เปิดตัวกันไปแล้วกับ iPhone 12 ซึ่งมีด้วยกันถึง 4 รุ่น แน่นอนว่าหลายอย่างในรุ่นนี้ก็ปรับปรุงไปเยอะ โดยเฉพาะดีไซน์เครื่องที่บางเบาถูกใจมาก แต่เราคิดว่ามีอยู่ 5 ประเด็นที่เราอยากรอให้ Apple ปรับปรุงก่อน ก่อนที่จะอัปเกรด iPhone เป็นรุ่นใหม่ นั้นคือ!

1. ยังใช้พอร์ต Lightning

iPhone 12 ทุกรุ่นยังคงใช้สายพอร์ตแบบ Lightning ที่มีความเร็วในการเชื่อมต่อต่ำ และไม่รองรับอุปกรณ์กว้างขวางเท่า USB-C นี่จึงเป็นจุดที่เราขัดใจมากที่สุด แถมสายชาร์จที่ให้มาก็ยังเป็นสายธรรมดาที่รักษ์โลกจนย่อยสลายง่าย ไม่ได้เป็นสายถักอย่างที่ลือกัน

ซึ่งนี่เป็นเหตุผลที่จะรอดูว่า iPhone 13 จะเปลี่ยนไปใช้ USB-C จริงไหม ดังที่ก่อนหน้านี้มีข่าวที่ยุโรปจะให้เปลี่ยนมาเป็น USB-C ซึ่งเป็นมาตรฐานตอนนี้ รองรับอุปกรณ์หลากหลาย จ่ายไฟออกมาให้อุปกรณ์อื่น ๆ ได้

2. จอ ProMotion แบบนุ่มยังไม่มา

Apple ยังไม่ใส่เทคโนโลยีจอ ProMotion หรือจอที่ให้ Refresh Rate สูงกว่า 60 Hz จนมีการเคลื่อนไหวนุ่มนวลลงที่ใช้ใน iPad Pro มาใน iPhone ในขณะที่เรือธงฝั่ง Android ทั้งตลาดเป็นจอนุ่มกันหมดแล้ว ก็คาดได้ไม่ยากว่านี่คือสิ่งที่แอปเปิ้ลจะใส่เข้าไปใน iPhone รุ่นถัดไป ซึ่งถ้าคุณเคยใช้ Android ที่เป็นหน้าจอ Refresh Rate สูงๆ คุณจะไม่อยากใช้จอ 60 Hz ที่ iPhone ใช้ในรุ่นปัจจุบันนี้เท่าไหร่นัก

*120 Hz นั้นคืออัตราการแสดงผลที่ทำให้ดูลื่นไหลสบายตามากขึ้น ไม่ว่าจะใช้งานทั่วไปหรือเล่นเกม ไม่เห็นความกระตุกหรือรอยต่อการเคลื่อนไหวให้กวนตา โดยเฉพาะเกมและวิดีโอที่ภาพเคลื่อนไหวเร็ว ๆ จะเห็นผลต่างตรงนี้ชัดเจน

*ทั้งนี้ เกม แอป คอนเทนต์ ต้องรองรับด้วย ถึงจะเห็นผล แต่ว่าก็น่าเสียดายจุดนี้เช่นกัน เพราะโดยเฉพาะเกมนี่จะไปรองรับกันเยอะ

3. ไม่มี Touch ID

จุดสำคัญเลยที่มีคนเรียกร้องคือ อยากให้ “Touch ID” กลับมา แม้ว่า “Face ID” จะปรับปรุงให้ Passcode ทำงานแทนการสแกนใบหน้าเวลาใส่หน้ากากได้เร็วขึ้น แต่ก็ไม่สะดวกเท่าใช้ Touch ID ที่ใช้นิ้วสแกนได้เลยอยู่ดี ซึ่งเราไม่ติดว่าจะใช้เป็นสแกนนิ้วที่ปุ่มปลดล็อกเครื่องแบบ iPad Air 4 หรือจะเป็นสแกนนิ้วใต้จอแบบที่ Android ส่วนใหญ่ทำในปัจจุบัน จะแบบไหนก็ได้ แต่แอปเปิ้ลช่วยใส่มาให้หน่อยได้ไหม

แต่ประเด็น Touch ID นี้ก็มีความเป็นไปได้ต่ำ เพราะแอปเปิ้ลชอบอินดี้ว่าของที่เอาออกไปแล้วมักจะไม่กลับมา ถึงแม้ว่า Covid-19 จะเปลี่ยนวิธีการใช้สมาร์ตโฟนของคนทั้งโลกไปแล้วก็ตาม

4. หน้าจอยังมีรอยบากเหมือนเดิม

รอยบากขนาดมหึมาของ iPhone เป็นมรดกมาตั้งแต่ iPhone X เมื่อ 3 ปีก่อน ในขณะที่คู่แข่งทำเต็มจอไร้ขอบแบบไม่มีรอยบากแล้ว หรือทำกล้องหน้าให้เล็กจนดูกลมกลืนไม่กินพื้นที่มาก แต่ iPhone ก็ยังคงใช้ดีไซน์หน้าจอแบบนี้ต่อไป เพราะเซนเซอร์ของ Face ID ต้องการพื้นที่เยอะ

ตามสไตล์ของแอปเปิ้ล เราคงต้องรอให้เทคโนโลยีซ่อนกล้องใต้จอพัฒนาจนแอปเปิ้ลพอใจก่อน (ปัจจุบันมีมือถือของ ZTE ทำกล้องหน้าซ่อนใต้จอออกมาขายจริงแล้ว) ซึ่งเราก็ไม่แน่ใจว่า iPhone รุ่นต่อไปจะได้ใช้ไหม หรือเราจะต้องใช้ iPhone ที่มีรอยบากกันต่อไปอีกปีหนึ่ง

5. ไม่แถมหัวชาร์จมาให้

ประเด็นนี้จะมีปัญหาน้อยหน่อยถ้าเราไม่ได้อยู่ในยุคเปลี่ยนผ่านจาก USB-A เป็น USB-C อย่างในปัจจุบันนี้ คือสำหรับผู้ใช้ iPhone มาตลอด ที่ผ่านมาไอโฟนจะแถมเพียงหัวชาร์จแบบ USB-A เท่านั้น ผู้ใช้ไอโฟนจึงมีหัวชาร์จแค่แบบ USB-A ที่นี้เมื่อ iPhone 12 ออกมาแบบไม่แถมหัวชาร์จ แต่สาย Lightning ที่แถมมาเป็นแบบ USB-C to Lightning สุดท้ายผู้ใช้ไอโฟนก็ต้องซื้อหัวชาร์จแบบ USB-C ใช้เองอยู่ดี เว้นแต่จะไปหามาจากมือถือ Android, iPad หรือ Macbook ได้

ถ้าไม่มีจริงๆ แอปเปิ้ลก็ขายหัวชาร์จ 20 Watt ในราคา 690 บาทนะ

ซึ่งเราก็เข้าใจว่าแอปเปิ้ลต้องการลดขยะ แต่เราว่าแถมหัวชาร์จ USB-C ให้ใน iPhone 12 แล้วไอโฟนรุ่นหน้าไม่ต้องแถมแล้ว เพื่อให้คนได้เปลี่ยนผ่านกันก่อน จะหล่อกว่านี้มาก

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส