สำหรับคนที่ไม่ใช่สายเฮลตี้แต่แรก อาจคิดว่าการจะผอม และลดน้ำหนักจะต้องออกกำลังกายอย่างหนัก เช่น การวิ่ง ว่ายน้ำ หรือปั่นจักรยาน ทั้งที่จริงแล้ว การศึกษาจำนวนมากพบว่าการเคลื่อนไหวแบบง่าย ๆ อย่างการเดินที่เราทำอยู่ในทุกวันก็ช่วยลดน้ำหนักได้ หากคุณทำถูกวิธี นอกจากนี้ ข้อมูลยังพบด้วยว่า หากคุณต้องการเบิร์นไขมันสะสมในร่างกาย การเดินเร็วอาจตอบโจทย์มากกว่าการวิ่งด้วยซ้ำ

หลายคนอาจสงสัยว่า ‘ฉันก็เดินอยู่ทุกวัน ไม่เห็นผอมเลย’ ซึ่งในบทความนี้จะมาอธิบายข้อสงสัย เล่าประโยชน์ของการเดิน และวิธีเดินที่ช่วยให้เบิร์นไขมัน และลดน้ำหนักได้มากขึ้นกัน

ปรับพื้นฐานเรื่องการเดินกับการลดน้ำหนัก

โดยปกติแล้ว การที่คนเราอ้วนขึ้นหรือผอมลงเป็นผลมาจากสมดุลระหว่างการนำพลังงานเข้า และนำพลังงานออกจากร่างกาย ซึ่งการนำพลังงานเข้าก็คือการกินอาหาร ส่วนการนำพลังงานออกมีตั้งแต่กลไกภายในร่างกายที่จะใช้พลังงานเพื่อการดำรงชีวิต​ ความพร้อมของร่างกาย และอีกอย่างคือการเคลื่อนไหวร่างกาย อย่างการออกกำลังกายนั่นเอง

น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นจึงหมายถึงการได้รับพลังงานมากกว่าการใช้ และการจะลดน้ำหนักก็ต้องให้ร่างกายใช้พลังงานมากกว่าการได้รับ

ดังนั้น แม้ต่อให้เราเดินทุกวันด้วยระยะทางเท่าเดิม เวลาเท่าเดิม แต่เรายังคงกินอาหารมากกว่าการเผาผลาญที่เราใช้ไปในแต่ละวัน ผลลัพธ์ในการลดความอ้วนก็ยังคงเหมือนเดิมนั่นเอง การจะปรับให้การเดินสามารถช่วยลดน้ำหนักได้จึงต้องอาศัยหลายปัจจัยควบคู่ไป ซึ่งจะขอเล่าในหัวข้อถัดไป

วิธีเดินอย่างไรให้ผอมลง?

การกินแบบเดิม เดินแบบเดิมย่อมให้ผลลัพธ์แบบเดิม แต่ถ้าคุณปรับสิ่งเหล่านี้เพียงเล็กน้อย ให้เวลา และให้ใจกับมันมากขึ้น ผลลัพธ์ที่ออกมาอาจน่าพึงพอใจกว่าที่คุณคิด ซึ่งวิธีการเดินต่อไปนี้ช่วยได้

1. เดินให้นานขึ้น

ข้อมูลทางการแพทย์แนะนำให้ออกกำลังกาย 150 นาที/สัปดาห์ เฉลี่ย 20 นาที/วัน โดยช่วงเวลา 20 นาที/วันเป็นช่วงเวลาที่มีงานวิจัยยืนยันแล้วว่าเป็นระยะเวลาที่ร่างกายจะเริ่มดึงพลังงานสะสมในร่างกายมาใช้ ซึ่งก็คือไขมันที่อยู่ตามอวัยวะ ใต้ชั้นผิวหนัง และในหลอดเลือด

ดังนั้น ถ้าคุณอยากเดินแล้วผอมลง ขั้นต่ำที่คุณต้องทำในแต่ละวัน คือ มากกว่า 20 นาที เพราะในช่วง 20 นาทีแรกร่างกายจะใช้พลังงานที่คุณได้รับมาในวันนี้ก่อน และหลังจากช่วงเวลานี้ไปแล้วร่างกายถึงจะดึงไขมันสะสมที่เป็นต้นเหตุของน้ำหนักตัวไปใช้ โดยคุณอาจเริ่มเดินตั้งแต่ 25 นาที/วัน และเพิ่มไปเรื่อย ๆ

2. เดินให้เร็วขึ้น

อัตราการเต้นของหัวใจที่เพิ่มขึ้น หรือการที่หัวใจเต้นเร็วขึ้นในช่วงที่เราออกกำลังกายหมายถึงการทำงานของร่างกายที่เพิ่มขึ้น และการใช้พลังงานที่มากขึ้น การเดินด้วยความเร็วปกติแบบที่คุณเดินไปร้านสะดวก หรือเดินไปซื้อกาแฟหน้าปากซอยอาจทำให้ผลลัพธ์จากการเดินนั้นเห็นได้ช้า

การก้าวเท้าให้เร็วมากขึ้นอีกหน่อยจะช่วยเร่งการเผาผลาญเพิ่มมากขึ้น ซึ่งหากเป็นไปได้ผู้เขียนขอแนะนำสิ่งที่เรียกว่า ‘การเดินแบบโซน 2’ โดยปกติอัตราการเต้นของหัวใจจะแบ่งออกเป็น 5 โซน ในโซนที่ 2 หัวใจของเราจะเต้นอยู่ที่ 60–70 เปอร์เซ็นต์ของอัตราการเต้นหัวใจสูงสุด (220 – อายุ = อัตราการเต้นสูงสุดของหัวใจ) โดยในโซนนี้จะช่วยเบิร์นพลังงานจากไขมันสะสมในร่างกายได้มากที่สุด และเป็นโซนที่เหนื่อยไม่มากนัก

ซึ่งหากใครอยากลองเดินแบบโซน 2 ลองคำนวณหาโซน 2 ของตัวเองดู ถ้าใครมีสมาร์ตวอตช์ หรือเดินบนลู่วิ่งไฟฟ้าก็คอยเช็กดูว่าอัตราการเต้นของหัวใจอยู่ในโซน 2 รึเปล่า ถ้าไม่มีอุปกรณ์ให้ลองพูดเป็นประโยค ถ้าคุณสามารถพูดจบประโยคได้ สลับกับการหายใจ แล้วพูดประโยคใหม่ได้ อาจบอกได้คร่าว ๆ ว่าหัวใจคุณกำลังเต้นอยู่ในโซน 2

3. เดินให้ถี่ขึ้น

ถ้าคุณกำลังวางแผนว่าจะเดินวันละชั่วโมงเพื่อลดน้ำหนักในช่วงแรก คุณอาจเสี่ยงต่อการล้มเหลวในการลดน้ำหนัก เพราะมันอาจหนักเกินไปสำหรับมือใหม่ คุณยังไม่ล้มเลิกในวันแรก แต่ในวันถัด ๆ ไปก็ไม่แน่ สิ่งที่ผู้เขียนอยากแนะนำ คือ เน้นการเดินเป็นประจำ 4–6 วัน/สัปดาห์ หรือเท่าที่ทำได้ มากกว่าการเดินเยอะ ๆ ภายในวันเดียวเพื่อลดความเหนื่อยในแบบที่ไม่คุ้นเคย

อีกอย่างหนึ่ง คือ ร่างกายมีสิ่งที่เรียกว่า After Burn Effect ภาวะนี้จะเกิดขึ้นภายหลังจากออกกำลังกาย โดยร่างกายจะเผาผลาญพลังงานเพิ่มมากขึ้นกว่าปกติต่อเนื่องไปอีก 12 – 24 ชั่วโมง ดังนั้น การที่เราเดินหรือออกกำลังกายได้ถี่ขึ้น จะช่วยให้เราได้โบนัสการเผาผลาญมากขึ้นเรื่อย ๆ ทุกวัน และส่งผลให้เห็นผลลัพธ์ในการลดน้ำหนักได้เร็วขึ้น

4. เดินให้สนุกขึ้น

การออกกำลังกายที่อาจเรียกได้ว่าเหนื่อยน้อยที่สุด อย่างการเดินอาจเป็นเรื่องเครียดสำหรับหลายคน แต่ผู้เขียนอยากให้คุณลองปรับมายด์เซตในการเดิน หรือการออกกำลังกายใหม่ว่าเป็นเรื่องปกติที่ถ้าหากเราอยากมีสุขภาพดี เราต้องทำแบบนี้แต่แรกอยู่แล้ว มองสิ่งนี้ให้เหมือนกันการอาบน้ำ กินอาหาร ให้มันเป็นส่วนหนึ่งของกิจวัตร แล้วเราจะเครียดกับมันน้อยลง

หรืออีกวิธี คือ เบี่ยงเบนความสนใจจากความเหนื่อย และเบื่อหน่ายในการเดินด้วยการฟังเพลง ฟังพอดแคสต์ระหว่างเดิน ลองชวนเพื่อน หรือคนในบ้านไปเดินด้วยเพื่อสร้างสีสันให้กับกิจกรรม แล้วคุณจะคุ้นชินกับมันมากขึ้น

เรื่องกินเรื่องใหญ่ แต่ไม่ได้อยากอย่างที่คิด

อย่างที่ได้บอกไปในหัวข้อแรกว่าการลดน้ำหนัก คือ การปรับสมดุลของการนำพลังงานเข้า และออก อาหารเลยเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญอย่างมากที่จะทำให้การออกแรงเดินของคุณไม่สูญเปล่า และเห็นผลเร็วขึ้น

แม้จะปรับเปลี่ยนเรื่องอาหาร แต่สำหรับช่วงเริ่มต้น คุณไม่จำเป็นต้องกินคลีน กินอกไก่ หรือกินผักเป็นกำ ๆ ก็ได้ แต่อยากให้ใส่ใจเรื่องประเภท และปริมาณพลังงาน เช่น ปกติคุณกินข้าวขาหมูพิเศษเนื้อหนัง อาจลองปรับมาเป็นเนื้อล้วน หรือลดหนังลงครึ่งหนึ่ง เลือกเมนูต้ม นึ่ง หรือย่างแทนของผัด หรือของทอด 

ทั้งนี้ก็เพื่อช่วยให้คุณสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินทีละเล็กน้อย โดยที่ไม่ฝืนจนเกินไป เพราะถ้าไม่เคยกินอาหารคลีนเลย แล้วต้องกล้ำกลืนฝืนทนกินสลัดอกไก่ ไม่นานก็อาจตบะแตก หรือถ้าทนได้ก็อาจเครียด และส่งผลเสียอื่นตามมา เก็บความอดทนเหล่านี้เฉลี่ยไปใช้ในการออกกำลังกาย และพาตัวเองออกไปเดินทุกวันดีกว่า

ปรับมายด์เซตในการลดน้ำหนัก

ไม่ว่าคุณจะลดน้ำหนักด้วยการเดิน หรือวิธีไหนก็ตาม สิ่งที่คุณต้องปรับ คือ มายด์เซตในการลดน้ำหนัก ผู้เขียนขอแนะนำว่าอย่ามองการลดน้ำหนักเป็นเป้าหมายระยะสั้นที่คุณจะต้องทำให้ได้ภายใน 1 หรือ 2 เดือน แล้วหยุดทุกอย่างเมื่อน้ำหนักลงตามที่หวัง

แต่อยากให้มองว่าการลดน้ำหนัก การออกกำลังกาย การเลือกกินอาหารที่ดีเป็นสิ่งที่มนุษย์ที่อยากมีสุขภาพดี หรือหุ่นดีต้องทำต่อเนื่องไปตลอดชีวิต แม้จะดูยาวนาน แต่ในขณะเดียวกันคุณจะไม่รู้สึกกดดันมาก เน้นทำไปเรื่อย ๆ อย่างสม่ำเสมอเพื่อสร้างความเคยชินให้กับร่างกาย แต่ถึงอย่างนั้นก็อย่าปล่อยใจเกินไป วินัยเป็นสิ่งสำคัญมาก

นอกจากการเดิน และการกินแล้ว การจัดการกับความเครียดอย่างเหมาะสม และการพักผ่อนให้เพียงพอก็มีส่วนช่วยรักษาการทำงานของระบบเผาผลาญ ช่วยควบคุมความหิว และอิ่มของร่างกายด้วยเหมือนกัน แล้วถ้าคุณสามารถบาลานซ์การออกกำลังกาย การกิน การพักผ่อนได้ ไม่ใช่แค่น้ำหนักตัวที่จะลดลง คุณจะได้สุขภาพที่ดี ทั้งร่างกาย และจิตใจ รวมไปถึงความเป็นอยู่ที่ดีด้วย นอกจากนี้ อาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคอ้วน โรคหัวใจ โรคเบาหวาน และโรคมะเร็งได้

สำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องการเดิน ปัญหากล้ามเนื้อและกระดูก น้ำหนักตัวมาก หรือมีโรคประจำตัว ลองปรึกษาแพทย์ก่อนการออกกำลังกายทุกชนิดเพื่อความปลอดภัย

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส

เนื้อหาล่าสุด

ไลน์อัป Google Pixel อาจมีฟีเจอร์ใหม่ ‘Adaptive Touch Sensitivity’ ปรับแต่งความไวต่อการสัมผัสได้

Android Police ขุดค้นข้อมูลโค้ดและพบว่า สมาร์ตโฟน Google Pixel อาจได้รับฟีเจอร์ใหม่ 'Adaptive Touch Sensitivity' ...อ่านต่อ

Jeff Bezos ขายหุ้น Amazon ประมาณ 12 ล้านหุ้น มูลค่า 71,820 ล้านบาท

วันศุกร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ แอมะซอน (Amazon) ได้ยื่นเอกสารต่อ ก.ล.ต. สหรัฐฯ แจ้งว่า เจฟฟ์ เบโซส (Jeff Bezos) ผู้ก่อตั้งแอมะซอน (Amazon)  ได้ขายหุ้นในแอมะซอนที่เขาถือครองอยู่ประมาณ 12 ...อ่านต่อ

สว. ออสเตรเลียผ่านร่างกฎหมายให้สิทธิพนักงานไม่ตอบอีเมล/รับโทรศัพท์นอกเวลางาน

วุฒิสภาของออสเตรเลียผ่านร่างกฎหมายที่ให้ 'สิทธิการงดเชื่อมต่อ' กับพนักงานหลังเลิกงานในการไม่ตอบอีเมลและรับโทรศัพท์ในเวลาส่วนตัว