เกมเมอร์คนไทยมักจะพบปัญหาเล่นเกมไม่ได้รับรู้เนื้อเรื่องแบบ 100% เพียงเพราะไม่เก่งภาษา หรือต่อให้พอรู้ภาษาอยู่บ้างก็มักจะแปลซับไม่ทัน ทำให้อรรถรสในการเล่นเกมหายไป (รวมถึงผมด้วย) แต่พักหลัง ๆ ได้มีหลายเกมที่แก้ปัญหาตรงจุดนี้ให้พวกเราแล้วโดยการรองรับภาษาไทยอย่างเต็มรูปแบบไม่ว่าจะซับแปลเนื้อเรื่อง หรือการตั้งค่าต่าง ๆ หรือวิธีใช้ไอเทมภายในเกม ซึ่งก่อนหน้านี้เราได้เคย เก็บตก 10 เกมบน PlayStation 4 ที่รองรับภาษาไทย มาแล้วครั้งนึงไปลองอ่านกันได้ แต่หากอยากเก็บตกกันเพิ่มล่ะก็สามารถเลื่อนลงไปอ่านบทความนี้กันได้เลยครับผม !!

1. THE LAST OF US PART 2

อ่านรีวิวเต็มได้ที่ THE LAST OF US PART 2

สานต่อตำนานหลังจากภาคแรกที่ เอลลี่ และ โจเอล ได้เอาชีวิตรอดหลังโลกล่มสลายจากผู้ติดเชื้อ แต่ทว่าความสงบสุขนั้นไม่มีมีอยู่จริง หลังจากที่เอลลี่ได้พบเจอกับโศกนาฎกรรมครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเธอ เธอจึงได้เข้าไปติดกับวังวนแห่งความเคียดแค้นที่ไม่จบไม่สิ้น หลังจากภาคแรกที่ประสบความสำเร็จทางด้านเนื้อเรื่องจนคว้ารางวัล Game Of The Year ไป กลับมาภาคนี้สานต่อเรื่องราวต่อโดยที่เอาใจเหล่าเกมเมอร์ชาวไทยโดยการรองรับภาษาไทยอย่างเต็มรูปแบบ ให้เราชาวไทยได้เข้าไปเสพเนื้อเรื่องกันอย่างเต็มอรรถรสพร้อมกับเป็นอีก 1 เกมส่งท้ายเครื่อง PS4 ที่ไม่ทำให้คุณผิดหวังอย่างแน่นอน

2. SEKIRO

อ่านรีวิวเต็มได้ที่ SEKIRO

มาถึง Game Of The Year ในปีล่าสุด ที่จะให้เราได้รับบทบาทเป็น “โอคามิ” นินจาที่รับใช้ องค์ชายคุโระ แห่งตระกูลฮิราตะ ซึ่งเป็นผู้ที่มีสายเลือดมังกรที่จะมอบความอมตะให้กับผู้ที่ครอบครอง อมตะในที่นี้คือการตายแล้วเกิดใหม่เรื่อย ๆ เหมือนกับเกมเพลย์ที่เราจะได้พบในเกม ๆ นี้ ที่หากใครเคยเล่นจะรู้ว่าตายกันนับครั้งไม่ถ้วนจริง ๆ (ฮา) และนี่ก็เป็นอีก 1 เกมที่ผมการันตีว่าดีมากจริง ๆ แอ็กชัน กราฟิก เกมเพลย์ เนื้อเรื่อง แถมรองรับภาษาไทยอีกด้วย

3. Home Sweet Home

อ่านรีวิวเต็มได้ที่ Home Sweet Home

นี่ไม่ใช่แค่เกมที่รองรับภาษาไทยอย่างเดียว แต่มันคือเกมผลงานคนไทยที่เคยสร้างกระแสให้กับเกมเมอร์ชาวไทยมาแล้วเมื่อตอนที่ออกวางจำหน่ายครั้งแรก เราจะได้รับบทเป็น ติม ในมุมมองบุคคลที่หนึ่ง ซึ่งอยู่ ๆ ก็ตื่นขึ้นมาในสถานที่อันแปลกประหลาดทั้งยังถูกวิญญานร้ายไลฆ่าแบบไม่ได้ให้พักหายใจ ระหว่างเล่นเราต้องคอยนำสิ่งที่เราพบเจอตามสตอรี่มาประติดประต่อเรื่องราวเอาเอง ซึ่งจุดที่น่าสนใจที่สุดของเกมนี้ใน PS4 ก็คือมันรองรับ VR ด้วยครับผม แต่ของเตือนก่อนเลยว่าหากคิดที่จะเล่นเกมนี้ใน VR แล้วล่ะก็ไปเช็คเพื่อนบ้านก่อนว่าเค้าอยู่รึเปล่า ไม่งั้นเวลาคุณกรี๊ดทีอาจจะทำให้บ้านรำคานจนมากดกริ่งด่าคุณก็เป็นได้ (ฮา)

4. Ghost of Tsushima

อ่านรีวิวเต็มได้ที่ Ghost of Tsushima

อีก 1 เกมแนวซามูไร ที่ทำออกมาเพื่อส่งท้ายเครื่องเกม PS4 พร้อมระบบรองรับภาษาไทยอย่างเต็มรูปแบบ ตัวเกมจะได้รับกลิ่นอายของหลากหลายเกมมารวมกันอย่าง Sekiro Nioh หรือ The Witcher 3 ที่จะเป็นแนวกึ่ง Soul ที่ไม่ได้ให้ความรู้สึกยากจนเกินไป เน้นลอบเร้น กับการแพรี่ และดูจังหวะเป็นหลัก ส่วนตัวก็ยังไม่ได้ไปลองเล่นแต่คิดว่าถ้ามีเวลาว่างมากพอก็จะกดมาเล่นอย่างแน่นอนครับผม

5. Cat Quest

อ่านรีวิวเต็มได้ที่ Cat Quest

มาถึงเกมภาพมุ้งมิ้ง ๆ น่ารักกันบ้างครับผม กับเกม Cat Quest ที่มาในรูปแบบแนวเกม RPG ผจญภัยในโลกกว้างในตีมของน้องเหมียวผู้กล้า ซึ่งปัจจุบันมี 2 ภาค และมีให้เล่นหลากหลายแพลตฟอร์ม รวมไปถึง PS4 ด้วย แม้พอเล่นจริง ๆ เหมือนจะเป็นเกมเด็กเล่นง่าย ๆ แต่ก็มีความยากในระดับนึงที่อาจจะทำให้ผู้ใหญ่อย่างเรา ๆ หัวร้อนได้เช่นกัน และที่สำคัญเกมนี้รองรับภาษาไทยด้วยนะครับผม

6. One Piece Pirate Warriors 4

อ่านรีวิวเต็มได้ที่ One Piece Pirate Warriors 4

อีก 1 เกมทรงคุณค่าที่แฟน One-Piece คู่ควร ตัวเกมจะนำพาเราไปเจอกับเนื้อเรื่องต่าง ๆ ที่ค่อนข้างตรงกับต้นฉบับในมังงะแทบจะ 100 % ทั้งยังมีตัวละครให้เราเลือกเล่นมากกว่า 50 ตัว โดยตัวเกมจะนำเสนอในรูปแบบเดิมกับภาคก่อน ๆ นั่นก็คือแนว มุโซ(Musou) หรือก็คือการต่อสู้กับกองทัพศัตรูนับพันแบบตะลุมบอน ทั้งยังรองรับภาษาไทยเต็มรูปแบบพร้อมกับการแปลที่เหมือนกับคุณกำลังนั่งอ่านมังงะอยู่ไม่มีผิดเพี้ยน

7. Guns, Gore & Cannoli 2

เกมเดินหน้ายิงรูปแบบ 2D ภายใต้ตีมสงครามระหว่างมาเฟีย ถ้าให้อธิบายให้เห็นภาพชัด ๆ นี่เป็นเกมที่มีกลิ่นอายเดียวกับ metal slug ที่มีภาพประกอบเหมือนดูการ์ตูนของทางฝั่งอเมริกา ซึ่งเราจะได้รับบทเป็น Vinnie มาเฟียที่รอดชีวิตจากเหตุการสังหารหมู่ แต่ทว่าเค้าใช้ชีวิตปกติสุขได้เพียงไม่นานก็โดนตามล่าอีกครั้ง เพระฉะนั้นเราต้องหาตัวแกนนำที่ไล่ล่าเราให้ได้ แต่สรุปแล้วเป้าหมายเดียวของเกมนี้คือเดินหน้าไปเรื่อย ๆ แล้วยิงศัตรูทุกตัวที่ขวางหน้าคุณอยู่

8. Dragon Ball Z : Kakarot 

อ่านรีวิวเต็มได้ที่ Dragon Ball Z : Kakarot 

ปิดท้ายด้วยเกมในตำนานอย่าง Dragon Ball ที่มีเกมเกี่ยวกับการ์ตูนเรื่องนี้มาแล้วนับไม่ถ้วน รวมทั้งระบบต่อสู้ของแต่ละเกมนั้นก็ล้วนแตกต่างกันออกไปอย่างสิ้นเชิง แต่ก็ต้องขอชมเชยเลยว่า Dragon BallZ : Kakarot กลับทำให้มันแตกต่างไปได้อีกระดับนึงโดยการเปลี่ยนให้เป็นเกมเป็นแนว RPG แบบ Open World ซึ่งเราต้องฝึกวิชาเก็บเลเวลตัวละคร และถึงแม้การ์ตูนชุดดราก้อนบอลนั้นมักจะวนอยู่กับเนื้อเรื่องแบบเดิมตามฉบับมังงะ แต่การเล่าเรื่องของเกมภาคนี้ผมก็ต้องยอมยกให้เป็นการเล่าที่ดีที่สุดตั้งแต่มีเกมดราก้อนบอลออกมาเลย โดยเฉพาะภาษาไทยที่ศัพท์ทุกคำเหมือนกับที่เราอ่านในมังงะแทบจะเป๊ะ ๆ ทุกคำ

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส