เมื่อวันศุกร์ที่ 9 ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ของจีน ได้ออกมากล่าวว่า จีนจะผลักดันนโยบายที่เอื้อให้ผู้ผลิตเทคโนโลยีชั้นสูงเข้ามาเพิ่มมากขึ้น เพื่อรองรับการเป็นประเทศเศรษฐกิจอันดับ 2 ของโลก

ตามข้อมูลการจัดอันดับประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของโลก ปี 2562  (สรุปจาก World Economic Outlook Database : WEO, April 2019) ประเทศจีน (GDP: 14,217 พันล้านเหรียญสหรัฐ) มีเศรษฐกิจเป็นอันดับที่ 2 ของโลกรองจากสหรัฐอเมริกา (GDP: 21,345 พันล้านเหรียญสหรัฐ) ที่รายได้ยังห่างกันประมาณ 7 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ข้อมูลจาก knoema.com)

GDP Ranked by Country 2019

กระทรวงพาณิชย์ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ปริมาณการส่งออกจะขยายตัวอย่างเกิดคาดในครึ่งปีหลัง 2562 นี้

นอกจากนี้ เมื่ออังคาร ที่ 6 สิงหาคมสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลจีนประกาศจะทำตามนโยบายภาษีพิเศษในเขตการค้าเสรีเซี่ยงไฮ้ ซึ่งจะเพิ่มออปชันใหม่ คือ ให้ใบอนุญาตนำเข้าน้ำมันดิบแก่บริษัทที่ผ่านการรับรอง และออกนโยบายภาษีพิเศษเพื่อเอาใจบริษัทที่ดำเนินงานด้าน AI, การบินพลเรือน เซมิคอนดักเตอร์ และภาคเภสัชศาสตร์ชีวภาพ

นโยบายนี้ถือว่า ยิงปินนัดเดียวได้นกถึงสองตัว เพราะว่านอกจากจีนจะสามารถดูดผู้ผลิตเทคโนโลยีชั้นสูงรายใหม่เข้ามาได้เพิ่มมากขึ้นแล้ว ยังส่งผลช่วยให้รักษาผู้ผลิตรายเก่า เนื่องจากมีกระแสข่าวของแผนการย้ายฐานการผลิตออกมาอย่างต่อเนื่อง (เช่น แอปเปิล, นินเทนโด และอีกหลายบริษัท) หลังจากที่เกิดสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ในยกแรก และได้เริ่มเข้าสู่ยกที่สองเมื่อเร็วๆ นี้

อ้างอิง

 

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส