Marvel 2021
Marvel 2021

MARVEL 2021: รวมทุกเรื่องที่ต้องรู้! ก่อนเข้าสู่ปีสุดยิ่งใหญ่ของ Marvel Studios

ปี 2020 เป็นปีที่โหดเอาการสำหรับสตูดิโอ Disney เพราะจากที่กำไรมาหลายปีติด ปีนี้เป็นปีแรกที่สตูดิโอที่มีหลากหลายธุรกิจประสบกับภาวะขาดทุน แต่โชคดีก็คือ การเติบโตของสตรีมมิง Disney+ ถึง 81% และการได้สมาชิก 73 ล้านบัญชีทั่วโลก (ส่วนมากในสหรัฐฯ) ก็ทำให้ไม่เจ็บตัวหนักไปกว่านี้ นั่นเป็นเพราะหนังของ MCU ที่ทำกำไรเป็นกอบเป็นกำไม่ได้เข้าฉายเลยสักเรื่องเดียว เป็นปีแรกในรอบ 12 ปี ก็ส่งผลให้ Marvel Studios เดินหน้าอย่างจริงจังอย่างมากในการสร้างซีรีส์ที่ไม่ต้องง้อการฉายโรง

จะเกิดอะไรขึ้นบ้างในเฟส 4 ของ MCU ที่กำลังจะมาถึง แน่นอนว่าจะยังไม่มีหนัง Avengers รวมพลเรื่องใหม่ และสตูดิโอก็นั่งยันนอนยันแล้วว่า Iron Man ยังไงก็ไม่กลับมา (แต่อาจจะพอลุ้นได้ว่าจะมาใน Black Widow ที่เป็นเหตุการณ์ก่อนภาค Endgame) แต่จะมีหนังและโดยซีรีส์ที่แนะนำตัวละครใหม่ ๆ มากมายเข้ามาในเฟสต่อ ๆ ไป ที่ Kevin Feige วางหมากอย่างแยบยลเอาไว้แล้วว่า แฟน ๆ ของ MCU จะต้องติดตามคอนเทนต์ทุกเรื่องอย่างชนิดพลาดไม่ได้สักเรื่องเดียว จะมีเรื่องอะไรบ้างไปติดตามกันได้เลย

ชวนอ่านต่อ MARVEL 2021 (ตอนที่ 2): รวมทุกตัวอย่างใหม่และทุกเรื่องต้องรู้ของ MCU จากงานใหญ่ Disney

ตารางฉายล่าสุดในสหรัฐฯ ของหนังในจักรวาล MCU 

  • Series WandaVision: 15 มกราคม 2021
  • Series The Falcon and the Winter Solder: มีนาคม 2021
  • Series Loki: พฤษภาคม 2021
  • Black Widow: 7 พฤษภาคม 2021
  • Shang-Chi And The Legend Of The Ten Rings: 9 กรกฎาคม 2021
  • Eternals : 5 พฤศจิกายน 2021
  • Spider-Man: Homecoming 3 : เดิม 17 ธันวาคม 2021 ยังไม่ฉายจนกว่าสถานการณ์โควิด-19 จะสงบ
  • Series What If…?: ภายในปี 2021
  • Series She-Hulk: ภายในปี 2021
  • Doctor Strange In The Multiverse Of Madness: 25 มีนาคม 2022
  • Thor: Love And Thunder: 6 พฤษภาคม 2022
  • Black Panther 2: 8 กรกฎาคม 2022
  • Captain Marvel 2: 11 พฤศจิกายน 2022

WandaVision

ซีรีส์ WandaVision (เล่นคำจาก “Television” ที่ทีวีและรายการทีวีจะเป็นบรรยากาศสำคัญของซีรีส์) จะสตรีมให้ชมทาง Disney+ วันที่ 15 มกราคม 2021 เล่าเรื่องราวของ Wanda Maximov หรือ Scarlet Witch และ Vision ที่ได้ย้ายไปอยู่ด้วยกันในเมืองเวสต์วิวอันสวยงาม พวกเขาพยายามปิดบังพลังอำนาจของตัวเอง แต่สุดท้ายแล้วพวกเขาก็พบว่าชีวิตในรั้วสีขาวที่พวกเขาสร้างขึ้นก็อาจไม่สดใสและสมบูรณ์แบบอย่างที่เห็น ซีรีส์จะมีจำนวน 6 ตอน แต่มาร์เวลบอกว่าจะให้ความรู้สึกเหมือนดูหนังมาร์เวล 6 เรื่องที่ไม่เคยเห็นหนังรูปแบบนี้ใน MCU มาก่อน

WandaVision นำแสดงโดย Paul Bettany (The Da Vinci Code) และ Elizabeth Olsen (Godzilla) สมทบด้วย Kathryn Hahn (Bad Moms), Kat Dennings กลับมารับบท Darcy Lewis เพื่อนสาวคนสนิทของ Jane Foster ในเรื่อง Thor,  Randall Park กลับมารับบทคุณตำรวจจากในเรื่อง Ant-Man and the Wasp กำกับการแสดงโดย Matt Sharkman (The Boys, Game of Thrones) จากบทของ Jac Schaeffer (The Hustle)

จดหมายรักถึง “ยุคทอง” ของวงการโทรทัศน์

ซีรีส์ WandaVision ตั้งใจแสดงความคารวะต่อซิตคอมคลาสสิกยุค 50s โดย 2-3 ตอนแรกของซีรีส์จะนำเสนอด้วยภาพแบบขาวดำ โดยในระหว่างการถ่ายทำจะมีผู้ชมจริง ๆ นั่งดูอยู่ด้วย เช่นเดียวกับการถ่ายทำซิตคอมคลาสสิกในยุคนั้น นี่เป็นสไตล์ใหม่ที่หนังและซีรีส์มาร์เวลใน MCU ไม่เคยทำมาก่อน การคารวะครั้งนี้แทบจะเรียกได้ว่า เป็นจดหมายรักแด่ยุคทองของวงการโทรทัศน์ก็ว่าได้

ในสัมภาษณ์ของ Kevin Feige ประธาน Marvel Studio ได้บอกกับ Entertainment Weekly บอกว่า WandaVision ได้แรงบันดาลใจมาจากซิตคอมเรื่อง Nick at Nite ที่เขาเติบโตขึ้นมากับมัน และเขาเองก็พยายามติดตามดูซิตคอมในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาเพื่อใช้สำหรับสร้างซีรีส์เรื่องนี้ จนเขาตระหนักได้ว่า โทรทัศน์เป็นเครื่องมือที่เหมาะสมสำหรับการถ่ายทอดเรื่องราวของ Wanda และ Vision ผู้ที่ถือว่าเป็นตัวละครแรกของมาร์เวลที่มาบุกเบิกแพลตฟอร์มสตรีมมิงของ Marvel ทางช่อง Disney+

นักแสดง Paul Bettany ผู้รับบท Vision ถูกแปลงโฉมเป็นให้กลายเป็นเวอร์ชันสีน้ำเงินซึ่งเป็นสีที่เหมาะสำหรับการถ่ายทำให้ออกมาเป็นภาพแบบขาวดำมากกว่า นอกจากนั้น ทีมเอฟเฟกต์ใช้เทคนิคการนำสายไฟและกล้องที่ใช้ในซิตคอมยุคคลาสสิกจริง ๆ อย่าง Bewitched หรือ I Dream of Jeannie มาใช้ในฉาก Wanda ทำให้สิ่งของลอยไปมาด้วย

รักกันแต่ต้องนอนแยกเตียงกันนะ

ในช่วงยุค 1930s ถึง 1940s วงการโทรทัศน์อเมริกันอยู่ภายใต้กฏที่เรียกว่า Hays Code ซึ่งออกข้อห้ามหลายอย่างที่ไม่ให้ถ่ายทอดภาพบางภาพสู่จอโทรทัศน์ อย่างเช่นภาพเปลือยที่มีความล่อแหลมหรือชี้นำทางเพศ รวมถึงกฎประหลาด ๆ อย่างการห้ามชายหญิงนอนร่วมเตียงเดียวกัน ส่งผลให้รายการโทรทัศน์ในสมัยนั้นอย่างเช่น Dick Van Dyke หรือ I Love Lucy คู่รักที่ยังไม่ได้แต่งงานกันแล้วในชีวิตจริงจะนอนร่วมเตียงเดียวกันไม่ได้ (แม้ว่าตามเนื้อเรื่องแล้ว พวกเขาจะแต่งงานมีลูกกันแล้วก็ตาม) ทำให้ภาพที่ปรากฏในโทรทัศน์ คนดูจะเห็นพวกเขานอนบนเตียงแฝดคู่ และมีโต๊ะข้างเตียงคั่นกลางระหว่างกัน

แม้ว่ากฎดังกล่าวจะไม่ได้ถูกใช้อย่างเคร่งครัด แต่ฉากนอนร่วมเตียงเดียวกันก็ไม่เคยเกิดขึ้นเลยตั้งแต่ปี 1934 จนกระทั่งในปี 1950 ได้มีการนำระบบจัดเรตติ้งเข้ามาใช้แทน นั้นทำให้ Bewitched กลายเป็นภาพยนตร์โทรทัศน์เรื่องแรกที่มีคู่รักที่ไม่ได้แต่งงานกันในชีวิตจริงได้นอนร่วมเตียงเดียวกัน

Monica Rambeau และการปรากฏตัวขององค์กร SWORD

Captain Marvel (2019)
Teyonah Parris

ได้มีการเผยโฉมตัวละครตัวใหม่ที่จะมามีบทบาทสำคัญในเรื่อง นั่นคือ Monica Rambeau นำแสดงโดย Teyonah Parris จาก If Beale Street Could Talk (2018) และซีรีส์ Mad Men ตัวละครนี้เคยปรากฎตัวใน Captain Marvel (2019) ในบทเด็กน้อยลูกสาวของนักบินหญิงผิวสีเพื่อนของ Carol Danvers ซึ่งในภาพยนตร์เรื่องนั้นนำแสดงโดยนักแสดงเด็ก Akira Akbar

ภาพของเจ้าหน้าที่องค์กร SWORD

รายงานจาก JustJared ได้โพสต์ภาพจากกองถ่ายซึ่งเราจะได้เห็น Elizabeth Olsen และ Teyonah Parris ในอิริยาบถระหว่างพักกอง สิ่งที่น่าสนใจก็คือ ภาพของเจ้าหน้าที่องค์กร SWORD ซึ่งตัวละคร Monica ของ Parris เพิ่งเดินออกมาจากตึกออฟฟิศขององค์กรนี้ รวมถึงป้ายพนักงานของเธอก็ยังมีสัญลักษณ์ของ SWORD อยู่ด้วย แฟนพันธุ์แท้มาร์เวลเชื่อมโยงกันว่า นั่นคือยานขององค์กร SWORD ที่เป็นชื่อย่อของ Sentient World Observation and Response Department องค์กรที่ Nick Fury ตั้งขึ้นมาใหม่ หลังการล่มสลายของหน่วย S.H.I.E.L.D.

Vision ยืนยันว่ามี “น้องชาย” เป็นสีม่วง และเปลี่ยนความหนาแน่นได้

ระหว่างให้สัมภาษณ์ในรายการ Stir Crazy with Josh Horowitz นักแสดงผู้รับบทเป็น Vision อย่าง Paul Bettany ได้ถูกถามถึงเรื่องต่าง ๆ ของซีรีส์เรื่องนี้ ซึ่งหนึ่งในนั้นเขาถูกถามว่า ซีรีส์จะมีฉากวับ ๆ แวม ๆ ที่แหกกฎของดิสนีย์บ้างไหม? ซึ่งเขาก็ตอบว่า ไม่มีฉากโป๊เปลือยแน่นอน แต่เขาก็คิดว่าคนดูสามารถตอบคำถามว่า เขามีน้องชายหรือไม่มีได้ด้วยตัวเอง ก่อนที่ขยายความต่อว่า “น้องชายของ Vision มันเป็นสีม่วงครับ แถม Vision ยังสามารถเปลี่ยนแปลงความหนาแน่นของมันได้ด้วยนะ”

Black Widow

เดิมที่ปี 2020 นั้นเกือบจะเป็นปีที่มีหนังมาร์เวลเรื่องนี้แค่เรื่องเดียวที่ได้เข้าฉาย แต่สุดท้ายหนังก็เลื่อนจากกำหนดเดิมคือพฤษภาคมปีนี้ไปเป็นพฤษภาคมปีหน้า โชคดีของแฟน ๆ ที่อยากชมหนังเรื่องนี้ในโรงภาพยนตร์ก็คือ ทั้ง Disney และ Marvel ยังคงยืนยันหนักแน่นว่า จะไม่นำหนังไปลงสตรีมมิงทาง Disney+ เหมือนที่ทำกับ Mulan แน่นอน เพราะหมายมั่นว่าจะได้กำไรคืนจากการฉายโรงมากกว่า

ชวนอ่าน วิเคราะห์เจาะลึก 6 ประเด็นน่าสนใจ ในตัวอย่างแรกของ Black Widow

หนังจะบอกว่าเกิดอะไรกับ Natasha ในบูดาเปสต์

“เกิดอะไรขึ้นที่บูดาเปสต์?” เป็นคำถามคาใจของแฟนหนังมาร์เวลมาโดยตลอด ตั้งแต่บทสนทนาสั้นๆ ระหว่าง Clint Barton หรือ Hawkeye กับ Natasha Romanoff ในหนัง The Avengers ภาคแรก และดูเหมือนว่าแฟน ๆ จะได้คำตอบนั้น ในหนัง Black Widow

พวกเราจะให้คำตอบว่าเกิดอะไรขึ้นที่นั่น เรื่องนี้เริ่มขึ้นตอนที่ Joss Whedon (ผู้กำกับ) ใส่ประโยคนี้เข้ามาในหนังภาคแรก ให้เป็นเรื่องขำ ๆ ระหว่างพวกเขา ให้มันเหมือนเรื่องเก่า ๆ ในวันวาน แต่นั่นก็ทำให้แฟน ๆ ของหนังตั้งทฤษฎีขึ้นมาต่าง ๆ นานา จนพวกเราคิดว่า ถ้าหากเราไม่กลับไปเล่าเรื่องที่บูดาเปสต์ แฟน ๆจะต้องฆ่าเราแน่ ๆ…

Natasha ถูกหลอกหลอนด้วยความจริงที่ว่า เธอมีอดีตที่รู้สึกผิดบาปอยู่ตลอดเวลาซึ่งอย่างที่รู้ เหตุมันเกิดจากเรื่องร้าย ๆ ในบูดาเปสต์ Black Widow จะไม่ใช่หนังที่เล่าเหตุการณ์ในบูดาเปสต์ แต่จะเป็นการทำความเข้าใจถึงความหนักใจของ Natasha ที่คนดูยังไม่เคยได้เข้าไปสำรวจ” Scarlett Johasson เล่า

ทฤษฎีว่าด้วย “เกิดอะไรขึ้นในบูดาเปสต์?”

อย่ากระนั้นเลย แฟน ๆ มาร์เวลทั้งหลายก็เลยข้อตั้งทฤษฎีหรือสมมติฐานว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบูดาเปสต์จนมาร์เวลต้องหยิบมาเล่ามาขยี้จนเป็นเรื่องเป็นราวนี้ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? สมมติฐานแรกที่แฟน ๆ ตั้งข้อสังเกตมากที่สุดก็คือ Clint Barton และ Natasha Romanov เคยต่อสู้กับ Taskmaster วายร้ายของหนังภาคแยกนี้มาแล้วครั้งหนึ่งตอนออกปฏิบัติการในนามของหน่วย S.H.I.E.L.D. เหตุผลสนับสนุนแนวคิดนี้ก็มาจากตัวอย่างของหนังที่เรื่องราวจะกลับไปที่เมืองนี้ และ Natasha ได้พูดว่า “เราต้องกลับไปยังจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้”

สมมติฐานต่อมาเชื่อมโยงกับ Nick Fury ที่เคยพูดคุยกับ Carol Danvers ใน Captain Marvel ภาคแรกว่า ตัวเขานั้นเคยออกปฏิบัติภารกิจในช่วงสงครามเย็นรวมถึงในบูดาเปสต์ ก็จะเป็นไปได้ว่าในภารกิจครั้งนั้น Fury ได้ร่วมงานกับทั้ง 2 คนด้วยตอนที่เขายังไม่ได้เข้าหน่วย S.H.I.E.L.D.

อีกสมมติฐานนึงที่ดูจะเข้าท่าก็คือ การปฏิบัติภารกิจที่บูดาเปสต์ของ Clint และ Natasha ในอดีต มีเหตุให้ผู้บริสุทธิ์ต้องเสียชีวิต โดยเธอเคยพูดประโยคที่ว่า “เหมือนตอนบูดาเปสต์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า” ตอนที่ Clint เข้าไปช่วยชาวเมืองจากรสบัสใน The Avengers (2012) ภาคแรก และสมมติฐานสุดท้ายก็คือ ทั้งคู่เคยมีความรักต่อกันก่อนจะแยกย้ายกันไปมีครอบครัวและใช้ชีวิตในเส้นทางใหม่ เหตุผลสนับสนุนก็คือ การเสียสละชีวิตในภาค Endgame ที่ถ้าไม่รักกันมากจริง ๆ ก็คงแลกชีวิตให้กันได้อย่างที่เห็น

หรือ Yelena Belova จะเป็น Black Widow คนใหม่?

Yelena Belova ที่เติบโตมาด้วยปูมหลังเดียวกันกับ Natasha ทั้งถูกฝึกปรือวิชาสายลับจากองค์กรในรัสเซีย เข้าร่วมต่อสู้ในกองทัพ นอกจากนี้ใน Black Widow เธอก็จะต้องพิสูจน์ความสามารถว่าเก่งกว่า Natasha ด้วย ล่าสุดมีรายงานว่า Cate Shortland ผู้กำกับหญิงของเรื่องก็ได้ออกมายืนยันการคาดการนี้ว่าแฟน ๆ คิดถูกแล้ว เพราะ Black Widow ไม่ใช่หนังภาคต้นของ Natasha Romanoff แต่เป็นหนังภาคต้นของ Yelena Belova ต่างหาก

ถ้าเป็นจริงตามที่ Shortland พูด ก็จะเป็นการหักล้างทฤษฎีหนึ่งที่ว่า Yelena เสียชีวิตในตอนจบของ Black Widow และ Natasha ได้นำเสื้อแจ็กเก็ตของเธอมาใส่ในตอนภาค Infinity War แต่ก็มีคนสงสัยว่า Marvel Studios อุตส่าห์จ้างดาราที่กำลังมีชื่อเสียงอย่าง Pugh มาเล่น ก็ไม่น่าจะให้จบบทบาทง่าย ๆ เพียงแค่ในภาคเดียว และเป็นไปได้ว่าในหนังภาคนี้จะมีเหตุการณ์ที่ทำให้ Natasha เชื่อว่า Yelena ตายไปแล้ว แต่จริง ๆ เป็นการถูกจับไปทดลองโดยองค์กร AIM (Advanced Idea Mechanics) ของ Aldrich Killian ตัวร้ายใน Iron Man 3 (2013) ซึ่งหมายความว่า Taskmaster อาจจะเป็นตัวร้ายหลอก ๆ ที่ปล่อยมาในตัวอย่างหนัง

และถ้าใครที่ตามฉบับคอมิกก็จะรู้ว่า Yelena จะเปลี่ยนเป็น Super-Adaptoid ตัวละครที่สามารถก็อปปี้พลังของผู้อื่นได้ แถมยังแข็งแกร่งมากพอจะรับมือ Thor หรือ Hulk ซึ่งก็เป็นไปได้ว่า หนังอาจจะเดินตามเนื้อเรื่องในคอมิกก็เป็นได้

Red Guardian คือ Captain America “แห่งรัสเซีย”

ในหนังเรื่องนี้คอหนังจะได้เห็น ฮีโรของรัสเซียระดับกัปตันเป็นครั้งแรก นั่นก็คือตัวละคร Red Guardian ของนักแสดง David Harbour ซึ่งเขาเคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า

เขาคือชายที่มีความเกี่ยวพันกันอย่างใกล้ชิดกับ Natasha ในอดีต ผมจะไม่บอกว่าเกี่ยวข้องกันแบบไหน แต่ทุกคนคงได้จะเห็นความเป็นครอบครัว เพราะเขาเปรียบเสมือนพ่อของเธอ ในอดีตเขาเคยมีเวลาอันรุ่งโรจน์ แต่ยุคทองของเขามันจะผ่านไปแล้ว ในเรื่องนี้เขาได้กลับไปสวมชุดซูเปอร์ฮีโรของเขา…เขาเป็นกัปตันอเมริกาในยุคของเขา สำหรับรัสเซีย”

(อ่านต่อหน้าถัดไป)