แบไต๋มีโอกาสได้ไปร่วมทดสอบสมรรถนะของรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ BYD Dolphin ซึ่งจะเป็นรุ่นที่ 2 หลังจากที่ BYD Atto 3 ทำยอดขายครองอันดับ 1 ของตลาดรถ EV ไทยติดต่อกันหลายเดือน แต่สำหรับ BYD Dolphin วางตัวให้เป็นรถขนาดกลาง เข้ามาท้าชิงคู่แข่งในตลาดอย่าง Ora Good Cat และ MG 4 Electric ในราคาไม่ถึงล้านบาท ซึ่งจะมีรุ่นย่อยอะไรบ้าง สเปกแรงแค่ไหน แล้วเราชอบไม่ชอบอะไรในรุ่นนี้ไปดูกันครับ

BYD Dolphin Extended (สีฟ้า Atoll Blue) และ Standard (สีครีม Coastal Cream)

เราได้ทดสอบตัวรถ BYD Dolphin ในเส้นทางกรุงเทพฯ จากศูนย์บริการ BYD สาขาเทพารักษ์ ศรีนครินทร์ มุ่งหน้าสู่พัทยาเป็นระยะทางรวมกว่า 200 กิโลเมตร โดยบริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ ผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า BYD อย่างเป็นทางการ นำ 2 รุ่นย่อยที่ขายในไทยมาให้เราได้ทดสอบกันเต็มที่ ได้แก่ รุ่นเริ่มต้น (Standard) และรุ่นท็อป (Extended) ซึ่งมีความต่างกันตรงขนาดของแบตเตอรี่ ระยะทางขับขี่ ช่วงล่างและออปชันที่ให้มา สังเกตง่าย ๆ ว่ารุ่น Standard ตัวรถจะมีสีเดียว แต่รุ่น Extended จะใช้สีทูโทนนั่นเอง

สำหรับรุ่นเริ่มต้น Standard มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 44.9 kWh วิ่งไกล 410 กิโลเมตร พร้อมกำลังสูงสุด 95 แรงม้า แรงบิด 180 นิวตันเมตร ทำความเร็วได้สูงสุด 150 กิโลเมตร/ชั่วโมง มีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 12.3 วินาที

ดีไซน์ไฟท้ายของ BYD Dolphin

ในขณะที่รุ่น Extended มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 60.48 kWh วิ่งไกล 490 กิโลเมตร และกำลังสูงขึ้นเป็น 201 แรงม้า ด้วยแรงบิด 310 นิวตันเมตร ทำความเร็วได้สูงสุด 160 กม./กม. (เราลองเหยียบสุดแล้วสามารถขับขี่ได้สูงสุด 173 กม./ชม. เลยทีเดียว) และมีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 7.1 วินาที ไวกว่ารุ่นพี่อย่าง Atto 3 อีกนะเนี่ย

ภายในของรุ่น BYD Dolphin Extended

BYD Dolphin ทั้งสองรุ่นย่อยมีสิ่งที่ไม่เหมือนกันหลายจุด โดยสิ่งที่เพิ่มขึ้นมาจากรุ่นเริ่มต้นคือ ขนาดของแบตเตอรี่ใหญ่ขึ้น ทำให้ตัวรถขับขี่ได้ไกลขึ้นด้วย เราลองจับระยะทางตั้งแต่ออกสตาร์ตที่ตัวรถระบุไว้ที่ 490 กิโลเมตร หลังจากขับขี่มาจนถึงที่พักเป็นระยะทางกว่า 200 กิโลเมตร ตัวเลขบนหน้าปัดดิจิทัลระบุว่าแบตเตอรี่ใช้ไปประมาณ 60% ตัวรถยังขับขี่ได้อีก 191 กิโลเมตร หายไปประมาณ 300 กิโลเมตร (ขับในโหมด Normal สลับกับ Sport) ซึ่งเกินกว่าระยะที่ขับขี่จริงไปพอสมควร เห็นได้ว่าหากใครเท้าหนัก แช่คันเร่งบ่อย ๆ จะทำให้การใช้พลังงานค่อนข้างสูงเลยทีเดียว

รวมถึงระบบช่วงล่างที่รุ่น Standard ใช้เป็น Torsion Beam ในขณะที่รุ่น Extended ใช้ช่วงล่าง Multi Link ส่วนตัวรู้สึกว่าช่วงล่างในรุ่น Extended ทำได้ดีกว่า ทั้งความสมูทในการเร่งความเร็ว แรงสั่นสะเทือนจากพื้นถนน รวมถึงการเข้าโค้งต่าง ๆ อีกทั้งตัว Extended ยังจัดเต็มกระจกพาโนรามาด้านบนหลังคามาให้ด้วย ส่วนใครที่กลัวร้อน เขามีม่านกั้นให้ด้วยนะ

ส่วนที่เราชอบที่สุดของ BYD Dolphin คือ อัตราเร่งที่สมกับเป็นรถยนต์ไฟฟ้า เหยียบเพลิน ๆ เกิน 120 กม./ชม. โดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะรุ่น Extended ตอบสนองได้ค่อนข้างดีทีเดียว ในขณะที่รุ่น Standard อาจใช้เวลาเร่งช่วง 100 – 150 กม./ชม. นานไปหน่อย อาจไม่ทันใจนัก รวมถึงใครที่ชอบรถดีไซน์เรียบ ๆ คันนี้น่าจะตอบโจทย์เลย เพราะเขาลดความหวือหวาในรุ่นพี่ Atto 3 ลงไปเยอะทีเดียว เห็นได้ว่าเขารวมปุ่มปรับเกียร์, โหมดขับขี่, เปิดปิดแอร์และปรับระดับเสียงไว้บริเวณคอนโซลกลางทั้งหมด ง่ายต่อการควบคุมไม่น้อยเลย

ส่วนข้อติที่เราสัมผัสได้คือพวงมาลัยของ BYD Dolphin ค่อนข้างเบา เมื่อทำงานร่วมกับระบบ Lane Keeping จึงมีการดึงพวงมาลัยเมื่อเราขับขี่ออกนอกเลยค่อนข้างแรงไปหน่อย ทั้งนี้ผู้ขับขี่สามารถเลือกปรับระดับการเตือนได้หรือปิดระบบไปเลยได้เช่นกัน และยังมีระบบแสดงผลที่มีภาษาไทยร่วม แต่ภาษาบางคำยังตก ๆ หล่น ๆ ก็หวังว่าทาง BYD จะพัฒนา ปรับปรุงต่อไป

BYD Dolphin เปิดราคารุ่น Standard เริ่มต้น 699,999 บาท และรุ่น Extended ราคา 859,999 บาท พร้อม Rever Care ได้แก่

  • รับประกันตัวรถ 8 ปีหรือ 160,000 กม.
  • รับประกันแบตเตอรี่ 8 ปีหรือ 160,000 กม.
  • สายต่อพ่วงอุปกรณ์ไฟฟ้า VTOL
  • ประกันชั้น 1 ระยะเวลา 1 ปี
  • ดอกเบี้ยเริ่มต้น 1.88%
  • Home Charger พร้อมติดตั้งราคา 25,000 บาท (ไม่ได้แถมให้)
  • บริการฉุกเฉิน 24 ชม.

BYD Dolphin พร้อมส่งมอบรถในวันที่ 17 ก.ค. เป็นต้นไป ใครที่กำลังเล็งรถยนต์ไฟฟ้าราคาไม่ถึงล้าน นี่เป็นอีกคันที่น่าจับตามองเลยครับ

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส