ต้องเรียกว่าสงกรานต์เป็นเทศกาลปราบเซียนของสมาร์ตโฟนทุกแบรนด์ หลังจาก Huawei P30 Pro โดนดราม่าหนักมากก่อนหน้านี้ ว่าได้ IP68 จริงหรือไม่ ทำไมโดนน้ำแล้วฝ้าขึ้นเลนส์ได้ วันนี้ iPhone (เข้าใจว่าเป็นรุ่น XS) ของดาราสาว หนิง-ปณิตาก็เสียหายเพราะน้ำกระเซ็นใส่ ซึ่งแน่นอนว่าถ้าเจอความซื้นในเครื่องก็ไม่สามารถเรียกร้องสิทธิ์ประกันได้ ทำให้ดาราสาวต้องเสียค่าเปลี่ยนเครื่องเต็มอัตราถึง 21,300 บาท!

หนิง-ปณิตา ไลฟ์ในแฟนเพจส่วนตัวโดยมีแคปชั่นว่า

Iphone โฆษณาเกินจริงไปเปล่า ลงน้ำได้ 1 เมตร แต่นี่ แค่โดนน้ำราดหัวทีเดียวซึ่งเอาโทรศัพท์ห่างตัวแทบใช้คำว่ากระเด็นโดน หยุดโฆษณาให้คนเข้าใจแบบ งงๆ ได้มั้ยอ่า เดี่ยวนี้ราคาเครืองก้อแพงมาก คนยอมจ่ายแพงเพราะหวังได้คุณภาพที่ดีขึ้น แต่นี่รุ่นหลังๆทำไมมัน คุณภาพถอยลงราคาสูงขึ้น…… ถ้าเป็นแบบนี้อย่าโฆษณาอะไรที่มันเกี่ยวกับ “น้ำ” ให้ผู้บริโภค งง งง งง เลยค่ะ ใครดูโฆษณาก้อเข้าใจว่า โดนได้ …… แต่พอถามศูนย์ ศูนย์จะตอบเราว่า ใช้คำว่า “ทนน้ำ” ค่ะ คือมันลงน้ำได้แต่ถ้าโดนน้ำมันอาจกระเด็นไปโดนบางจุดที่ทำให้น้ำมันซึมเข้าไป งง งง งงหนักไปอีก (ย้ำ!!! แล้วทำโฆษณาแบบนี้ เพื่อ????) สงสารเจ้าหน้าที่หลายคนคงหนักใจ ตอบแต่เข้าใจ แล้วกระอักกระอ่วนตอบอะไรไม่ได้มากนักเวลาโดนลูกค้าไล่บี้ถาม คงเจอปัญหาแบบนี้เยอะ มว้ากกกกกกก ….. ใช้ iphone มาตั้งแต่เริ่มรุ่นแรก จนวันนี้ ถามต้วเองว่า “ถึงเวลาเปลี่ยนใจแล้ว ใช่ปะ ??? “ หรือ ต้องยอมจ่าย 21,000 เพื่อเปลี่ยนเครื่อง ?เปลี่ยนอะไรดี

(ปกติใช้2 เครื่อง เชื่อมะ !! อีกเครื่องที่ได้มาจากอีกค่าย ทนมากกก ทั้งๆที่เครื่องนั้นโดนน้ำเต็มๆ ไม่เป็นไร)

? ลงน้ำ กับ น้ำกระเด็น อะไรรุนแรงกว่ากัน !????

ก็เป็นเรื่องที่น่าหงุดหงิดสำหรับผู้บริโภคไม่น้อยถ้าโทรศัพท์จะมาเสียเพราะแค่น้ำกระเด็นใส่ แถมค่าซ่อมยังแพงมากขนาดนี้ ซึ่งเรื่องนี้ก็เห็นใจทั้งคุณหนิงที่โทรศัพท์ต้องมาพังเพราะแค่น้ำกระเด็นใส่ และเห็นใจแอปเปิ้ลที่มันพิสูจน์ได้ยากมากว่าลูกค้าคนหนึ่งทำยังไงกับเครื่องมา ถึงพังด้วยน้ำได้ เลยต้องเขียนกฎคุมไว้ว่าถ้าตัววัดความชื้นในเครื่องแดง ให้หลุดประกัน

iPhone XS ป้องกันน้ำระดับ IP68

iPhone XS และ XS Max นั้นมีระดับป้องกันฝุ่นและน้ำที่ IP68 หรือสามารถกันฝุ่นได้สมบูรณ์ และสามารถป้องกันน้ำได้ตามที่ผู้ผลิตกำหนด ซึ่งของแอปเปิ้ลเขียนไว้ในหน้าเว็บว่า iPhone XS สามารถป้องกันน้ำได้ที่ความลึกไม่เกิน 2 เมตร ภายในระยะเวลาสูงสุด 30 นาที ซึ่งก็ไม่น่าเสียหายได้จากกรณีน้ำกระเซ็น แต่ทุกกฎย่อมมีข้อยกเว้นครับ เพราะแทบทุกอุปกรณ์ที่ระบุว่าป้องกันน้ำได้นั้น ในเงื่อนไขรับประกันจะบอกว่าถ้ามันเสียหายจากน้ำขึ้นมาก็ประกันหลุดอยู่ดี

ทำไมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่บอกว่ากันน้ำได้ ถึงไม่รับประกันถ้าพังจากน้ำ

เพราะการเล่นกับน้ำนั้นมันก็เหมือนการเล่นกับไฟครับ มันไม่สามารถควบคุมตัวแปรทุกอย่างได้ตลอด ผู้ผลิตไม่มีทางรู้เลยว่าสมาร์ตโฟนที่เขาเทสต์ว่าป้องกันน้ำเรียบร้อยแล้ว ต้องเจอกับอะไรบ้างเวลาที่ผู้ใช้เอาไปเจอน้ำ ความสามารถป้องกันน้ำจึงมีเพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดจากน้ำเท่านั้นนะครับ เช่น อยู่ๆ ทำเครื่องตกน้ำ ก็อาจมีโอกาสรอด ไม่ใช่ทำเพื่อให้เอามือถือไปถ่ายภาพใต้น้ำ

คิดถึงเวลามือถือตกน้ำหรือโดนน้ำนะครับ แค่มีรอยนิดเดียว น้ำก็ซึมเข้าไปได้แล้ว

สมาร์ตโฟนของคุณอาจเจอเรื่องพวกนี้ระหว่างโดนน้ำก็ได้

  1. ใช้งานมานานจนซีลยางด้านในเสื่อมไปแล้ว
  2. เคยทำตก ซึ่งแม้เครื่องไม่พังแต่ซีลกันน้ำหลวมออกมา
  3. เจออากาศร้อน-หนาวจนซีลเสียหาย
  4. เวลาทำตกน้ำ ไม่ได้ลงน้ำตรงๆ แต่กระแทกอย่างอื่นจนมีปัญหา
  5. เจอน้ำที่มีแรงดันเข้าไปในช่องลำโพงหรือไมโครโฟน
  6. ตกน้ำลึกไป
  7. ตกน้ำนานไป
  8. ตกน้ำที่ไหลเชี่ยว ทำให้การป้องกันน้อยกว่าที่เทสต์มากับน้ำนิ่ง
  9. โดนน้ำเกลือ น้ำสกปรก

สรุป อย่าเสี่ยงเอาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ไปโดนน้ำเลย ถ้าไม่พังก็ดีไป แต่ถ้าพังขึ้นมา ประกันก็มักไม่รับซ่อมนะ