ในบรรดาผลงานภาพยนตร์ของผู้กำกับ คริสโตเฟอร์ โนแลน (Christopher Nolan) หนังเรื่อง ‘Interstellar’ (2014) น่าจะเป็นตัวแทนของผลงานหนังที่สะท้อนวิสัยทัศน์ในแง่ของความประณีตในด้านงานสร้าง และความละเอียดอ่อนในเรื่องราวของโนแลนได้ดีที่สุดเรื่องหนึ่ง โดยเฉพาะฉากจดจำฉากหนึ่งของหนังเรื่องนี้ ที่เรียกได้ว่าเป็นฉากบีบหัวใจคนดู (โดยเฉพาะคนเป็นพ่อ) จนกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่

ฉากนั้นก็คือฉากที่ โจเซฟ คูเปอร์ นักบินอวกาศแห่งองค์การ NASA พ่อลูก 2 ที่ตัดสินใจเดินทางไปยังอวกาศเพื่อปฏิบัติภารกิจตามหาดาวดวงใหม่ให้กับมนุษยชาติ ด้วยการเดินทางบนอวกาศที่ทำให้เวลาผันผวนจากเวลาในโลก ทำให้คูเปอร์เพิ่งจะได้รับสัญญาณวิดีโอที่ถูกส่งขึ้นไปบนยานเอ็นดูแรนซ์ (Endurance)

คูเปอร์ได้รับสัญญาณวิดีโอที่บันทึกภาพของ ทอม คูเปอร์ วัยหนุ่ม (ทิโมธี ชาลาเมต์ – Timothée Chalamet) ที่เพิ่งมีภรรยาและลูก รวมทั้งทอมในวัยผู้ใหญ่ (เคซีย์ แอฟเฟล็ก – Casey Affleck) ที่เล่าว่าปู่ของเขา (พ่อของคูเปอร์) เสียชีวิตแล้ว และวิดีโอของเมิร์ฟวัยสาว (เจสสิกา แซสเทน – Jessica Chastain) ที่โกรธคูเปอร์เพราะว่าเขาไม่ยอมกลับมาหาเธอตามคำสัญญา ตอนนี้เธออายุเท่ากับพ่อตอนที่จากเธอไป และเธอก็อยากให้เขากลับไปหาเธอเสียที

ความพิเศษของฉากนี้ไม่ได้มีแค่เบื้องหน้าที่เต็มไปด้วยความรู้สึกสวยงามและใจสลาย (และเป็นมีมในโลกอินเทอร์เน็ต) เท่านั้น แต่เบื้องหลังการถ่ายทำก็เรียกได้ว่าน่าทึ่ง ซึ่งโนแลนได้เล่าเบื้องหลังการถ่ายทำฉากนี้ในบทสัมภาษณ์ของเว็บไซต์ The Atlantic ที่ได้เผยเรื่องราวเบื้องหลังการถ่ายทำฉากนี้

เพราะฉากที่เห็นในหนังนั้น เป็นรีแอ็กชันจากการแสดงเทคแรกของ แมทธิว แม็กคอนนาเฮย์ (Matthew McConaughey) นักแสดงเจ้าของบทคูเปอร์ ที่ได้ดูคลิปลูก ๆ เป็นครั้งแรก ฉากที่แม็กคอนนาเฮย์ร้องไห้สะอื้น จึงมีจุดกำเนิดมาจากความอิน และรีแอ็กชันสะเทือนใจที่เกิดขึ้นจริง ๆ

ฉากนี้ยังทำให้โนแลนต้องยอมฝืนกฏการทำหนังที่ปกติเขาเองไม่อยากทำไปถึง 2 ข้อ ข้อแรกก็คือการถ่ายเจาะช็อตใกล้ (Close-Up) ก่อนถ่ายช็อตกว้าง (Wide Angle) (ปกติการถ่ายหนังในแต่ละฉาก ทีมงานจะเริ่มถ่ายช็อตกว้างก่อน แล้วค่อยถ่ายเจาะช็อตใกล้ เพื่อให้ได้มุมกล้องตามที่ผู้กำกับต้องการ)

“สิ่งที่ยอดเยี่ยมก็คือ มันอยู่ในบทของน้องชายของผม (โจนาธาน โนแลน – Jonathan Nolan ผู้เขียนบทร่วมกับคริสโตเฟอร์) และสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมอยากกำกับหนังเรื่องนี้ ในฐานะคนเป็นพ่อแม่ มันเป็นช่วงเวลาแห่งเรื่องราวที่ทรงพลังมาก ซีเควนซ์ที่สวยงาม และถ้อยความในบท รวมทั้งสิ่งที่อยู่ในถ้อยความที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง ฉากนี้จึงเป็นดาวเด่นในเรื่องเสมอมา”

“เราเลือกที่จะถ่ายช็อตรีแอ็กชันของแม็กคอนนาเฮย์ในระยะใกล้ก่อน ผมไม่เคยถ่ายแบบนั้นมาก่อนเลย ผมเริ่มจากการลองถ่ายมุมกว้างก่อน ตอนนั้นเขายังไม่เห็นวิดีโอที่เราเตรียมถ่ายทำล่วงหน้าเอาไว้แล้ว และเขาเองก็อยากจะ (ดูครั้งแรกและ) แสดงรีแอ็กชันแรกของเขาออกมา ผมเลยถ่ายช็อตใกล้เอาไว้ 2 ช็อต และผมเลือกที่จะใช้ช็อตที่ 2 เพราะช็อตแรกมันดูดิบเกินไป แล้วหลังจากนั้นผมก็ถ่ายช็อตกว้างให้เห็นจอภาพ แล้วเอาทั้งหมดมารวมกัน”

Matthew McConaughey Interstellar

นักแสดงเจ้าของบทอย่างแม็กคอนนาเฮย์ ก็เคยเล่าเบื้องหลังฉากเดียวกันนี้ จากมุมมองของนักแสดงเช่นเดียวกัน

“ผมเดินเข้าไปในฉาก ตอนนั้นผมค่อนข้างจะมีมุมส่วนตัว ไม่ได้มองคนอื่น ไม่คุยกับใคร เพื่อจะรับเฉพาะสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ในซีนนั้น ผมได้ยินเสียงพูดว่า ‘โอเค มาลุยกันต่อ เราจะตั้งกล้อง 2 ตัวนะ มีช็อตกว้างตรงนี้กับตรงโน้น แล้วเดี๋ยวเราจะซ้อมกันสักรอบ เราจะลองเปิดวิดีโอดู'”

“แล้วผมก็เดินผ่านเขา (โนแลน) ไป ผมยื่นกระดาษให้เขาโดยไม่มองหน้า มันเป็นกระดาษแผ่นหนึ่งที่ผมเขียนตัวอักษร 2 ตัว คือ C.U. (Close-Up) ที่หมายถึงว่าให้ถ่ายช็อตใกล้ เขาเลยรู้ว่าผมไม่ต้องการให้ถ่ายช็อตกว้าง แต่ให้ถ่ายช็อตใกล้เลย พอเริ่มซ้อม ผมเลยทำมือ (แกว่งนิ้วชี้หมุนเร็ว ๆ ) เพื่อบอกว่าไม่ซ้อมแล้ว เดินกล้องเลย”

“และสิ่งที่คุณเห็นในหนังก็คือเทคแรก และทุกอย่างที่เกิดขึ้นหลังเทคแรก มันก็กลายเป็นการแสดงน่ะ (หัวเราะ) เทคแรกคือเทคที่ผมมีรีแอ็กชันกับมันจริง ๆ เพราะผมได้เห็นฟุตเทจวิดีโอลูก ๆ ของผมเป็นครั้งแรกสุด มันทำให้ผมไม่ได้รู้สึกคาดหวัง หรือไม่ได้คิดว่าผมจะต้องพูดอะไร ผมต้องการจะรับและปล่อยให้มันเกิดขึ้น โดยที่ผมไม่ต้องไปพยายามทำให้มันออกมาดี แต่ตั้งแต่เทค 2 เป็นต้นไป ยังไงมันก็ห้ามไม่ได้ที่จะมีความคาดหวัง หรือพยายามจะทำให้น่าประทับใจ (แบบเทคแรก) ซึ่งมันเกิดขึ้นมาไม่ได้อีกแล้ว”

Matthew McConaughey Interstellar

นอกจากจะแหกกฏการถ่ายมุมกล้องแล้ว อีกสิ่งที่โนแลนไม่ชอบ แต่ก็ต้องยอมแหกกฏของตัวเองแบบเนียน ๆ ก็คือ หากลองเงี่ยหูฟังเพลงสกอร์ “Years of Messages” ที่ประพันธ์โดย ฮันส์ ซิมเมอร์ (Hans Zimmer) ในช็อตที่วิดีโอของทอม (วัยผู้ใหญ่) จบลง เพลงสกอร์ก็จะหยุดพร้อม ๆ กัน ทำให้ช็อตต่อไป ซึ่งเป็นช็อตที่คูเปอร์ดูวิดีโอที่เมิร์ฟแสดงความโกรธต่อพ่อ จึงกลายเป็นความรวดร้าวที่รายล้อมไปด้วยบรรยากาศเงียบงัน

โนแลนเล่าถึงเบื้องหลังการตัดต่อซีนนี้ ที่ดำเนินการโดย ลี สมิธ (Lee Smith) ว่า “ชิ้นส่วนสุดท้ายของปริศนาก็คือ สกอร์สุดไพเราะของ ฮันส์ ซิมเมอร์ ที่ไม่มีในจุดอื่น ๆ ของหนังเรื่องนี้ ผมคิดว่าเขา (ซิมเมอร์) คงเรียกมันว่า ‘ออร์แกนดูเดิล’ (Organ Doodle) ลี สมิธ มือตัดต่อของผม และผมพยายามลองเล่นกับมันตอนตัด และเราทั้งคู่รู้สึกว่ามันออกมาแย่มาก”

“อีกสิ่งที่เราทำ ที่ผมไม่คิดว่าจะอยู่ในหนังเรื่องอื่น ๆ ของผมเลย ก็คือการมองว่าดนตรีก็เป็นเหมือนกับเสียงที่ตัวละครได้ยิน (Diegetic Sound) เมื่อวิดีโอหยุด เพลงก็หยุด มันเกือบจะเป็นการทลายกำแพงที่สี่อยู่แล้ว ซึ่งมันไม่ใช่สิ่งที่ผมชอบทำ แต่มันก็ให้ความรู้สึกที่สมบูรณ์แบบ และเหมาะกับช่วงเวลานั้นในหนังมาก ๆ “


ที่มา: The Atlantic, Screen Rant, The Ringer

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส