หัวเว่ย (Huawei) ในเซกชันของเทคโนโลยี่ ได้เผยข้อมูลที่น่าสนใจถึงเทรนด์ 5G ที่จะทำให้ประเทศไทยเป็นหนึ่งในผู้นำด้านเทคโนโลยี โดยในภาคธุรกิจจะมีคุณภาพพร้อมมีการเกิดขึ้นของรูปแบบบริการใหม่ ๆ มากขึ้น

ทางหัวเว่ยได้ให้คำอธิบายว่า ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีศักยภาพด้านเทคโนโลยี 5G ในระดับแนวหน้า เพราะเป็นประเทศแรก ๆ ที่ได้นำเทคโนโลยีดังกล่าวมาประยุกต์ใช้ โดยเทคโนโลยีดังกล่าวจะเป็นตัวขับเคลื่อนหลักที่ช่วยผลักดันภาคเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทยในทุก ๆ ด้าน และการมาถึงของ 5G Ecosystem จะช่วยพัฒนาทั้งคุณภาพชีวิตของผู้ใช้งานทั่วไป ยกระดับสังคมดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ ส่งผลลัพธ์รูปธรรมเป็นการช่วยเพิ่มผลิตผล, ลดค่าใช้จ่าย และยกระดับคุณภาพของผลิตภัณฑ์และบริการต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพสูงยิ่งขึ้น ยิ่งกว่านั้น เราจำเป็นต้องสร้างอีโคซิสเต็มเพื่อรองรับการใช้งานในภาคอุตสาหกรรม โดยเทคโนโลยี 5G จะไม่เพียงช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้ใช้งานทั่วไป แต่จะช่วยยกระดับสังคมดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบอีกด้วย

องค์ประกอบของ 5G Ecosystem

  • นวัตกรรมในภาคธุรกิจ (Business Mode Innovation) การเกิดรูปแบบการบริการใหม่ๆ ที่มีความหลากหลายมากขึ้น ซึ่งจะไม่จำกัดเพียงการให้บริการด้านความเร็วบนอุปกรณ์มือถือ โดยนอกจากการให้บริการระหว่างธุรกิจองค์กรกับผู้บริโภค (Business-to-Consumer) 5G จะทำให้เกิดการใช้งานระหว่างธุรกิจองค์กรด้วยกัน (Business-to-Business)
  • พาร์ทเนอร์ในอีโคซิสเต็ม (Local ecosystem integration) การจะสร้างเครือข่ายสำหรับทุกภาคอุตสาหกรรมให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดจำเป็นต้องมีพาร์ทเนอร์จากทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วม ได้แก่ ผู้ให้บริการเครือข่ายผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมแบบแนวดิ่ง ผู้ให้บริการด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์อย่างหัวเว่ย และผู้จัดทำโซลูชันในประเทศ เป็นต้น
  • 5G ที่ใช้งานได้จริง (Real Use Cases) 5G ในปี 2020 จะเป็นเรื่องที่จับต้องได้ มีเครือข่ายที่สามารถใช้งานได้จริง โดยเทคโนโลยี 5G จะไม่ได้เป็นแค่การทดสอบในห้องแลบหรือกรณีศึกษาแบบในปีที่ผ่านมา แต่จะเป็นการนำไปประยุกต์ใช้จริง
  • ประสบการณ์และความสำเร็จจากทั่วโลก (Global Best Practices) เนื่องจากหัวเว่ยทำงานร่วมกับโอเปอเรเตอร์และพาร์ตเนอร์ชั้นนำทั่วโลก จึงทำให้เราสามารถนำประสบการณ์ที่หลากหลายและตัวอย่างความสำเร็จจากตลาดอื่นมาปรับใช้กับประเทศไทยได้

รูปแบบธุรกิจใหม่ ๆ จาก 5G สำหรับผู้บริโภค ได้แก่ การให้บริการในรูปแบบ Virtual Reality (VR), Augment Reality (AR), การเล่นเกมแบบ Cloud Gaming ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเต็มรูปแบบการถ่ายทอดสดออนไลน์ (Live-streaming) ด้วยความละเอียดระดับ 4K หรือผ่าน VR/AR เป็นต้น

สำหรับภาคธุรกิจองค์กร 5G จะเข้าไปมีบทบาทได้ทั้งในด้านอุตสาหกรรมและเกษตรกรรม โดยสามารถพัฒนาโซลูชั่นเพื่อตอบโจทย์ในสามเรื่องหลัก ได้แก่

  • การเพิ่มจำนวนผลผลิต
  • ลดจำนวนสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ที่มีตำหนิ หรือไม่ได้มาตรฐาน
  • ลดต้นทุนให้แก่กระบวนการผลิตและการดำเนินการ

นอกจากนี้ 5G ยังจะช่วยยกระดับ Digital Society ของประเทศไทย ได้แก่ การต่อยอดมาตรฐานของภาคสาธารณสุข การสนับสนุนภาคการศึกษาออนไลน์ และการสร้างความเท่าเทียมทางดิจิทัลให้ทั่วถึงทุกพื้นที่ ซึ่งจะช่วยพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ พร้อมกันนี้ 5G ก็ยังมีบทบาทในการผลักดัน Digital Economy ของประเทศ ได้แก่ ภาคเกษตรกรรม ภาคอุตสาหกรรม ภาคอีคอมเมิร์ซ และภาคการท่องเที่ยว เป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยผลักดันภาคเศรษฐกิจในประเทศไทยให้เดินหน้าต่อได้ภายใต้ความท้าทายที่เกิดขึ้น ดังจะเห็นได้จากการที่หลายประเทศหันมาใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อช่วยผลักดันเศรษฐกิจในขณะนี้

การประยุกต์ใช้เทคโนโลยี 5G เพื่อช่วยโปรโมตภาคการท่องเที่ยวของไทยตัวอย่างของการนำ 5G มาโปรโมทภาคการท่องเที่ยวก็คือการท่องเที่ยวแนวธรรมชาติเพื่อชมการเกษตรแบบอัจฉริยะ (Smart Agriculture) ซึ่งจะทำให้เกิดประโยชน์ใน 3 รูปแบบพร้อมกัน ได้แก่ ช่วยให้เกษตรกรมีผลผลิตทางด้านการเกษตรที่ดีขึ้น ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาเยี่ยมชม Smart Farm และสร้างรายได้เพิ่มให้แก่เกษตรกรจากการเพิ่มโอกาสในการจำหน่ายสินค้าท้องถิ่น

เทคโนโลยี 5G ยังสามารถนำมาเสริมการท่องเที่ยวในประเทศได้โดยผ่านมัลติมีเดียใหม่ เพื่อสร้าง Immersive Experience สร้างคอนเทนต์โปรโมตสถานที่ท่องเที่ยว โรงแรม หรือร้านอาหารต่างๆ ในรูปแบบ VR/AR ร่วมกับยูทูบเบอร์ชื่อดังและผู้ผลิตคอนเทนต์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างประสบการณ์ Unseen Thailand ใหม่ ๆ และการท่องเที่ยวที่แตกต่างให้แก่นักท่องเที่ยว เสริมการใช้ชีวิตวิถีใหม่ และยังดึงดูดให้นักท่องเที่ยวชาวไทยเกิดความต้องการท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้น

การประยุกต์ใช้ 5G เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ภาคการท่องเที่ยวประเทศไทยได้มีการนำเทคโนโลยี 5G มาประยุกต์ใช้เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ภาคการท่องเที่ยว ด้วยการรับมือกับสถานการณ์โควิด-19 เช่น เพิ่มช่องทางการวินิจฉัยโรคทางไกลแบบ Telemedicine ให้กับแพทย์ และใช้โซลูชัน AI เพื่อช่วยแพทย์วินิจฉัยผู้ป่วยโควิด-19 ได้เร็วขึ้น ด้วยมาตรฐานการคัดกรองที่ทันสมัย ร่วมกับศักยภาพของทีมแพทย์ที่มีผลงานอยู่ชั้นแนวหน้าของภูมิภาคนี้ นับว่าช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับการท่องเที่ยวอีกทางหนึ่ง

“อีกรูปแบบการใช้งานคือการนำเครือข่าย 5G มาปรับใช้ในโซลูชั่น Smart Airport เพื่อยกระดับความเชื่อมั่นและช่วยให้ประเทศไทยกลับมาเป็นจุดหมายของนักท่องเที่ยวทั้งในไทยและต่างประเทศได้อย่างรวดเร็วขึ้น” นายวรกานกล่าวสรุป

ทั้งนี้ หัวเว่ย ประเทศไทย ยังคงให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งกับการผลักดัน 5G ในประเทศไทย เพื่อรองรับการก้าวเข้าสู่ การเปลี่ยนผ่านเชิงดิจิทัล (Digital Transformation) และการสร้าง 5G อีโคซิสเต็มอย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งยังช่วยส่งเสริมให้เกิดโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีอย่างครอบคลุมทั่วประเทศ เพื่อการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยปัจจุบัน หัวเว่ยเป็นผู้นำเทคโนโลยีด้าน 5G ในระดับโลก ซึ่งมีลูกค้าและพาร์ทเนอร์ชั้นนำด้าน 5G ทั้งในไทยและต่างประเทศ และยังคงทำงานอย่างใกล้ชิดกับโอเปอเรเตอร์ทุกรายในไทยในการส่งมอบเครือข่าย 5G ระดับคุณภาพที่ครอบคลุมทุกพื้นที่ โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ประเทศไทยเกิดการลงทุนและพัฒนาด้านไอทีอย่างต่อเนื่อง

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส