เช้าวันเสาร์ที่ 6 สิงหาคม อีลอน มัสก์ (Elon Musk) ซีอีโอของเทสลา (Tesla) ได้ตอบทวีตผู้ใช้ทวิตเตอร์ (Twitter) รายหนึ่งว่าหากทวิตเตอร์ทำการสุ่มตรวจสอบบัญชีผู้ใช้งาน 100 บัญชีและยืนยันได้ว่าเป็นบัญชีจริง ข้อตกลงการซื้อบริษัททวิตเตอร์ ควรดำเนินการต่อไปตามเงื่อนไขเดิม แต่ถ้าเอกสารที่ยื่นต่อ ก.ล.ต. สหรัฐฯ เป็นเท็จก็ไม่ควร

ผู้ใช้ทวิตเตอร์รายนี้ได้ทวีตเกี่ยวกับข้อมูลที่ทวิตเตอร์ยื่นต่อ ก.ล.ต. สหรัฐฯ ว่ามีบัญชีปลอม รวมทั้งวิจารณ์ว่ามีความคลุมเครือ ซึ่งมัสก์ได้ตอบทวีตว่าสรุปปัญหาได้ดี ทั้งนี้เมื่อเดือนพฤษภาคม มัสก์ได้เรียกร้องให้ ก.ล.ต. สหรัฐฯ ประเมินจำนวนผู้ใช้ของทวิตเตอร์ ก่อนที่จะยุติข้อตกลงซื้อบริษัททวิตเตอร์ และประเด็นเรื่องบัญชีปลอม ทวิตเตอร์เองก็เคยยอมรับว่ามีจริง

วันพฤหัสบดีที่ 4 สิงหาคม ทวิตเตอร์ได้ปฏิเสธคำกล่าวอ้างของมัสก์ในการยื่นฟ้องต่อศาลเดลาแวร์ว่าถูกหลอกให้ลงนามในข้อตกลงซื้อทวิตเตอร์ว่า “ไม่น่าเชื่อและขัดกับความเป็นจริง” ที่มหาเศรษฐีผู้ก่อตั้งบริษัทหลายแห่ง ซึ่งได้รับคำแนะนำจากนายธนาคารและทนายความจะถูกหลอกให้ลงนามในข้อตกลงได้ง่าย ๆ

29 กรกฎาคม มัสก์ได้ยื่นฟ้องทวิตเตอร์อย่างเป็นความลับด้วยเอกสาร 164 หน้า แม้ว่ารายละเอียดจะยังไม่สามารถเปิดเผยได้ในตอนนั้น แต่มีคนวงในที่ได้รับสำเนาคำร้องเผยว่าเป็นการฟ้องต่อสู้ทางกฎหมายในการถอนตัวจากข้อตกลงซื้อบริษัททวิตเตอร์มูลค่า 44,000 ล้านเหรียญ (1.6 ล้านล้านบาท) ซึ่งมัสก์ได้ให้เหตุผลว่ามีสิทธิ์ที่จะยกเลิกข้อตกลง เพราะถูกชักจูงให้เชื่อผ่านการรับรองสาธารณะของ Twitter ที่นำเสนอต่อนักลงทุนเกี่ยวกับยอดผู้ใช้งานที่อาศัยตัวชี้วัด mDAU ซึ่งก่อนหน้านี้มัสก์ได้อ้างถึงบัญชีปลอมและบัญชีสแปมจนเป็นเหตุต้องยุติข้อตกลงซื้อทวิตเตอร์

ที่มา : reuters

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส