งาน Acer Rock Paper Scissors ที่จัดขึ้น ณ กรุงไทเป ประเทศไต้หวัน โดยจะเป็นงานเปิดตัวสินค้าใหม่ ๆ จาก Acer โดยหลัก ๆ เลยเราจะได้เห็น Laptop และ Desktop รุ่นใหม่ ๆ ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น ซีรีส์ Swift, Predator Helios Triton , Nitro, และแน่นอนกับ Chromebook รุ่นใหม่ รวมไปถึง ConceptD PC คุณภาพสูงที่ออกแบบมาสำหรับผู้ใช้งานสายทำ Content และสุดท้ายกับชุด Enduro ที่เปิดตัวมาใหม่ Notebook ที่ออกแบบมาเพื่อความทึก ทนต่อการใช้งานครับ

และเพื่อไม่เป็นการเสียเวลา เรามารับชมสินค้าตัวจริงกันเลยครับ เพราะมันมีเยอะมาก !!


General Laptop


มาเริ่มกันที่ Laptop ทั่ว ๆ ไปสำหรับผู้ใช้งานทั่วไปกันก่อนเลยครับ อย่างที่ทราบกันดีกว่า Acer Swift นั้นได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากที่รุ่นใหม่ออกมาเป็นส่วนหนึ่งของ Project Athena โดยมีราคาถูก และคุณภาพที่ดี โดยงานนี้ Acer ได้เปิดตัว Swift 5 รุ่นใหม่ พร้อมกับ Chromebook รุ่นใหม่อีก 2 ตัวด้วยกัน

โดยมาดูที่ตัว Acer Swift 5 กันก่อนครับ ตัวเครื่องยังคง Concept เดิมก็คือ Thin & Light โดยเจ้า Swift 5 ตัวนี้จะมีความบางกว่าตัวก่อน ๆ มาก และมีน้ำหนักน้อยกว่า 1 กก. ตัวบอดี้ทำจากแมกนีเซียมลิเธียมและแมกนีเซียมอลูมิเนียมคุณภาพสูง มีหน้าจอขนาด 14 นิ้ว FullHD เทคโนโลยี Corning Gorilla Glass พร้อมเคลือบสาร Antimicrobial ป้องกันแบคทีเรียที่ Touch Pad ให้สัดส่วนหน้าจอสมจริงถึง 90%

New Acer Swift 5

มาพร้อมกับ Intel Core i (ไม่ได้ว่า Gen ไหน) สถาปัตยกรรม Intel Xe และการ์ดจอแยกจาก Intel หรือ NVIDIA GeForce MX350 GPU โดยมี Ram อยู่ที่ 16GB LPDDR4 และ Storage ที่ใช้ SSD แบบ M.2 แน่นอนว่ารองรับ Wifi 6 AX201, Bluetooth 5.0 มาพร้อมกับแบตเตอรี่ใช้งานยาวนาน และสามารถชาร์จได้อย่างรวดเร็ว (Fast Charge) สามารถใช้งานได้ถึง 4 ชั่วโมงในการชาร์จ 30 นาที

Acer Swift 5 จะเริ่มวางจำหน่ายในอเมริกาเหนือ เดือนตุลาคม ราคาเริ่มต้นที่ 999.99 สำหรับยุโรปตะวันออกกลาง วางจำหน่ายในเดือนตุลาคม ราคาเริ่มต้นที่ 1,099 ยูโร และในประเทศจีน วางจำหน่ายในเดือนตุลาคม ราคาเริ่มต้นที่ 6,999 หยวน

Chromebook

มาดูในส่วนของ Chromebook กันบ้างครับ โดยคราวนี้ Acer ได้เปิดตัว Chromebook มาใหม่ 2 รุ่นด้วยกันได้แก่ Acer Chromebook Spin 713 และ Chromebook Spin 311 โดยทั้งสองรุ่นนี้จะมีความแตกต่างกันอยู่มากทั้งในเรื่องของราคา และความสามารถ แต่ทั้งคู่ก็ยังเป็น Chromebook ที่อยู่ในโครงการ Project Athena ที่ขับเคลื่อนอยู่ใน Chrome OS เหมือนกันนั้นเอง

Acer Chromebook Spin 713

เริ่มที่ตัว Acer Chromebook Spin 713 กันก่อนเลย ตัวเครื่องนั้นมาพร้อมกับ CPU Intel Core i 10th Gen (Ice Lake) โดยมีให้เลือกตั้งแต่ Core i7 ไปถึง Core i3 พร้อมกับชิปกราฟิก Intel UHD และมี RAM ทั้ง Single-Channel 4GB และ Dual-channel 8-16GB

ตัวหน้าจอจะเป็น IPS Corning Gorilla Glass ขนาด 13.5 นิ้ว ให้แสดงผลระดับ 2K ในอัตราส่วน 3:2 เทคโนโลยีหมุนพับได้ 360 องศา ตัวเครื่องจะมีน้ำหนักอยู่ที่ 1.37 กก. แบตเตอรี่ที่อยู่ได้ยาวนานกว่า 10 ชั่วโมง รองรับ Wi-Fi 6 AX201 และ Bluetooth 5.0

Acer Chromebook Spin 713 จะเริ่มวางจำหน่ายในอเมริกาเหนือ เดือนกรกฎาคมราคาเริ่มต้นที่ 629.99 เหรียญสหรัฐ สำหรับภูมิภาคยุโรปตะวันออกกลาง วางจำหน่ายในเดือนมิถุนายน ราคาเริ่มต้นที่699 ยูโร


ต่อมากับรุ่น Acer Chromebook Spin 311 โดยรุ่นนี้ถือว่าเป็นรุ่นประหยัดที่ราคาไม่สูงมาก มาพร้อมกับสเปกกลาง ๆ อย่าง MediaTek MT8183 processor พร้อมกับ Mali-G72 MP3 GPU โดยมี Ram อยู่ที่ 4GB DDR4 รองรับ Dual-channel ตัวเครื่องมีน้ำหนัก 1.05 กก. โดยหน้าจอมีขนาด 11.6 Multi-touch TFT IPS สัดส่วนภาพที่ 16:9 แบตเตอรี่ที่อยู่ได้ยาวนานกว่า 15 ชั่วโมงต่อการชาร์จครั้งเดียวครับ

Acer Chromebook Spin 311

Acer Chromebook Spin 311 จะเริ่มวางจำหน่ายในอเมริกาเหนือ เดือนกรกฎาคม ราคาเริ่มต้นที่259.99 เหรียญสหรัฐฯ สำหรับภูมิภาคยุโรปตะวันออกกลาง วางจำหน่ายในเดือนมิถุนายน ราคาเริ่มต้นที่ 299 ยูโร


Gaming


ถ้าหากพูดถึง Acer เหล่าเกมเมอร์หลาย ๆ คนคงนึกถึง Predator, Nitro โดยในงานนี้ Acer ได้จัดเต็มมาก เพราะนอกจาก Laptop รุ่นใหม่ ๆ แล้ว ก็ยังมีทั้ง Desktop รุ่นใหม่ ๆ มาพร้อมกับ PC Monitor, Gaming Chair โดยผมจะมัดรวมข้อมูลมาให้ดูกันทีเดียวเลยครับ

แต่ก่อนหน้านั้นเรามาดูที่ทางฝั่ง Laptop กันก่อน แน่นอนว่าในตลาด Gaming Notebook ของ Acer นั้นเป็นไปได้สวยมาก อย่างที่รู้กันว่า Acer Nitro 5 นั้นทำได้ดีทั้งในเรื่องของสเปก ราคา และวัสดุ ที่ถูกใจเกมเมอร์หลาย ๆ คน และภายในงาน Acer ก็ได้เปิดตัว Gaming Notebook Nitro รุ่นใหม่ออกมาทั้งหมด 2 รุ่นด้วยกัน (Nitro 5, Nitro 7) รวมไปถึง Gaming Desktop Nitro อีก 1 รุ่นด้วยครับ

มาเริ่มที่ Nitro 7 โดยตัวเครื่องจะมาพร้อมกับ CPU Intel 10 Core i7-10750H พร้อมกับ NVIDIA GeForce RTX 2060 โดยมี RAM เครื่องเริ่มต้นอยู่ที่ 16GB DDR4 สามารถ Upgrade เพิ่มสูงสุดที่ 32GB มาพร้อมกับ SSD NVMe มีให้เลือกตั้งแต่ 256GB ถึง 1TB หน้าจอขนาด 15.6 นิ้ว FullHD 144Hz ตัวเครื่องมีน้ำหนักอยู่ที่ 2.5 กก. แบตเตอรี่อยู่ได้นานถึง 8 ชั่วโมง

ส่วนเจ้าตัว Nitro 5 นั้นจะสเปกภายนอกเหมือนกับ Nitro 7 แทบจะทุกอย่าง แต่จะมาพร้อมกับ CPU AMD Ryzen 7 4800H, Ryzen 5 4600H แทนครับ ส่วน GPU ก็จะเป็น Nvidia Geforce GTX 1650 Ti โดยในรุ่นนี้จะมี HDD มาให้เลือกด้วยตั้งแต่ 1TB 7200RPM และ 1-2TB 5400 RPM ตัวเครื่องมีน้ำหนักอยู่ที่ 2.3 กก. แบตเตอรี่อยู่ได้นานถึง 10 ชั่วโมง

โดยทั้งสองรุ่นนั้นรองรับ Intel Wireless Wi-Fi 6 AX200 และ Killer Ethernet E2600 ในส่วนนี้ผมยังไม่แน่ใจว่าเป็น Killer Wi-Fi ด้วยไหม (เพราะ Intel ได้ชื้อ Killer Wi-fi ไปแล้ว)

Nitro 7 จะเริ่มวางจำหน่ายในอเมริกาเหนือในเดือนตุลาคม ราคาเริ่มต้นที่ 999.99 เหรียญสหรัฐฯ โดยตอนนี้ยังไม่มีราคาของ Nitro 5 ออกมาครับ

Desktop Acer Nitro 50

ต่อมากับ Gaming Desktop อย่าง Nitro 50 ที่เลือกใช้ Intel 10th Gen Core i โดยมีให้เลือกตั้งแต่ Core i7 ถึง Core i3 มาพร้อมกับ RAM 16GB DD4 2666MHz Dual-Channel Upgrade ได้ถึง 64GB มี GPU ให้เลือกอย่าง Geforce RTX 2060 Super ไปจนถึง GTX 1660 และ GTX 1650 ตัวเครื่องมาพร้อมกับ HDD หลากหลายขนาดตั้งแต่ 3TB 5400RPM และ 1-2TB 7200RPM มี SSD ตั้งแต่ 128GB-1TB แบบ M2 ซึ่งเป็นสเปกระดับกลาง ๆ ครับ

โดยเจ้า Desktop Nitro 50 นั้นมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 799.99 เหรียญสหรัฐฯ และในประเทศจีน ราคาเริ่มต้นที่ 4,599 หยวน


Predator


มาดูซีรีส์ Predator กันบ้างครับ งานนี้ Acer ก็จัดเต็มกับทั้งชุด Predator Helios และ Predator Triton ทั้งคู่มาพร้อมกับสเปกสุดโหด และงานประกอบชั้นดี ที่เกมเมอร์หลาย ๆ คนอยากจะเป็นเจ้าของครับ

มาเริ่มที่ตัว Predator Helios 700 กันก่อนเลยครับ ตัวเครื่องจะมาพร้อมกับ Intel Core i9-10980HK GPU เป็น Nvidia Geforce RTX 2080 Super RAM 16GB DDR4 Upgrade ได้ถึง 64GB มาพร้อมกับ SSD 2TB NVMe น้ำหนักตัวเครื่องอยู่ที่ 4.8 กก. มีขนาดหน้าจอที่ 17.3 Full HD TFT IPS 144Hz รองรับ G-Sync มาพร้อมกับ Killer Wi-Fi 6 AX1650 และ Killer Ethernet E3100G อีกทั้งยังรองรับระบบเสียง DTS X.Ultra Audio และมี Acer Purfied Voice สำหรับตัว Microphone อีกด้วยครับ

Predator Triton 300

ส่วนรุ่นรองลงมาอย่าง Predator Triton 300 นั้น จะมาพร้อมกับ Intel Core i7-10750H โดยรุ่นนี้จะมี GPU ให้เลือกตั้งแต่ RTX 2070 MAX-Q หรือจะเป็น RTX 2060, GTX 1660Ti โดยจะมี RAM อยู่ที่ 16GB DDR4 Dual Channel และ Upgrade ได้สูงสุดที่ 32GB ตัวเครื่องนั้นมีน้ำหนักอยู่เพียงแค่ 2.1 กก. เท่านั้น มีขนาดหน้าจอที่ 15.6 Full HD TFT IPS 240Hz แน่นอนว่ามาพร้อมกับ Killer Wi-Fi 6 AX1650 และ Killer Ethernet E2600 และรองรับระบบเสียง DTS X.Ultra Audio และมี Acer Purfied Voice เหมือนกันครับ

Predator Helios 700

โดยเจ้า Predator Helios 700 นั้นจะมีราคาอยู่ที่ 2,399.99 เหรียญสหรัฐ สำหรับ Predator Triton 300 นั้นจะอยู่ที่ 1,299.99 เหรียญสหรัฐฯ โดยทั้งสองรุ่นจะวางจำหน่ายในเดือนกันยายนนี้ครับ

มาดูที่ Desktop กันบ้างครับ โดย Acer ได้เปิดตัว Predator Orion มาเพิ่มถึง 2 รุ่นด้วยกันได้แก่ Predator Orion 9000 และ Predator Orion 3000

สำหรับตัว Desktop Predator Orion 9000 นั้นต้องบอกว่าจัดเต็มไม่แพ้ Laptop เลยครับ เพราะมันมาพร้อมกับ Intel Core i9-10980XE Extream Edition และ GPU อย่าง Nvidia Geforce RTX 2080Ti มี RAM อยู่ที่ 16GB DDR4 2993MHz (XMP up to 3600) รองรับ four channel Upgrade ได้สูงสุด 128GB Storage แบบ SSD NVME 1TB ระบบระบายความร้อน CPU แบบ Liquid Cooler (ชุดน้ำ) ที่มาพร้อมกับพัดลมหม้อน้ำ 2 ตัว ขนาด 240mm และพัดลมติด Case เพิ่มเติมอีก 3 ตัวขนาด 120mm RGB ทั้งชุด

Predator Orion 9000

นอกจากนี้ตัวเครื่องก็ยังรองรับ Wi-Fi 6 และมี Killer E3100G Gigabit Ethernet รองรับ Bluetooth 5.1 นอกจากนี้ตัว Case เองก็ยังมีการออกแบบที่ดี และใช้พกพาเคลื่อนย้ายได้ง่ายอีกด้วยครับ

Predator Orion 3000

ส่วนสำหรับตัว Orion 3000 นั้น ก็เป็นรุ่นเล็ก แต่สเปกไม่ได้เล็กตามมา เพราะมันมาพร้อมกับ Intel Core i7 10th Gen หรือ Core i5 มาพร้อมกับ GPU อย่าง RTX 2070 Super หรือ GTX 1660 Super และมี RAM อยู่ที่ 16GB Upgrade ได้ที่ 64GB ตัว Case นั้นได้ติดพัดลมระบายความร้อนมาให้สองตัวขนาด 92mm แน่นอนว่ารองรับ Wi-Fi 6 และมี Killer E2600 Gigabit Ethernet มาให้ ตัวเครื่องมีขนาดเล็กมากครับ

Predator Orion 9000

มาถึงตรงนี้ หลาย ๆ คนคงอยากทราบราคา โดยเจ้า Predator Orion 9000 จะเริ่มวางจำหน่ายในภูมิภาคยุโรปตะวันออกกลาง ในเดือนตุลาคมราคาเริ่มต้นที่ 2,799 ยูโร และเดือนกันยายนที่ประเทศจีน ในราคาเริ่มต้นที่ 20,999 หยวน

Predator Orion 3000

และสำหรับ Predator Orion 3000 จะเริ่มจำหน่ายในอเมริกาเหนือ เดือนกันยายน ราคาเริ่มต้นที่ 999.99 เหรียญสหรัฐฯ และในประเทศจีน วางนำหน่ายในเดือนกรกฎาคมราคาเริ่มต้นที่ 8,999 หยวน

แน่นอนว่าในส่วนของ Predator เองก็ยังไม่หมดแค่นี้น แต่จะรวมไปถึง Gaming Chair และ PC Monitor อีกด้วย แต่ถ้าหากจะให้ผมใส่ข้อมูลมาทั้งหมด บทความนี้ก็คงจะยาวเกินไป เพราะฉะนั้นเราจะขอข้ามไปพูดถึง Laptop ที่น่าสนใจที่เหลือกันก่อน


ConceptD


ConceptD เครื่องมือคู่ใจที่งานสายครีเอเตอร์ต้องมีครับ มันคือสุดยอด PC ที่ออกแบบมาสำหรับ คนที่ทำงานด้าน Content ต่าง ๆ ด้วยดีไซน์ล้ำสมัยด้วยประสิทธิภาพที่เหนือชั้น ให้ความถูกต้องของสีในระดับมืออาชีพด้วยจอแสดงผล PANTONE Validated งานนี้ทาง Acer ได้จัดเต็มทั้งในส่วนของ Desktop และ Laptop รุ่นใหม่ ๆ มากมายหลายรุ่นด้วยกัน

มาดูที่ทางฝั่ง Laptop กันก่อนครับ โดยหลัก ๆ ก็จะมี ConceptD 3 Ezel ที่มาพร้อมกับ Intel Core i7-10750H GPU เป็น NVIDIA Geforce GTX 1650Ti RAM 16GB DDR โดยจุดเด่นคือหน้าจอแบบ 14.0/15.6 Full HD TFT IPS Corning Gorilla Glass การันตีความแม่นยำของค่าสีด้วยมาตรฐาน Delta E ที่น้อยกว่า 1 ให้ความนิ่งสงบความเงียบของพัดลม AeroBlade TM 3D ที่ลดเสียงรบกวนในระดับต่ำกว่า 40dB

ConceptD 3 Ezel

แบตเตอรี่ให้ชั่วโมงการใช้งานสูงสุด 18 ชั่วโมง ครอบคลุมการทำงานทั้ง Drawing, Sketching และยังสามารถใช้งานด้าน 3D Animation ได้ บานพับที่สามารถปรับการใช้งานได้ตามสถานการณ์ได้ถึง 6 รูปแบบด้วยกัน

ConceptD 3

ส่วนอีกรุ่นนั้นก็เป็นรุ่นทีเหมือนกับตัว Ezel ทุกอย่างครับ แต่เพียงแค่จะไม่สามารถปรับบานพับหน้าจอได้นั้นเอง โดย ConceptD 3 Ezel พร้อมจำหน่ายในอเมริกาเหนือ เดือนสิงหาคม ราคาเริ่มต้นที่ 1,499.99
เหรียญสหรัฐฯ และในประเทศจีน ในเดือนสิงหาคม ราคาเริ่มต้นที่ 9,999 หยวน

ส่วน ConceptD 3 จะเริ่มวางจำหน่ายในอเมริกาเหนือ เดือนตุลาคม ราคาเริ่มต้นที่ 999.99 เหรียญสหรัฐฯ และในประเทศจีน เดือนกันยายน ราคาเริ่มต้นที่ 8,999 หยวน

ต่อมาเรามาดู ConceptD Desktop กันบ้างครับ แน่นอนว่าเมื่อเป็น Desktop ก็ต้องรวม Monitor เข้าไปด้วย แต่เรามาดูเจ้าตัว Desktop กันก่อนเลย

ConceptD 100 เป็น Desktop สำหรับสาย Creator ที่เหมาะกับการงานออกแบบ 3D/2D หรืองานตัดต่อวิดีโอ มาพร้อมกับ Intel Core Gen 9 และ Nvidia Quadro GPU พร้อมพื้นที่จัดเก็บข้อมูล SSD ที่สูงถึง 256GB และ RAM 32GB

ConceptD 100 จะเริ่มวางจำหน่ายในภูมิภาคยุโรปตะวันออกกลาง ในเดือนมิถุนายน ราคาเริ่มต้น 799
ยูโร

มาดูที่ Monitor กันต่อเลยครับ ต้องบอกก่อนเลยว่า Acer ได้เปิดตัวมาหลายรุ่นมาก โดยผมจะเอารุ่นที่น่าสนใจที่สุดมานำเสนอ ซึ่งนั้นก็คือ ConceptD CP5 และ ConceptD CM3 นั้นเอง

ConceptD CP5271U

ConceptD CP5 เป็น Monitor สำหรับกราฟิกครีเอเตอร์นักตัดต่อและอนิเมเตอร์มืออาชีพที่ต้องการจอที่มีประสิทธิภาพสูงพร้อมความแม่นยำของสีที่โดดเด่น ได้รับการออกแบบมาสำหรับงานที่ต้องการความละเอียด แม่นยำของสีและช่วงสีที่กว้าง มีอัตราการรีเฟรชสูงเพื่อความสะดวกในการออกแบบ

ConceptD CP5271U

ConceptD CP5271U ให้ภาพสมบูรณ์เหมือนจริงด้วยการแสดงค่าสีแม่นยำในระดับ DeltaE <1 จอแสดงผลแบบ PANTONE 1.07 พันล้านสี มีความละเอียดภาพอยู่ที่ WQHD 2560 x 1440, VESA Display HDR 600 รองรับ Adaptive-Sync และ Overclock อัตราการรีเฟรชได้ถึง 170 Hz เพราะสำหรับงานตัดต่อ CG ระดับมืออาชีพครอบคลุมสี Adobe RGB 99% ให้อัตราการตอบสนองอย่างรวดเร็ว 1 ms (GTG)

ConceptD CP5 พร้อมจำหน่ายในอเมริกาเหนือ เดือนสิงหาคม ราคาเริ่มต้นที่ 749.99 เหรียญสหรัฐฯ และในประเทศจีน ในเดือนกรกฎาคม ในราคาเริ่มต้นที่ 4,999 หยวน

ConceptD CM3 เป็น Monitor สำหรับกราฟิกมืออาชีพ และรีทัชเชอร์ที่ต้องการจอภาพที่ละเอียดครอบคลุมทุกส่วนของการแสดงภาพ 3D เพื่อ ให้ความแม่นยำของสีที่ดีเยี่ยม

ConceptD CM3271K

ConceptD CM3271K เป็น Monitor 4K UHD ให้ความละเอียด 3840 x 2160 พร้อมช่วงเวลาตอบสนอง 4 ms (G to G) อัตราการรีเฟรช 60Hz รองรับขอบเขตสี Adobe RGB 99% สามารถทำงานร่วมกับ AMD Radeon FreeSync รองรับ PANTONE ให้ค่า Delta E<2 และรองรับ VESA-certified Display HDR™ 400

ConceptD CM3271K พร้อมจำหน่ายในอเมริกาเหนือ เดือนสิงหาคม ราคาเริ่มต้นที่ 709.99
เหรียญสหรัฐฯ และประเทศจีน ในเดือนกรกฎาคม ด้วยราคาเริ่มต้นที่ 4,999 หยวน


Enduro


มาถึง Highlight ของงานครับ Acer ได้เปิดตัวโปรดักต์ไลน์ใหม่ “Enduro” กลุ่มผลิตภัณฑ์โน้ตบุ๊กและแท็บเล็ตสายพันธุ์อึดที่ออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อมอบความทนทาน ความสะดวกในการพกพาและประสิทธิภาพที่จำเป็นสำหรับมืออาชีพที่ทำงานในพื้นที่ งานภาคสนามและอุตสาหกรรมการผลิตต่าง ๆ

Enduro Series นั้นมาพร้อมมาตรฐาน MIL-810G (มาตรฐานการทดสอบการสั่นสะเทือน) และ IP65 (มาตรฐานที่บอกถึงระดับการป้องกันฝุ่นและน้ำ) นอกจากการป้องกันทางกายภาพของตัวเครื่องแล้วยังรวมถึงการจัดการความปลอดภัยและการจัดการต่าง ๆ เช่น Acer Enduro Manageability Suite (AEMS) ระบบที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการจัดการอุปกรณ์ให้มีความปลอดภัยมากขึ้น

โดยสำหรับ Notebook นั้น Acer ได้เปิดตัวมาทั้งหมด 2 รุ่นได้แก่ Acer Enduro N7, และ Enduro N3 ส่วนสำหรับ Tablet นั้นก็ได้เปิดตัวมา 3 รุ่นด้วยกันได้แก่ Acer Enduro T5, Enduro T1(Andriod) และ Enduro T1(Windows) ครับ

Acer Enduro N7

Acer Enduro N7 เป็น Notebook แบบ Rugged ที่มีความแข็งแกร่ง ทนต่อสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย ผลิตด้วยวัสดุที่ดูดซับแรงกระแทก ได้รับการการออกแบบให้ทนทานต่อการตกกระแทกพื้น และปกป้องการซึมผ่านของฝุ่นและน้ำ ด้วยคุณสมบัติดังกล่าวทำให้อุปกรณ์สามารถทำงานได้ทุกสภาพอากาศ

ภายในเครื่องเองก็แข็งแกร่งไม่แพ้กัน ตัวเครื่องมาพร้อมกับ Intel Core i5 Gen8 GPU Intel UHD 620 มาพร้อมกับ Ram 8GB และ SSD 128GB Sata รองรับ Bluetooth 4.2 มีน้ำหนักอยู่ที่ 2.85 กก. ครับ

Acer Enduro N7

Acer Enduro N7 มีหน้าจอ FHD 14 นิ้ว ให้การมองเห็นที่ยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นกลางแดดหรือในร่มด้วยความสว่าง 700 nit มาพร้อมแบตเตอรี่คู่ ทั้ง hot-swappable ที่สามารถใช้งานได้ต่อเนื่อง 10 ชั่วโมง และแบตเตอรี่แบบ built-in มาเพิ่มอีก 1 ชุด พร้อมกับระบบรักษาความปลอดภัยจัดเต็ม และมีระบบสแกนลายนิ้วมืออีกด้วย (นี่มัน PC ในหนังสายลับชัด ๆ)

Acer Enduro N3

ต่อมาครับกับ Acer Enduro N3 ที่เป็นรุ่นรองลงมาจากตัว N7 โดยรุ่นนี้จะไม่ใช่ Rugged แต่มีรูปร่างหน้าตาเหมือน ๆ กับ Notebook ทั่ว ๆ ไป เพิ่มเติมคือมันอึด ทึก ทน มากกว่าเดิมนั้นเอง เหมาะกับการทำงานที่หลากหลาย ทั้งสถาปนิก ผู้ตรวจสอบโครงการ ผู้จัดการ และเจ้าหน้าที่ภาคสนามหรือแม้กระทั่งผู้ชื่นชอบกิจกรรมกลางแจ้งที่ชอบออกไปผจญภัยครับ

Acer Enduro N3

Acer Enduro N3 นอกจากจะได้รับการออกแบบให้ทนน้ำ ทนฝุ่นตามมาตรฐาน MIL-810G และ IP65 แล้ว ก็ยังมี Corning Gorilla Glass ที่ช่วยปกป้องจอแสดงผลจากน้ำ ตัว Acer Enduro N3 มาพร้อมกับ Intel Core i7 Gen 10th และ GPU NVIDIA GeForce MX230 พร้อมกับ SSD 128GB NVMe

Acer Enduro N3 พร้อมจำหน่ายในอเมริกาเหนือ เดือนสิงหาคม ราคาเริ่มต้นที่ 899 เหรียญสหรัฐฯ และวางจำหน่ายแล้วในยุโรปตะวันออกกลาง ราคาเริ่มต้นที่ 999 ยูโร สำหรับราคาของ Enduro N7 ตอนนี้ยังไม่มีบอกครับ


ต้องบอกเลยว่าสินค้าทั้งหมดนั้นน่าสนใจเป็นอย่างมากเลยทีเดียว เป็นการเปิดโอกาสให้หลาย ๆ คนเริ่มเข้ามาทำความรู้จักกับ Acer มากยิ่งขึ้น เพราะมีสินค้าออกมารองรับลูกค้าทุกประเภทเลยจริง ๆ

สำหรับใครที่ต้องการชม Live เต็ม ๆ ก็คลิกเข้าไปดูด้านบนได้เลยครับ และอย่าลืมติดตาม Beartai.com กันให้ดี ๆ เพราะเราจะคอย Update ข่าวสารใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่องแน่นอน สำหรับวันนี้ สวัสดีครับ

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส