เข้าสู่เดือนแห่งความรักที่มีวันที่ 14 กุมภาพันธ์-วันวาเลนไทน์แล้ว การเลือกหนังรักที่ทั้งสนุก ทั้งขื่นขม ทั้งหอมหวาน ทำให้คนดูได้เติบโตผ่านวันแวลา หรือได้หวนรำลึกถึงความหลัง ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจไม่แพ้การออกไปทำกิจกรรมกับนอกบ้าน ทั้งสำหรับคนที่มีคู่และคนที่อาจจะต้องใช้เวลาอยู่กับตัวเองในปีนี้ไปก่อน รักตัวเองอย่างมีความสุขกับหนังสักเรื่องก็เป็นช่วงเวลาที่ดีนะ

ในโอกาสนี้ What The Fact ขอแนะนำหนังรักในตำนาน 10 เรื่องที่ถูกพูดถึงมาตลอดหลายสิบปี บางเรื่องแม้จะเข้าฉายในโรงมานานแล้ว แต่ก็ยังมีคอหนังตามหามาชมกันอยู่ และยิ่งง่ายขึ้นกว่าเดิมมาก เพราะตอนนี้หลายเรื่องก็สตรีมมิงมาให้ดูกันได้แล้วบน Netflix รีบดูก่อนจะโดนถอดจากโปรแกรมละ

รักที่ได้เรียนรู้: (500) Days of Summer (2009)

(500) Days of Summer

(500) Days of Summer (2009)

  • นักแสดง: Joseph Gordon-Levitt, Zooey Deschanel, Chloe Grace Moretz
  • ผู้กำกับ: Marc Webb (The Amazing Spider-Man, Gifted)
  • คะแนนใน Rotten Tomatoes: 85%
  • ทำไมถึงไม่ควรพลาด: หนังในตำนานอีกเรื่องที่พูดถึงการได้เรียนรู้ความรัก ผ่านตัวละคร “ทอม” ชายหนุ่มที่ได้เจอกับความรักจากสาวสวย “ซัมเมอร์” ในช่วงเวลาหนึ่งของชีวิต เขาคิดว่าความรักที่ได้พบคือรักแท้ที่เต็มไปด้วยความสวยงาม แต่เขาก็ได้พบกับความจริงในท้ายที่สุดว่า ความรักก็อาจมีวันหมดอายุ และแม้ว่าจะใช่ในวันหนึ่ง อีกวันหนึ่งก็อาจจะไม่ใช่คนที่เกิดมาคู่กันอีกแล้วก็ได้ หนังฉลาดที่เลือกจะเล่าความสัมพันธ์แบบไม่เรียงลำดับเวลา โดยใช้วันแต่ละวันในทั้งหมด 500 วันของความสัมพันธ์หยิบมาเล่า ซึ่งคนดูจะเห็นว่าในช่วงแรกน้ำต้มผักก็ว่าหวาน ส่วนตอนท้ายก็จะได้เห็นทอมเติบโตขึ้น ได้รู้จักกับความรักมากขึ้นผ่านการใช้ชีวิตที่ไม่เดียงสาของเขาเอง ทำให้รู้ว่าบางครั้งไม่ต้องหาว่า ใครถูกใครผิดในจุดจบของความสัมพันธ์ เพียงแค่ปล่อยให้มันเป็นไป เรียนรู้ เข้าใจ และก้าวเดินต่อไปให้ได้ #มู้ปอร

รักแท้ปาฏิหาริย์: Meet Joe Black (1998)

Meet Joe Black

Meet Joe Black (1998)

