ตลอดเวลาที่ ‘หนุ่ย-พงศ์สุข หิรัญพฤกษ์’ ทำงานอยู่ในฐานะพิธีกร และเลือกที่จะทำเพียงแค่อาชีพเดียว ตลอดกว่า 23 ปีของการทำงาน สิ่งหนึ่งที่คุณหนุ่ยต้องเจอตลอดนั่นก็คือการทำงานกับคน ที่ประกอบไปด้วยคนหลากหลายเจนเนอเรชัน ในวันที่ตัวคุณหนุ่ยเองก็พบกับ ‘Sandwich Generation’ คนตรงกลางที่ต้องทำงานกับคนทุกเจน แล้วจะเชื่อมโยงคนทุกเจนเข้าด้วยกันไว้ได้อย่างไร ?

บทความนี้จะเป็นการสรุปเนื้อหาที่คุณหนุ่ย-พงศ์สุข หิรัญพฤกษ์ ได้ขึ้นพูดบนเวที Main Stage ในงาน CTC 2023 Festival ในหัวข้อ ‘Connecting the Dots: Uniting Generations เชื่อมโยงคนต่างวัยไม่เป็นคนห่างไกล’ เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2566 ที่ผ่านมา

ผมพูดงาน Creative Talk มาหลายปี ทุก ๆ ปี คุณเก่ง (ผู้จัดงาน) จะมอบท่ายากให้ผมมาพูดคุยกับทุกคนเสมอ แต่คุณเก่งไม่เคยเดินมาดูสักครั้งเดียว ดังนั้น เขาควรที่จะต้องมานั่งตรงนี้ เพื่อที่จะได้มั่นใจว่า คุณจะดูผมสักที !

หนุ่ย-พงศ์สุข หิรัญพฤกษ์ @ CTC 2023

คุณหนุ่ยเป็นคน Gen X หรือที่จริง ๆ ต้องเรียกว่า ‘Sandwich Generation’ เพราะเป็นคนที่ต้องอยู่ตรงกลางอย่างที่จะต้อง ‘Bridge the Gap’ กล่าวคือเป็นสะพานเพื่อเชื่อมช่องว่างระหว่างวัย จากคนที่มีอายุมาก ๆ อย่าง Baby Boomer ไปจนถึงคนรุ่นใหม่ในการทำงานอย่าง Gen Z (ซึ่งจะรวมถึง Gen Alpha ในอนาคต เพียงแต่ว่าคนรุ่นนั้นยังอายุไม่มากพอที่จะทำงาน)

คน Gen X เรียกได้ว่าเป็นวัยแห่งการเปลี่ยนผ่านที่แท้จริง ผู้คนในยุคนี้ได้ผ่านจากยุคแอนะล็อก (Analog) มาครึ่งชีวิต มาจนถึงยุคดิจิทัล (Digital) อีกครึ่งชีวิตในตอนนี้ ได้เจอการเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีมากมาย ในขณะที่คน Gen Y กลับกลายเป็นคนส่วนมากของสังคมการทำงาน แทนที่คน Gen X ไปแล้ว และคน Gen Z ที่ได้เจอกับดิจิทัลมาตั้งแต่เด็ก เป็น Digital Native ในยุคนี้

ในขณะเดียวกัน คนยุค Baby Boomer ก็เจอกับแอนะล็อกมาทั้งชีวิต และก็เจอกับการเปลี่ยนแปลงที่เรียกว่ามากจนน่าตกใจเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะในช่วงทศวรรษที่ผ่านมานี้ คนยุคนี้จะรู้เสมอในฐานะผู้นำองค์กรว่าโลกจะต้องเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล แต่พอ Gen Y หรือ Gen Z ในออฟฟิศจะเสนอการเปลี่ยนผ่าน ที่ต้องยกเลิกขนบบางอย่าง Baby Boomer จะบอกว่า “เดี๋ยวดูให้” ซึ่งอาจจะไม่ทันการเอาได้

คน Gen X เหมาะที่จะตัดสินใจที่สุด แต่ไม่ใช่ไปคิดแทนคนยุคอื่น

คน Gen ใหม่จะเป็นผู้ที่ตัดสินใจได้เร็วกว่าเสมอ คนในยุคนี้จะเติบโตมาพร้อมกับการเข้ามาของสมาร์ตโฟน ซึ่งจะทำสิ่งต่าง ๆ ได้เร็ว ไม่ต้องรอนาน ดังนั้นคนในยุคก่อน จะมีส่วนอย่างมากในการให้คำชี้แนะ และแนะนำ ไม่ใช่การชี้นำ หรือสั่งให้ทำ ต้องให้โอกาสเขาในการตัดสินใจ

องค์กรสมัยใหม่ ที่ต้องการความพลวัต (Dynamic) สูง จะขาดคนเจน Baby Boomer และ Gen X ไป เพราะเขาต้องการการตัดสินใจที่ไว แต่ความจริงแล้วคนใน Gen X เหมาะที่จะเป็นผู้ตัดสินใจในเรื่องการเปลี่ยนผ่านมากที่สุด เพราะเขาได้เห็นการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ตรงหน้าไปแล้ว ตั้งแต่ยุคแอนะล็อกไปยังดิจิทัล

(ถ้า)เราฟังคนด้วยใจมากขึ้น เราจะเข้าใจว่าเราจะสามารถเชื่อมช่องว่างระหว่างวัย หรือ Connect The Dot ได้อย่างไร

หนุ่ย-พงศ์สุข หิรัญพฤกษ์ @ CTC 2023

ประสบการณ์ ‘หนุ่ย – พงศ์สุข’ กับการทำงานกับคนครบทุก Generation

Baby Boomer

คุณหนุ่ยได้ใช้คำว่า ‘เลือกที่จะสนิทกับคนแก่หลายคนในชีวิต’ นับตั้งแต่คนใกล้ตัวอย่างแม่ยาย ไปจนถึงเพื่อนแม่, ญาติ ๆ ของแม่ หรือกระทั่งคนรุ่นแม่ (ของพี่หนุ่ย) อย่าง ‘ชาลอต โทณวณิก’ ที่ปรึกษาด้านสื่อสารองค์กร กลุ่มบริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเมนต์ คอร์ปอเรชั่น (MQDC) ที่ทำให้ ‘หนุ่ย – พงศ์สุข’ ในวัย 45 ปี รู้ว่าเขาเข้ากันได้ดีกับคน Baby Boomer มากกว่าที่คิด หรือ ‘พัทธยา จิตต์เมตตา’ อาจารย์สอนวาทการของคุณหนุ่ยเอง ที่ยังคงติดต่อหากัน ซึ่งการคุยกับคนรุ่น Boomer นั้น เขาจะสามารถให้คำแนะนำกับคนรุ่นต่อ ๆ ไปได้ สิ่งที่คนยุคนี้ต้องการคือ เมื่อเขาทำสำเร็จไปแล้ว เขาจะแนะนำใครได้ต่อบ้าง ?

ในปี 2562 คุณหนุ่ยได้เจอเพื่อนต่างวัยอย่างแท้จริงคือ ‘ธนินท์ เจียรวนนท์’ ประธานอาวุโสของเครือเจริญโภคภัณฑ์ที่อายุห่างกับคุณหนุ่ย 40 ปี ซึ่งหลังจากที่ Beartai ได้ทำคลิปที่พระราชวังแวร์ซายกับ CP ล่าสุดนี้ ก็ได้มีการโทรมาขอบคุณคุณหนุ่ยที่ทำคลิปด้วยตัวเอง และฝากคำไว้ว่า “ผมชอบ ไม่เท่าคนอื่นชอบ” คุณหนุ่ยจึงได้บทเรียนว่า จะทำสิ่งที่ชอบอย่างเดียวไม่ได้ คนอื่นจะต้องชอบมากกว่า และจากการได้ติดตามไปร่วมทริปด้วยกันกับลูกของคุณธนินท์ ทำให้รู้ว่า ไม่มีการเจรจา หรือการแก้ปัญหาใดที่จะสำเร็จได้ ถ้าไม่พูดกันดี ๆ

ปัจจุบัน เราทุกคนล้วนอยู่ในโลกที่ ‘VUCA‘ กล่าวคือ

  • Volatility : เปลี่ยนไว
  • Uncertainty : ไม่แน่นอน
  • Complexity : ซับซ้อน 
  • Ambiguity : คลุมเครือ

ธุรกิจ ไม่ว่าจะยุคสมัยไหน ต่างถูกเข้ามารบกวน (Disrupt) ตลอดทุกยุคทุกสมัย ไม่ว่าจะเป็นสื่อที่เจอตั้งแต่ยุคของหนังสือพิมพ์, วิทยุ, โทรทัศน์ ไปจนถึงออนไลน์อย่างทุกวันนี้ ดังนั้น การ ‘Disrupt’ จึงหมายถึง การขานรับวิถีใหม่ ที่เข้ามาในชีวิตของเรา มากกว่าที่จะเข้ามาทำลายสิ่งเดิมของเรา ถ้าเราปรับตัวตามได้ การ ‘รบกวน’ นี้ก็ไม่ได้อันตรายมากนัก

Gen X

‘ชัชชาติ สิทธิพันธุ์’ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร คือคนจาก Gen X ที่มีพลวัตในการปรับตัวที่สูง พร้อมเปิดรับสิ่งใหม่ ๆ ตลอดเวลา ในครั้งที่คุณหนุ่ยได้เชิญมาเป็นประธานในการเปิดงาน Thailand Game Show เมื่อปีที่ผ่านมา คุณชัชชาติเองก็เป็นคนที่พร้อมทำตามไอเดียของคนรุ่นใหม่ตลอด (เช่นให้ใส่ถุงมือดีดนิ้วก็ทำ) นอกจากนั้น เขาก็ได้ชวนคุณหนุ่ยในการทำคอนเทนต์เกี่ยวกับการแยกขยะ โดยแนะนำให้จัดเรื่องแยกขยะ ‘เปียกกับไม่เปียกก่อน’ แทนที่จะให้แยกเป็น 6 หรือ 8 ถัง เพราะเขารู้ว่าการแยกขยะถึงขั้นนั้นเป็นเรื่องซับซ้อนสำหรับคนที่อาจจะยังไม่ทราบเรื่องนี้ ดังนั้น คนใน Gen X ที่ผ่านยุคมาค่อนข้างมาก เลยเข้าใจวิธีการแก้ไขในแบบที่จะสามารถเป็นไปได้นั่นเอง

Gen Y

อีกคนที่คุณหนุ่ยได้ร่วมงาน รวมถึงเป็นคน Gen Y ด้วย นั่นคือ ‘อิทธิพัทธ์ กุลพงษ์วณิชย์’ (คุณต๊อบ เถ้าแก่น้อย) เลยได้ศึกษากลยุทธ์ของคน Gen Y นั่นคือการเป็น คนที่ค่อย ๆ คิด ไม่ต้องรีบพูด และให้คำแนะนำแทน เช่นที่ได้แนะนำให้คุณหนุ่ยตีกอล์ฟ เป็นต้น

Gen Z

ในบริษัท Show No Limit ตอนนี้ประกอบไปด้วยคน Gen Z ที่สามารถขับเคลื่อนบริษัทไปข้างหน้าได้จำนวนมาก ซึ่งจากการทำงานกับคนยุคนี้จำนวนมาก ทำให้ทราบว่า ในหลาย ๆ ครั้ง คุณอาจจะต้องลดเวลาทำธุรกิจ และเพิ่มเวลาในการเรียนรู้ Generation ด้วยการ ‘ถามคนในยุคนี้อยู่เสมอว่า เขาคิดอย่างไรกับเรื่องนี้บ้าง’ เนื่องจากคนในยุคนี้มักจะมีมุมมองที่แตกต่างออกไป

ปัจจุบัน บริษัท Show No Limit มีสื่อในเครือรวม 10 สื่อ ซึ่ง ‘Talent’ ที่อยู่หน้ากล้องของบริษัทที่มีอยู่นั้น จะประกอบไปด้วยคนหลากหลายยุคมาก ทั้งคน Gen X, Gen Y และ Gen Z นั่นก็เป็นเพราะว่า คนในแต่ละ Generation จะสื่อสารกับบุคคลที่แตกต่างกัน โดยจะสามารถสื่อสารกับคนที่มากกว่า และน้อยกว่าตัวเองได้ 1 ยุคเสมอ

Gen Alpha

คนใน Gen Alpha นี้ถือได้ว่าเป็นคนที่แม้จะยังไม่ได้มาทำงานในตอนนี้ แต่เป็นคนที่จะได้เจอกับ AI และอยู่กับ AI ตลอด และปรับตัวเข้ากับ AI ได้ทันที AI จะเข้ามาช่วยในการทำงานในอนาคตอย่างมาก จนถึงกับว่า แค่วางแผนก็พอ และให้ที่เหลือเป็นหน้าที่ของ AI จริง ๆ แล้ว AI ไม่ได้เกิดขึ้นมาเพื่อทำร้ายมนุษย์ แต่จะมาสอนมนุษย์ให้มนุษย์เป็นคนที่จิตใจดีขึ้น และเราจะต้องท้าทายไปกับ AI ด้วย เพราะเราทุกคนยังคงต้องออกมาใช้ชีวิตอยู่ กล่าวคือยังต้องมีการจ้างงาน สร้างเงินหล่อเลี้ยงเศรษฐกิจอยู่ แต่ AI ใครใช้ได้ ก็จะเห็นความเร็วในการทำงานที่เพิ่มขึ้นได้ด้วย ต้นทุนในการทำธุรกิจที่แพงที่สุดคือ ‘เวลา’ ถ้าย่นย่อเวลาได้ การทำงานก็จะมีประสิทธิภาพนั่นเอง อย่ากลัว AI เลย กลัวคนที่ใช้ AI เก่งดีกว่า เพราะเขาจะเร็วกว่าคุณเยอะ

ถ้าถามว่าทำไมเราต้องคุยกับคนหลายยุค นั่นเป็นเพราะว่า ‘ความรู้มันเก่าเร็ว’ และการรู้แล้ว รู้เลยแบบเมื่อก่อนนั้นเป็นไปไม่ได้อีกแล้ว คนต่างยุคจะมีความรู้ที่แตกต่างกัน ดังนั้นการเชื่อมจุดระหว่างคนแต่ละยุค จะเกื้อหนุนความรู้เข้าด้วยกัน และนำไปสู่ความรู้ใหม่ ๆ เพิ่มเติมได้

เราต้องให้คุณค่าสำคัญกับการเคารพคุณค่าของการเป็นมนุษย์ แม้จะต่างวัย ผมคิดว่าทุกคนมีองค์ความรู้ที่จะช่วยกันพัฒนา(โลก)ต่อไปได้

หนุ่ย-พงศ์สุข หิรัญพฤกษ์ @ CTC 2023

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส