ไดสันเปิดตัวเครื่องดูดฝุ่นไร้สายตัวล่าสุด ปรับปรุงจาก Dyson V8 เดิมโดยเพิ่มกำลังดูดสูงสุดอีก 35% และเพิ่มหัวแปรงดูดพื้นชนิดใหม่ที่เรียกว่า Carbon Fibre

https://www.beartai.com/review/newgadget/124222

จุดเด่นของเครื่องดูดฝุ่นไร้สายจากไดสันคือให้ประสิทธิภาพในการดูดทำความสะอาดสูง แม้ทำงานด้วยพลังงานจากแบตเตอรี่ ไม่ได้เสียบสายไฟ ด้วยมอเตอร์ดิจิทัล V8 ที่พัฒนามายาวนาน โดยในรุ่นล่าสุดคือ Dyson V8 Carbon Fibre ให้พลังดูดทำความสะอาดสูงสุด 155 AW (Air-Watt) เมื่อเทียบกับ Dyson V8 เดิมที่ให้พลังดูด 115 AW ในโหมดพลังดูดสูงนี้สามารถทำงานต่อเนื่องได้ 5 นาทีต่อการชาร์จ 1 ครั้ง แต่ถ้าใช้ Dyson V8 Carbon Fibre ในโหมดพลังดูดปกติ จะสามารถทำงานต่อเนื่องได้นาน 40 นาทีต่อการชาร์จ 1 ครั้ง

หัวแปรงแบบต่างๆ ของ Dyson V8 Carbon Fibre

นอกจากนี้ใน Dyson V8 Carbon Fibre ยังมาพร้อมหัวแปรงดูดฝุ่น Carbon Fibre 2 แบบคือหัว Fluffy ที่เป็นแปรงขนนุ่มสำหรับพื้นแข็ง พร้อมเส้น Carbon Fibre เพื่อไม่ให้ไฟฟ้าสถิตดูดฝุ่นเก็บไว้ในแปรง และหัว Direct Drive ที่เป็นขนแปรงยาวพร้อมเส้น Carbon Fibre สำหรับทำความสะอาดพื้นแข็งและพรม (หัวนี้ไม่มีในชุด Dyson V8 ตัวแรกที่ออก)

ความเจ๋งจาก Dyson V8 ก็ยังคงมีอยู่ในรุ่น Carbon Fibre ทั้งระบบแยกฝุ่นแบบ Cyclone 15 ท่อ ที่สร้างแรงเหวี่ยงในอากาศที่หมุนเป็นไซโคลน ทำให้กำลังดูดไม่ลดลงแม้ฝุ่นจะเต็มกล่อง และไม่ต้องทำความสะอาดฟิลเตอร์กรองบ่อยๆ

ดูดฝุ่นบนที่นอนได้สะอาดเอี่ยม

นอกจากนี้ที่ท้ายเครื่องยังมี HEPA Filter เพื่อกรองอนุภาคขนาดเล็กไม่ให้หลุดออกจากเครื่อง กระบวนการกรองฝุ่นทั้งหมดของเครื่องนี้สามารถดักจับอนุภาคขนาดเล็กอย่างควันได้สบายๆ และในชุดยังมีหัวแปรงอีกสารพัดสำหรับทำความสะอาดพื้นที่ที่แตกต่างกัน เช่นหัวมอเตอร์ขนาดเล็กสำหรับทำความสะอาดเครื่องนอน หรือหัวแปรงขนนุ่มสำหรับทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์

หัวดูด Fluffy สำหรับทำความสะอาดพื้นแข็งได้แบบไร้ฝุ่นหลงเหลือ

Dyson V8 Carbon Fibre เริ่มวางจำหน่ายในไทยช่วงกลางเดือนมีนาคมนี้ในราคา 28,900 บาท ซึ่งก็เป็นราคาที่ถูกกว่า Dyson V8 ตอนเปิดตัวที่วางราคาไว้ 32,900 บาท

ถามลึกๆ กับแซม ทวิสท์ วิศวกรออกแบบของ Dyson

แซม ทวิสท์ วิศวกรออกแบบจาก Dyson

เว็บแบไต๋เราเคยรีวิว Dyson V8 รุ่นแรกอย่างละเอียดเมื่อปีที่ผ่านมา เราจึงมีคำถามเกี่ยวกับการออกแบบของเครื่องดูดฝุ่นไร้สายรุ่นนี้หลายข้อ และในงานแถลงข่าววันนี้เราได้เจอกับคุณแซม ทวิสท์ วิศวกรออกแบบที่ร่วมพัฒนา Dyson V8 เราจึงได้ถามคำถามที่คาใจหลายข้อ

ทำไม Dyson V8 Carbon Fibre ถึงให้กำลังดูดที่แรงกว่ารุ่นเดิมได้ ทั้งที่หน้าตาเหมือนเดิม

ใน Dyson V8 Carbon Fibre มีการปรับปรุงใบพัดใหม่ให้มีประสิทธิภาพดียิ่งกว่าเดิม โดยรอบหมุนมอเตอร์ไม่ได้เพิ่มขึ้น ทำให้ได้กำลังดูดที่สูงกว่าเดิม

จุดอ่อนของ Dyson V8 คือน้ำหนักตัวที่หนักเกินไป หนักกว่า V6 400 กรัม ไดสันมีแผนแก้ไขเรื่องนี้ไหม

คุณแซมยังบอกแผนการณ์ในไม่ได้ แต่เราก็ตระหนักดีว่ามีปัญหานี้อยู่ ซึ่ง Dyson ก็พัฒนาให้ Dyson V8 มีน้ำหนักที่สมดุลย์ สามารถวางนิ้ววางเครื่องแล้วเครื่องไม่คว่ำได้ ทำให้ผู้ใช้ไม่รู้สึกว่ามันหนักมาก

เอานิ้วสอดไว้กลางเครื่องแบบนี้ ก็ยังสมดุลย์ทั้งหน้าและหลัง

ซึ่งในอนาคต Dyson อาจจะมีการออกแบบเครื่องดูดฝุ่นให้มีน้ำหนักเบาลงก็ได้ในรุ่นสำหรับเอเชีย เพราะคนเอเชียตัวเล็กกว่าคนยุโรป แต่ก็ยังเป็นแผนการณ์ที่ไม่คอนเฟิร์ม

Dyson V8 แต่ละรุ่นแตกต่างกันยังไง เราจะแนะนำผู้ซื้ออย่างไร

ตอนนี้เรามี Dyson V8 จำหน่ายราว 4 รุ่นในตลาดไทย แต่ละรุ่นก็จะมีหัวดูดที่แตกต่างกันไป ที่เหมาะสำหรับงานแตกต่างกัน (ถามพนักงานขายก็ได้นะว่าเหมาะกับหัวแบบไหน)

รุ่น Carbon Fibre กำลังดูดสูง สามารถดูดยกน้ำได้เลย สาธิตโดยคุณมาร์ติน เดวีส ประธานกรรมการ Dyson ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ส่วน Dyson V8 รุ่นปกติกับรุ่น Carbon Fibre ที่เพิ่มพลังดูดที่สีสันของเครื่องไม่แตกต่างกันเลย คุณแซมก็บอกไม่ได้ว่าทำไมไม่ใช่สีใหม่กับเครื่องรุ่นใหม่ไปเลย แต่รุ่น Carbon Fibre จะแตกต่างจากรุ่นปกตินิดหนึ่งตรงฟิลเตอร์ท้ายเครื่องจะยาวกว่า

ซึ่งสีในจุดต่างๆ ของ Dyson V8 นั้นได้รับการวิจัยมาอย่างหนักแล้ว คือเราใช้สีแดงกับจุดที่เป็นอินเตอร์แอคชั่น เช่นปุ่มทำงาน หรือคานโยกทิ้งฝุ่น และใช้สีน้ำเงินใช้กับจุดบำรุงรักษา เช่น จุดเปลี่ยนฟิลเตอร์ต่างๆ

ผ่าใส้ในของ Dyson V8 ให้ดูกัน