  • นักแสดง: Brad Pitt, Anthony Hopkins, Claire Forlani, Marcia Gay Harden
  • ผู้กำกับ: Martin Brest (Midnight Run, Scent of Woman)
  • คะแนนใน Rotten Tomatoes: 53%
  • ทำไมถึงไม่ควรพลาด: อีกหนึ่งหนังรักในสไตล์ดรามาติกของยุค 90s ที่มาก่อนกาลเพราะในเวลาที่หนังเข้าฉายนั้นไม่ประสบความสำเร็จทั้งจากผู้ชมทั่วไปและนักวิจารณ์ ดัดแปลงหลวม ๆ จากหนังเก่าปี ค.ศ.1934 เรื่อง Death Takes a Holiday ซึ่งหนังที่ยาวกว่า 3 ชั่วโมงและถ่ายทำด้วยงบที่บานปลายทำให้กลายเป็นหนึ่งในความล้มเหลวของค่ายหนัง Universal แต่ในภายหลังอย่างเมื่อปี 2019 ที่ผ่านมา มีผู้ใช้ทวิตเตอร์ชื่อว่า “โรส โอ’ เชีย” นำฉากอุบัติเหตุในเรื่องมาทวีตว่า “ฉากหนึ่งนาทีที่งี่เง่าที่สุดในหนังเท่าที่ฉันเคยดูมา” จนมีผู้แชร์ต่อนับหมื่นและกดไลก์เป็นแสน ทำให้เด็กรุ่นใหม่ผู้ใช้ทวิตเตอร์หลายคนรู้จักกับหนังรักที่บอกเล่าเรื่องของยมทูตแห่งความตายที่จำแลงมาในรูปร่างมนุษย์ เพื่อมาเตือนแก่ชายชราคนหนึ่งว่าถึงเวลาอำลาจากโลกนี้ซึ่งไม่มีสิ่งใดจีรังยั่งยืน เน้นถึงเรื่องคุณค่าและความงามของชีวิต Meet Joe Black ติดเทรนด์ทวิตเตอร์ปี 2019 จนมีคนแซวในโลกออนไลน์ว่า นี่คนเข้าไปดูหนังตั้งแต่ตอนที่มันเข้าฉายปี 1998 แล้วเพิ่งเดินออกจากโรงมาเหรอ?

รักไปเกลียดไป : 10 Things I Hate About You (1999)

10 Things I Hate About You

10 Things I Hate About You (1999)

  • นักแสดง: Heath Ledger, Joseph Gordon-Levitt, Julia Stiles, Larisa Oleynik
  • ผู้กำกับ: Gil Junger (10 Things I Hate About Life, If Only, Black Knight)
  • คะแนนใน Rotten Tomatoes: 68%
  • ทำไมถึงไม่ควรพลาด: ดัดแปลงมาจากบทประพันธ์ของ William Shakespeare เรื่อง The Taming of the Shrew โดยผู้กำกับ Gil Junger ซึ่งถือว่าถือว่าประสบความสำเร็จเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางของหมู่วัยรุ่นอเมริกา ถึงขนาดที่ 10 ปีต่อมามีการนำมาสร้างใหม่ในฉบับทีวีซีรีส์โดยผู้กำกับคนเดิมเลยทีเดียว หนังบอกเล่าเรื่องราวของ “คาเมรอน” (Joseph Gordon-Levitt) หนุ่มน้อยที่เพิ่งย้ายมาใหม่ในโรงเรียน เขาบังเอิญไปตกหลุมรักสาวในฝันอย่าง “เบียนก้า” (Larisa Oleynik) ที่กำลังค้นหาความหมายความรัก แต่เธอกลับคุณพ่อสั่งห้ามเด็ดขาดว่าถ้า “แคท” (Julia Stiles) พี่สาวยังไม่มีแฟน เธอก็ห้ามมี และความที่ แคทเป็นตัวของตัวเองมากและไม่ชอบทำตามใคร จึงไม่ยอมออกเดตกับใครง่าย ๆ คาแมรอนจึงต้องวางแผนกับเพื่อนซี้เพื่อจ้างหนุ่มแบดบอยหัวรั้นของโรงเรียน (Heath Ledger) มาพิชิตใจแคทให้ได้ หนังรักตลกวัยรุ่นเรื่องนี้โด่งดังเพราะมุกตลกที่สาดไม่ยั้ง และเพลง 70s-80s ที่หยิบมาใช้ได้อย่างลงตัว

รักอีกกี่ครั้งก็ยังเป็นเธอ: 50 First Dates (2004)

50 First Dates (2004)

50 First Dates (2004)

  • นักแสดง: Adam Sandler, Drew Barrymore, Rob Schneider, Sean Astin
  • ผู้กำกับ: Peter Segal (Get Smart, Grudge Match, The Longest Yard)
  • คะแนนใน Rotten Tomatoes: 45%
  • ทำไมถึงไม่ควรพลาด: ยืนหนึ่งหนังรักภายใต้บริบทของการวนลูปซ้ำ ๆ ในเหตุการณ์เดิม ทำนองเดียวกันกับ Groundhog Day (1993) และ Edge of Tomorrow (2014) ต่างที่เรื่องนี้เป็นหนังรัก กับการตั้งคำถามว่าจะทำยังไงให้แฟนที่เป็นโรคความจำเสื่อมรายวัน ตกหลุมรักคุณใหม่ได้ทุกวันที่ลืมตาตื่นขึ้นมา เรื่องราวของ “เฮนรี่ ร็อธ” (Adam Sandler) ชายหนุ่มคนที่ไม่เคยคิดอยากผูกมัดกับใคร ที่ดันไปตกหลุมรักหญิงสาวหน้าตาน่ารัก “ลูซี่ วิทมอร์” (Drew Barrymore) แต่น่าเสียดายที่ทุก ๆ วันความทรงจำของเธอจะถูกลบไปเพราะผลกระทบจากอุบัติเหตุรถชน เพียงแค่ 24 ชั่วโมงที่จะจดจำได้ ไม่ว่าวันนี้ทั้งคู่จะได้รักกัน พูดคุยหรือปิ๊งรักกันได้ดีแค่ไหน แต่พรุ่งนี้เขาจะกลับไปอยู่ในสถานะคนแปลกหน้าของเธอ ซึ่งหมายถึงการกลับไปเริ่มต้นทำให้เธอตกหลุมรักเขาอีกครั้ง หนังชวนตั้งคำถามกับคนดูว่า ถ้าเราเป็นเฮนรี่จะยังเลือกจะยืนอยู่เคียงข้างลูซีแบบนั้น หรือเลือกจะเดินจากมา เพราะเขาทำแบบนั้นได้ทุกวัน และในทุกความสัมพันธ์ย่อมจะมีคนที่รักมากกว่าอีกคนเสมอ

รักยากลืมยาก: Eternal Sunshine of the Spotless Mind (2004)

Eternal Sunshine of the Spotless Mind (2004)

Eternal Sunshine of the Spotless Mind (2004)

  • นักแสดง: Jim Carrey, Kate Winslet, Mark Ruffalo, Elijah Wood, Kirsten Dunst
  • ผู้กำกับ: Michel Gondry (The Green Hornet, Sorry to Bother You)
  • คะแนนใน Rotten Tomatoes: 93%
  • ทำไมถึงไม่ควรพลาด: หนังที่ชนะรางวัลออสการ์สาขาบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม และส่งชื่อให้นักแสดง Kate Winslet เข้าชิงนำหญิงยอดเยี่ยมครั้งที่ 4 เกี่ยวกับความพยายามอยากจำกลับลืม อยากลืมกลับจำ ที่ทำให้นักแสดงที่เล่นหนังตลกมาตลอดอย่าง Jim Carrey ได้มีหนังดราม่าขายฝีมือทางการแสดงกับเขาด้วย เบื้องหลังการสร้างที่น่าสนใจคือ ในเวลานั้น Jim Carrey เพิ่งจะเลิกรากับคู่หมั้นนักแสดงสาว Renée Zellweger มาหมาด ๆ ซึ่งพอผู้กำกับ Michel Gondry รู้เข้า ก็เลยจ้างนักแสดงประกอบที่หน้าเหมือน Renée มาเข้าฉากเป็นหนึ่งในตัวละครที่เลิกกับตัวละครของ Jim ซึ่งทำให้ตลอด 1 ปี Jim จะอยู่ในภาวะอกหักตลอดที่เจอหน้ากับนักแสดงหญิงคนนี้ ก่อนที่ Michel จะตัดฉากของนักแสดงคนนั้นออกจากหนังทั้งหมด (จริง ๆ ก็คือ จ้างมาแค่เพื่อให้ Jim ซึมเศร้ากับการอกหักไปตลอด 1 ปี นั่นเอง!) ความรัก ความสุข และความทรงจำเป็นสิ่งที่ทำให้นึกย้อนไปถึงเรื่องราวทั้งดีและไม่ดีที่เคยได้ใช้กับใครสักคน ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็จะช่วยทำให้คุณทั้งขมขื่นและยิ้มรื้นไปกับคราบน้ำตาอย่างแน่นอน

รักที่ไม่อาจร่วมทาง: The Notebook (2004)

The Notebook (2004)

The Notebook (2004)

  • นักแสดง: Ryan Gosling, Rachel McAdams, James Marden, James Garner, Joan Allen
  • ผู้กำกับ: Nick Cassavetes (My Sister’s Keeper/John Q)
  • คะแนนใน Rotten Tomatoes: 53%
  • ทำไมถึงไม่ควรพลาด: นวนิยายเล่มที่สามของเจ้าพ่อหนังสือรักอย่าง Nicholas Sparks ที่ถูกนำมาดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ตามหลัง A Walk to Remember (2002) และจนถึงขณะนี้มีหนังจาก Sparks สิริรวม 11 เรื่องและเรื่องนี้ทำรายได้สูงที่สุด) เล่าเรื่องของ ชายวัยชราผู้หนึ่งที่เล่าเรื่องซึ่งถูกจดบันทึกไว้ในสมุดเล่มหนึ่งให้เพื่อนหญิงในวัยเดียวกันที่บ้านพักคนชราฟัง เรื่องราวในสมุดเล่มนั้นคือ ความรักของหนุ่มสาววัยเริ่มรู้จักความรักที่เป็นดั่งเส้นขนานที่ได้มาบรรจบและแยกทางกันไปในหลายครั้งหลายคราของชีวิต นำแสดงโดย Ryan Gosling และ Rachel McAdams ที่แสดงได้เป็นธรรมชาติ และ James Garner (เรื่องรองสุดท้ายแล้วปู่ก็ไม่เล่นหนังอีกเลย) ที่เล่นได้ซึ้งมากในฉากตอนท้ายร่วมกับ Joan Allen หรือแม้แต่ James Marden ที่เล่นนิดเดียว หนังสวยงามสำหรับผู้ที่อยากจะคล้อยตามไปกับหนังรักโรเมนติกข้ามพ้นวัย ข้อดีของหนังเรื่องนี้คือ การให้เหตุผลในการกระทำของตัวละครทุกตัว ทำให้หนังมีตัวละครที่เต็มไปด้วยเหตุผลในหนังที่เรื่องราวไม่ค่อยจะมีเหตุผลอย่างไม่เคอะเขิน นอกจากนั้นยังถ่ายทำฉากทั้งหลายได้สวยงามหมดจด

รักที่งอกงามในเวลาแค่ 1 คืน: Before Sunrise (1995)

Before Sunrise (1995)

Before Sunrise (1995)

  • นักแสดง: Ethan Hawke, Julie Delphy
  • ผู้กำกับ: Richard Linklater (Before Sunset, Before Midnight, Boyhood)
  • คะแนนใน Rotten Tomatoes: 100%
  • ทำไมถึงไม่ควรพลาด: จุดเริ่มต้นของหนังรักเต็มไปด้วยบทสนทนาความรักที่เพลิดเพลิน จนสร้างมาแล้วจนจบไตรภาคที่ Before Midnight ในปี 2013 เรื่องราวของ “เจสซี” หนุ่มอเมริกัน และ “ซีลีน” สาวฝรั่งเศส พวกเขาพบกันบนรถไฟระหว่างทางไปกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย และทั้งคู่ได้ใช้เวลาหนึ่งคืนเดินเล่นรอบเมืองเพื่อทำความรู้จักกัน ก่อนที่เจสซีต้องเดินทางกลับอเมริกาในวันรุ่งขึ้น ส่วนซีลีนก็มีความตั้งใจที่จะกลับไปเรียนต่อที่ประเทศฝรั่งเศส พวกเขาได้มีโอกาสแบ่งปันเรื่องราวของตนเองอย่างอย่างที่เชื่อว่าคงจะไม่ได้พบกันอีก หนังมีแรงบันดาลใจจากเหตุการณ์จริงของผู้กำกับที่ได้พบกับผู้หญิงที่ชื่อ Amy Lehrhaupt ในปี 1989 ที่ฟิลาเดลเฟีย Richard ใช้เวลาอยู่กับเธอเป็นเวลา 1 คืนอย่างแสนประทับใจ ในปี 1994 เธอเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ไม่กี่สัปดาห์ก่อนที่ Richard จะเริ่มถ่ายหนังเรื่องนี้ และกว่าที่เขาจะรู้ว่า Amy เสียชีวิตเวลาก็ผ่านมาถึงปี 2010 แล้ว ผู้กำกับจึงสร้างหนังเรื่อง Before Midnight หนังปิดไตรภาคเพื่ออุทิศให้กับเธอ

รักแท้ของวัยเก๋าหัวร้อน: As Good As It Gets (1997)

As Good As It Gets (1997)

As Good As It Gets (1997)

  • นักแสดง: Jack Nicholson, Helen Hunt, Greg Kinnear, Cuba Gooding Jr.
  • ผู้กำกับ: James L. Brook (Terms of Endearment, Broadcast News, Spanglish)
  • คะแนนใน Rotten Tomatoes: 85%
  • ทำไมถึงไม่ควรพลาด: หนังที่ให้คุณค่ากับประเด็นการลดความเห็นแก่ตัวด้วยการเป็นผู้ให้นั้น ย่อมเป็นความสุขที่แท้จริงเหนือสิ่งอื่นใด กวาดมาแล้วทั้งรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม (Jack Nicholson) และนำหญิงยอดเยี่ยม (Helen Hunt) จากเวทีออสการ์เมื่อปี 1997 รวมทั้งกวาดรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมประเภทภายนตร์เพลงหรือตลก รวมถึงรางวัลนักแสดงนำชายและหญิงยอดเยี่ยมจากเวทีลูกโลกทองคำมาแล้ว หนังเล่าเรื่องราวของ “เมลวิน ยูดัล” หนุ่มใหญ่นักเขียนนวนิยายรักโรแมนติกฐานะดีและจะประสบความสำเร็จในอาชีพการงาน แต่ชีวิตเขากลับไม่สมบูรณ์แบบอย่างที่คนภายนอกเห็น เขาเป็นคนจิตใจคับแคบ อารมณ์ร้าย และชอบพูดจาถากถางคนอื่น ทุกเช้าเมลวินจะไปกินอาหารเช้าที่ร้านเจ้าประจำและจะต้องนั่งที่โต๊ะตัวเดิม พนักงานเสิร์ฟทุกคนเอือมระอาเขา มีเพียงแต่ “แครอล คอนเนลร์” พนักงานเสิร์ฟแม่หม้ายลูกติดที่ป่วยเป็นโรคหืด เพียงคนเดียวที่ใจเย็นพอที่จะรองรับอารมณ์อันร้ายกาจของเขาได้ คนดูต้องมาลุ้นกันว่า เมลวินจะซึมซับและสัมผัสถึงความอ่อนหวานจนยอมเปิดใจ และแครอลจะลงเอยความรักกับหนุ่มใหญ่คนนี้ได้หรือไม่   

รักนะเด็กโง่: Crazy, Stupid, Love (2011)

Crazy Stupid Love

Crazy Stupid Love (2011)

  • นักแสดง: Steve Carell, Ryan Gosling, Julianne Moore, Emma Stone, Marisa Tomei
  • ผู้กำกับ: Glenn Ficarra and John Requa (Focus, Whiskey Tango Foxtrot, I Love You Phillips Morris)
  • คะแนนใน Rotten Tomatoes: 79%
  • ทำไมถึงไม่ควรพลาด: Ryan Gosling ได้เข้าชิงรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม ประเภทภาพยนตร์เพลงหรือตลกเรื่องนี้ รวมถึงยังเป็นหนังที่คู่จิ้นอย่าง Gosling และ Emma Stone ได้แสดงบทคู่รักร่วมกันก่อนจะมาเจอกันอีกทีที่ La La Land (2016) หนังเพลงรักที่เกือบจะคว้าออสการ์ภาพยนตร์ยอดเยี่ยมได้สำเร็จ Crazy, Stupid, Love ว่าด้วยเรื่องของ “คาล” (Steve Carell) และ “เอมมิลี่” (Julianne Moore) สามีภรรยาคู่หนึ่งที่กำลังจะหย่ากัน เพราะว่าฝ่ายหญิงเบื่อสามีขึ้นมาเสียอย่างนั้น แถมยังแอบไปมีสัมพันธ์ลับ ๆ กับเพื่อนในที่ทำงานเดียวกันอีก คาลซึ่งตอนแรกยอมรับในความพ่ายแพ้ก็เสียผู้เสียคนไปตามระเบียบ  จนได้ไปเจอกับ “เจค็อบ” (Ryan Gosling) หนุ่มเพลย์บอยที่ทุกคืนจะต้องได้หิ้วสาวกลับบ้าน เจค็อบเสนอตัวเข้าช่วยเหลือด้วยการสอนวิธีได้หญิงในบาร์ แต่ถึงยังไงคาลก็ยังลืมเมียเก่าไม่ได้ จึงต้องตามง้อจนเรื่องชุลมุนยุ่งเหยิงในตอนท้ายเรื่อง ส่วนเสือเจค็อบก็ได้มาเจอกับ “นาน่า” (Emma Stone) ที่อาจจะหยุดเสือตัวนี้ได้จริง ๆ หนังมีฉากไคลแมกซ์ชวนหักมุมด้วยความบันเทิงที่ถ้าใครเคยได้ดูแล้วก็จะต้องบอกว่า เป็นฉากหักมุมที่ทำให้หนังทั้งเรื่องสนุกสุด ๆ ขึ้นมาเลย

รักตัวเองให้เป็น: Lost in Translation (2003)

Lost in Translation (2003)

Lost in Translation (2003)

  • นักแสดง: Bill Murray, Scarlett Johansson, Giovanni Ribisi
  • ผู้กำกับ: Sofia Coppola (The Beguiled, The Bling Ring, Marie Antoinette)
  • คะแนนใน Rotten Tomatoes: 95%
  • ทำไมถึงไม่ควรพลาด: ชนะรางวัลในสาขาบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยมบนเวทีออสการ์ปี 2004 สำหรับหนังที่เป็นหัวแถวหนังแห่งความเหงาที่สุดที่โลกใบนี้จะมีได้ (หนังยังได้เข้าชิงสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม (Bill Murray) และผู้กำกับยอดเยี่ยมอีกด้วย) หนังที่ว่ากันว่า Sofia บอกเล่าถึงอดีตสามีอย่างผู้กำกับ Spike Jonze ผู้กำกับเรื่อง Her (2014) ที่ในเรื่องนั้นก็มีกลิ่นของ Lost in Translation อยู่เหมือนกัน หนังเล่าเรื่องของ “บ็อบ แฮริส” (Bill Murray) นักแสดงขาลงวัยกลางคน ที่กำลังประสบปัญหาเบื่อหน่ายภรรยา แล้วยังต้องมารับงานถ่ายโฆษณาที่เขารู้สึกอึดอัดที่ประเทศญี่ปุ่นที่เขาไม่คุ้นเคยอีก ส่วน “ชาล็อต” (Scarlett Johansson) นักศึกษาที่พึ่งจบปริญญาด้านปรัชญา ติดตามสามีที่เป็นช่างภาพมาทำงานที่ญี่ปุ่นเหมือนกัน ด้วยความที่สามีต้องทำงานทั้งวันจึงไม่มีเวลาให้กับเธอ ตลอดเวลาที่เธออยู่คนเดียวจึงรู้สึกเหงาในดินแดนที่ไม่สามารถสื่อสารภาษาตัวเองกับคนอื่นได้ ทั้งบ็อบและชาล็อตจึงมีความเหงาเหมือนกัน จนเมื่อทั้งสองคนเริ่มต้นทักกัน ผูกมิตรกัน จึงตกลงกันออกไปสร้างพื้นที่ส่วนตัวของตัวเอง หนังขึ้นชื่อเรื่องการถ่ายทอดอารมณ์ความเหงาระหว่างคนในเมืองใหญ่ ที่คงได้อิทธิพลมาจากหนังของหว่อง กาไว อย่าง In the Mood for Love (2000) มาพอสมควร ซึ่งก็ทำให้คนดูได้ตั้งคำถามกับตัวเองเหมือนกันว่า ควรจะรักตัวเองให้เป็นได้อย่างไร

 

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส

เนื้อหาล่าสุด

เจาะรายละเอียด X-wing, A-Wing, Tie Fighter และยานอื่น ๆ ใน “Star​ Wars​: Squadrons”

นั่งเดากันมานานพอสมควร​ ในที่สุด​ EA​ ก็ยอมเปิดตัวเกมสตาร์วอร์สโค้ดเนม​ “Project Maverick” ออกมาอย่างเป็นทางการซะที ...อ่านต่อ

หลุดภาพ Samsung Galaxy Note 20 Ultra ตัวจริงเสียงจริง

ในเดือนหน้า Samsung จะมีการจัดงานอีเวนต์ Unpacked ขึ้น เพื่อเปิดตัวผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ มากมาย ซึ่งก่อนหน้าจะถึงงานได้มีข่าวหลุดออกมามากมาย ...อ่านต่อ

Microsoft เตรียมจัดงาน Xbox Games Showcase 23 ก.ค. นี้

บริษัท Microsoft ได้ทวีตข้อความประกาศเตรียมจัดงานถ่ายทอดสด Xbox Games Showcase ในวันที่ 23 กรกฎาคม 2020 เวลา 23:00 น. ตามเวลาประเทศไทย ซึ่งคาดว่าจะนำเสนอเกม First Party ของเครื่อง ...อ่านต่อ

น้ำหอมกลิ่นธรรมดาบนโลกหลบไป น้ำหอมกลิ่น “อวกาศ” ที่ได้รับความร่วมมือในการผลิตจากนาซา

เคยสงสัยไหมว่าในอวกาศกลิ่นมันเป็นอย่างไรนะ น้ำหอมกลิ่นใหม่จะให้คำตอบนี้กับคุณ เว็บไซต์ Kickstarter ได้เปิดแคมเปญรวบรวมเงินทุนเพื่อเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ เป็นน้ำหอมในชื่อ Eau de Space ...อ่านต่อ

“รวมของน่าดู” เดือนกรกฎาคม: หนังเข้าโรงทั้งเก่าและใหม่

กลับสู่สภาวะปกติมากขึ้นแล้วสำหรับบรรยากาศการชมภาพยนตร์ในโรง ที่เดือนกรกฎาคมนี้ก็มีหนังเข้าฉายจำนวนมากเรื่องขึ้นในแต่ละสัปดาห์ ซึ่งก็ต้องนับถือน้ำใจของค่ายหนังต่าง ๆ ...อ่านต่อ

L.A.Noire: The V.R. Case Files จะมาในรูปแบบ VR แนว Open World จาก Rockstar Game

L.A. Noire กำลังถูกพัฒนาให้เป็นเกม VR ภายใต้การดูแลของ Rockstar Games แถมจะเป็นแนว Open World อีกด้วย Video Games Deluxe ได้เผยเกี่ยวกับ L.A. Noire ที่ได้ร่วมทำกับ Rockstar Games ...อ่านต่อ