หากใครจำกันได้ เมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา กรมศุลกากรได้ออกประกาศเกี่ยวกับการนำสิ่งของปลอดภาษีเข้ามาภายในประเทศ และนำอุปกรณ์ไอทีออกนอกประเทศ รวม 2 ฉบับ

ซึ่งประกาศทั้งสองฉบับนี้ สืบเนื่องมาจากการประกาศยกเลิกพ.ร.บ. ศุลกากรฉบับล่าสุด และทางกรมฯ ต้องหยิบประกาศฉบับเดิมที่เคยประกาศไว้ก่อนหน้านี้มาใช้งานอีกครั้ง จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันต่างๆ นานา ในกลุ่มนักเดินทาง และบุคคลทั่วไปที่ต้องเดินทางเข้า – ออกประเทศ

ล่าสุด กรมศุลกากร ได้ออกประกาศฉบับที่ 79/2561 เรื่อง แก้ไขประกาศกรมศุลกากรฉบับที่ 60 / 2561 โดยมีเนื้อหาใจความสำคัญก็คือ ยกเลิกประกาศการรับแจ้งสิ่งของมีค่าก่อนออกนอกประเทศ ซึ่งประกาศไปเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และให้เหตุผลด้วยว่า

ประกาศฉบับดังกล่าว มีเนื้อหาสร้างความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนในการปฏิบัติพิธีศุลกากร จึงขอยกเลิกความในข้อที่ 4 ของฉบับดังกล่าว

เมื่อย้อนกลับไปอ่านประกาศฉบับที่ 60/2561 ที่ลงวันที่ 26 กุมภาพันธ์นั้น ในข้อที่ 4 ที่มีการระบุไว้ มีความว่า

อุปกรณ์ที่จะนำออกนอกประเทศไปนั้น จะต้องเป็นของเก่าที่ใช้แล้วและมีจำนวนพอสมควร, มีเลข Serial Number ที่ชัดเจน, มีภาพถ่ายของอุปกรณ์ชิ้นนั้น และทางเจ้าหน้าที่อาจทำเครื่องหมายไว้เป็นหลักฐาน

 

ส่วนหนึ่งจากประกาศกรมศุลกากรที่ 60/2561 เรื่องการปฏิบัติพิธีการศุลกากรของติดตัวผู้โดยสารที่นำติดตัวเข้ามาในหรือส่งออกไปนอกราชอาณาจักรพร้อมกับตนทางอากาศยาน

ซึ่งจากประกาศในจุดนี้เอง ที่ทำให้เหล่านักเดินทางทั้งหลายต่างพากันไม่พอใจ ในการออกประกาศฉบับดังกล่าว เพราะต่างมองว่าเป็นการเพิ่มภาระของนักเดินทาง และทำให้ต้องเผื่อเวลาในเดินทางมายังสนามบินมากขึ้นด้วย ถึงแม้ในภายหลัง อธิบดีกรมศุลกากรได้ออกมาชี้แจงเพิ่มเติมว่า ไม่จำเป็นต้องทำทุกครั้ง แต่หากสะดวกที่จะทำ ก็สามารถมาทำที่สำนักศุลกากรในสนามบินก่อนออกเดินทางได้

แน่นอนว่าการออกมาประกาศยกเลิกประกาศที่มีการใช้งานก่อนหน้านี้ เป็นการช่วยผ่อนปรนให้กับเหล่านักเดินทาง ที่ต้องพกพาอุปกรณ์ไอที อย่างแล็บท็อป กล้องถ่ายภาพ หรือกล้องวิดีโอ ออกไปนอกประเทศ ทั้งประหยัดเวลาในการติดต่อยื่นแสดง และลดภาระการทำงานของเจ้าหน้าที่ศุลกากรภายในสนามบิน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น หากนักเดินทาง หรือบุคคลทั่วไปที่นำอุปกรณ์ดังกล่าวออกนอกประเทศ และต้องการที่จะยื่นรายการไว้ ในกรณีที่นำออกไปหลายชิ้น หรือบางชิ้นที่นำออกไปนั้น มีมูลค่าสูง ก็สามารถยื่นรายการอุปกรณ์ได้ที่สำนักศุลกากรภายในสนามบินได้เหมือนเดิม

ที่มา: กรมศุลกากร