หลังเปิดตัว YouTube Premium และ YouTube Music ไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปลายปี 2019 ซึ่งเน้นเอาใจ ฝั่งผู้ใช้งาน ที่อยากเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานให้สะดวกมากขึ้น เช่น ไม่มีโฆษณาขั้นระหว่างดู หรือการได้ฟังเพลงที่มีจำนวน และคุณภาพเสียงที่ดีมากขึ้น ทั้งยังสามารถแชร์ใช้งานร่วมกันกับสมาชิกในครอบครัวได้ ตามที่แบไต๋ฯ ได้ทำวีดิโอ และเขียนเป็นบทความไว้ กดอ่านย้อนหลังได้ ที่นี่ 

ล่าสุด YouTube ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ เอาใจ ฝั่ง YouTuber หรือ Video Creator ของตัวเองมากขึ้น โดยมีชื่อว่า YouTube Membership 

ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ทำให้เหล่า YouTuber สามารถเพิ่มช่องทางสร้างรายได้ให้กับช่อง หรือ Channel ของตัวเอง นอกจาก การได้ส่วนแบ่งจากค่าโฆษณา, การขายสินค้าของที่ระลึก หรือการรับสปอนเซอร์จากสินค้าบริการต่าง ๆ

ด้วยช่องทางในการสร้างรายได้ใหม่ คือการ สร้างระบบ Member หรือ ระบบสมาชิกรายเดือน ที่สามารถกำหนดตั้งค่า ราคาสมาชิกในแต่ละระดับขึ้นเองได้ โดยมีราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 20 – 3,000 บาท (ต่อเดือน) 

ซึ่งมีสัดส่วนการแบ่งรายได้จากค่าสมาชิก ในอัตรา 70:30
(ผู้ผลิตเนื้อหา 70% และ YouTube 30%)

โดยฟีเจอร์นี้จะสามารถเปิดใช้งานได้ ต้องผ่านเงื่อนไข การมีผู้ติดตาม 30,000 Subscribe จึงจะสามารถเปิดใช้งาน ระบบสมาชิก กำหนดสิทธิ์ในการเข้าถึงคอนเทนต์ รวมถึงสิทธิพิเศษต่าง ๆ ได้ เช่น

  • สิทธิ์ในการดูวิดีโอก่อนใคร
  • การได้รับชมวิดีโอเนื้อหาพิเศษสำหรับสมาชิกเท่านั้น เช่น คลิปวิดีโอเบื้องหลังการถ่ายทำ
  • การเข้าถึงเนื้อหาในระดับ Exclusive ที่เข้มข้น เจาะลึก หาชมจากคอนเทนต์แบบฟรีไม่ได้
  • สิทธิ์การเข้าถึงไลฟ์แชต หรือการเข้าชมไลฟ์สตรีมมิง
  • การกล่าวถึงชื่อสมาชิกในวิดีโอ
  • การได้รับป้ายไอคอน หรือตราสัญลักษณ์แสดงระดับของการสนับสนุนช่อง
  • สิทธิ์ในการจอง ได้รับส่วนลด สำหรับการซื้อสินค้า บริการ
  • สิทธิ์ในการเข้าร่วมเล่นเกม event กิจกรรมต่าง ๆ และสิทธิพิเศษอื่น ๆ อีก ฯลฯ

แม้ YouTube ไม่ใช่ Video Sharing แพลตฟอร์มแรกที่เปิดให้มีการสนับสนุนในลักษณะนี้ แต่ถือเป็นการปรับเปลี่ยนที่น่าสนใจ ชวนติดตามให้ดูกันต่อว่าหลังจากมีฟีเจอร์นี้ เหล่า YouTuber จะสร้างสรรค์คอนเทนต์ออกมาให้ผู้ชม ประทับใจ แปลกใหม่ แตกต่างไปจากเดิมได้แค่ไหน?

youtube

ถือเป็นการเพิ่มโอกาส และความพิเศษให้กับฐานแฟนที่ชื่นชอบ และอยากสนับสนุนช่องให้เติบโต ในขณะเดียวกันก็ถือเป็นการเพิ่มช่องทางในการสร้างรายได้ใหม่ ให้กับเหล่านักสร้างสรรค์ หรือ YouTuber ให้สามารถนำไปพัฒนาต่อยอดคอนเทนต์ ให้น่าสนใจ ผลิตผลงานดี ๆ (ทั้งแบบฟรี และสำหรับสมาชิก) ให้มีคุณภาพ ปริมาณ และความพิเศษมากยิ่งขึ้น

ยิ่งเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไว พร้อมจะมีอะไรแปลกใหม่ ออกมาให้ใช้ตลอด อีก 3-5 ปีต่อจากนี้ หาก YouTube ไม่ขยับ หรือปรับตัว อาจมี Live Stream หรือ Video Sharing เจ้าอื่น มาดึงตัวเหล่า creator ความสนใจ เวลา สินค้า สายตาของผู้ชม จนขยับขึ้นมาแย่งส่วนแบ่งการตลาด ที่ YouTube ยืนหนึ่งมาตลอดหลายปีก็เป็นได้

ต้องติดตามดูกันต่อไป ว่าจะมีความเปลี่ยนแปลงอะไรเกิดขึ้นตามมาต่อจากนี้บ้าง

ที่มา

 

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส