หลังจากที่ Ricoh ได้ประกาศว่า Ricoh GR III กำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนาเมื่อ 5 เดือนที่แล้ว ในที่สุดก็ได้ประกาศข้อมูลอย่างเป็นทางการว่า Ricoh GR 3 จะพร้อมขายในเดือนมีนาคมนี้ในราคา 32,990 บาท

เทียบกับมือแล้ว Ricoh GR 3 ตัวเท่านี้เอง

จุดเด่นของ Ricoh GR III คือเป็นกล้องคอมแพคขนาดเล็กและเบาที่สามารถพกใส่กระเป๋าได้ทุกวัน โดยมันมีขนาดแค่ 109 x 62 x 33 mm ที่เล็กกว่ารุ่นพี่ทั้ง GR และ GR II ซึ่งถ้าไม่นับความหนา มันเล็กกว่าสมาร์ทโฟนในปัจจุบันอีก และมีน้ำหนักแค่ 257 กรัม แต่ภายใต้ขนาดที่เล็กแบบนี้ GR 3 ใช้เซนเซอร์ขนาด APS-C เทียบกับกล้อง Mirrorless ระดับกลางๆ เลย ซึ่งทำให้คุณภาพภาพถ่ายจาก Ricoh GR III นั้นดีกว่ากล้องคอมแพคทั่วไปที่ใช้เซนเซอร์ขนาดเล็กกว่านี้

Ricoh GR 3 นั้นมาพร้อมเลนส์ 28 mm f/2.8 เหมือนเดิม (ซูมไม่ได้นะ) พร้อมฟิลเตอร์ ND 2 stop ในกล้อง แต่ปรับปรุงชุดเลนส์ใหม่ให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น ระยะโฟกัสใกล้สุดเหลือแค่ 6 cm พร้อมใส่ระบบป้องกันภาพสั่นไหว (SR) แบบ 3 แกนที่อาศัยการเคลื่อนเซนเซอร์ ชดเชยแสงได้ 4 stop ซึ่ง Ricoh ก็นำระบบชดเชยการสั่นไหวนี้มาประยุกต์ใช้ให้กล้องทำงานในโหมดจำลองฟิลเตอร์ anti aliasing ซึ่งแก้ไขปัญหา moiré เวลาถ่ายภาพที่มีรายละเอียดตารางเยอะๆ นอกจากนี้ยังใส่ระบบ Ultrasonic เพื่อป้องกันฝุ่นติดเซนเซอร์มาให้ด้วย

กล้องรุ่นนี้เป็นครั้งแรกในตระกูล GR ที่มาพร้อมหน้าจอสัมผัสขนาด 3 นิ้ว ซึ่งก็ต้องทดลองกันต่อไปว่าจะใช้งานได้ลื่นไหลหรือไม่ แต่การที่หน้าจอสัมผัสได้ก็ทำให้เลือกจุดโฟกัสได้ขึ้นเช่นกัน และระบบควบคุมหลักๆ ที่เคยเป็นจุดเด่นของ GR เดิมอย่างก้านโยกก็ยังอยู่ครับ

ในส่วนของประสิทธิภาพ Ricoh GR III ก็ถือว่าปรับไปเยอะมาก ระดับ Major Change หลังจากไม่ได้ปรับใหญ่มานานกว่า 5 ปี โดยเพิ่มความละเอียดภาพจาก 16 ล้านเป็น 24 ล้านพิกเซล สามารถบันทึกไฟล์ RAW ระดับ 14 bit ได้ เซนเซอร์ตัวใหม่ก็มาพร้อมเทคโนโลยีโฟกัสแบบ phase detection ทำให้กล้องโฟกัสได้เร็วกว่าเดิม (แต่ยังไม่รู้ว่ามีจุดโฟกัสกี่จุด) และ ISO สามารถทำได้ที่ 100 – 102,400 นอกจากนี้ยังเพิ่มการเชื่อมต่อ Bluetooth และ Wifi เข้าไปในกล้องด้วย พร้อมใช้พอร์ต USB-C เพื่อชาร์จไฟและส่งข้อมูล

แต่ Ricoh GR III ก็มีจุดอ่อนเมื่อเทียบกับ GR ตัวก่อนๆ เช่นกันคือ ในรุ่นนี้ไม่มีแฟลชในตัว ต้องใช้แฟลชนอกผ่าน Hot-shoe เท่านั้น ส่วนการถ่ายวิดีโอก็ปรับปรุงขึ้นเป็น 1080p 60 fps แต่ยังถ่าย 4K ไม่ได้ และไม่มีช่องหูฟังและช่องต่อไมโครโฟน นอกจากนี้อายุแบตเตอรี่ยังสั้นลง จากเดิมที่ถ่ายได้ 320 ภาพต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ก็เหลือแค่ 200 ภาพต่อการชาร์จ 1 ครั้ง แม้ว่าจะใช้แบตเตอรี่รุ่นใหม่ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นแล้ว ก็เดาว่าระบบป้องกันภาพสั่นไหว SR น่าจะใช้ไฟจากแบตเตอรี่มากกว่าเดิมครับ (แต่ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้มาก เพราะเราชาร์จผ่าน USB-C ได้เสมอ จะชาร์จผ่าน Power Bank ก็ได้)

เลนส์เสริม GW-4 ทำให้ขยายมุมภาพจาก 28 mm เป็น 21 mm แต่ใช้เลนส์เสริมจาก GR ตัวเก่าไม่ได้ เพราะระบบเลนส์คนละแบบกัน

Ricoh GR III จะเริ่มขายในเดือนมีนาคม 2019 ในราคาเปิดตัว $899 ซึ่งแพงกว่า GR และ GR II ที่เปิดตัวมาที่ $799 ส่วนราคา Ricoh GR 3 ในไทยก็ประกาศออกมาแล้วที่ 32,990 บาทครับ

ที่มา: DPreview