นไป กลุ่มนี้สร้างรายได้ 40% ของหัวเว่ยไทย แต่สำหรับตลาดไทยที่เป็น emerging market จะยังคงทำตลาดสมาร์ทโฟนกลุ่มล่างต่อไป ไม่เปลี่ยนแผนไปไหน เพราะถือว่าหัวเว่ยเป็นไม่กี่แบรนด์ในไทยที่มีผลิตภัณฑ์ครบทุกกลุ่มผู้ใช้

ไทยถือเป็นประเทศที่สำคัญต่อหัวเว่ย โดยจัดไทยเป็นประเทศกลุ่ม Tier 1 เลย ซึ่งจะได้รับการจัดสรรทรัพยากรมากกว่า ได้รับสินค้าเร็วกว่าด้วย

ซึ่งคุณทศพรได้แย้มว่าตั้งแต่เดือนนี้หัวเว่ยจะเริ่มเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และมีผลิตภัณฑ์ที่น่าจะสร้างสีสันให้ตลาดได้ นอกจาก Huawei Mate รุ่นต่อไป ที่จะวางตลาดในช่วงปลายปีนี้